ราชเทวี คลินิก ชูความครบวงจรลุยตลาด อัด 400 ล้านบาท ผุด”เอสต้า เดอร์ม่า”ศูนย์บริการรักษาผิวพรรณ-เสริมความงาม 50 แห่ง รับตลาดเสริมความงามบูม หลังรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ทยอยปรับภาพลักษณ์ทันสมัย ขยายฐานลูกค้าวัยรุ่น สิ้นปีนี้รายได้รวม 3,000 ล้านบาท ปีหน้าโกยคอร์ปอเรจแชร์เพิ่มจาก 30% เป็น 40% รั้งบัลลังก์ผู้นำ
ราชเทวี คลินิก ชูความครบวงจรลุยตลาด อัด 400 ล้านบาท ผุด”เอสต้า เดอร์ม่า”ศูนย์บริการรักษาผิวพรรณ-เสริมความงาม 50 แห่ง รับตลาดเสริมความงามบูม หลังรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ทยอยปรับภาพลักษณ์ทันสมัย ขยายฐานลูกค้าวัยรุ่น สิ้นปีนี้รายได้รวม 3,000 ล้านบาท ปีหน้าโกยคอร์ปอเรจแชร์เพิ่มจาก 30% เป็น 40% รั้งบัลลังก์ผู้นำ
นายชวลิต ช่วงชัยชัชชาล กรรมการบริหาร บริษัท ราชเทวี โฮลิสติก คลินิก จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์รักษาผิวพรรณราชเทวี เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้วางแผนรีแบรนด์ราชเทวีคลินิกครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี โดยได้ทยอยปรับโลโก้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความทันสมัย ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 400 ล้านบาท เปิดศูนย์บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงาม”เอสต้า เดอร์ม่า" ซึ่งจะเป็นการให้บริการเสริมด้านความงามที่เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ครบวงจรมากขึ้น จากเดิมราชเทวีมีความโดดเด่นการรักษาผิวพรรณ โดยจะเปิดให้บริการครอบคลุม 50 สาขา
บริษัทได้ทุ่มงบ 40 ล้านบาท เปิดบริการ 10 สาขา นำร่องก่อน และภายใน 2 ปี ขยายให้ครบ 40 สาขา ทั้งนี้การเปิดศูนย์เอสต้า เดอร์ม่า เพื่อตอกย้ำโพซิชันนิ่งการเป็นศูนย์รักษาและเสริมความงามชองผิวอย่างครบวงจร และรองรับกับตลาดเสริมความงามที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป โดยเข้ามาใช้บริการด้านความงามมากขึ้น จากเดิมมุ่งเน้นเพื่อรักษาเป็นหลัก จึงมองว่าเป็นโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ และขณะเดียวกันยังสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% กลุ่มวัยทำงาน 40% และผู้ใหญ่ 30%
“ในอนาคตหากบริการเอสต้า เดอร์ม่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บริษัทวางแผนแตกแบรนด์เอสต้า เดอร์ม่า ขึ้นมาเป็นศูนย์บริการด้านความงามเฉพาะเจาะจง จากปัจจุบันบริษัทมีแพนคอสเมติก วางโพซิชันนิ่งเป็นศูนย์บริการความงามแตกต่างจากราชเทวี”
พร้อมกันนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการการตลาด 50 ล้านบาท โดยเน้นสื่อสารและสร้างการรับรู้โดยตรงกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน และโดยเฉพาะวัยรุ่น จะใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ และการจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น และงบอีก 80 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์เครื่องมือและบุคลากร ส่วนอีก 70 ล้านบาทสำหรับการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ของราชเทวีที่ทยอยปรับใหม่ และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้านี้ ส่วนด้านการขยายสาขาในปีหน้าวางไว้ 5 แห่ง โดยใช้งบ 25-30 ล้านบาท ตลาดผู้ให้บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงามมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้การเติบโต 10-15% ซึ่งภาวะตลาดชะลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้พฤติกรรมของลูกค้าลดการใช้บริการลง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลาง เมื่อเทียบกับในช่วงภาวะเศรษฐกิจดี ตลาดมีการเติบโต 15-20%
อย่างไรก็ตามสภาพการแข่งขันในตลาด พบว่าผู้ประกอบการเปิดศูนย์ด้านความงามมีเพิ่มขึ้น เพราะมองว่าความงามเป็นเหมือนปัจจัยที่ 6 ของคน
สำหรับผลประกอบการปีนี้ราว 3,000 ล้านบาท โดยเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งในแง่คอร์ปอเรจ 30% จากตลาดผู้ให้บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงาม 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มราชเทวี 1,800 ล้านบาท เติบโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 15-20% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนอีก 1,200 ล้านบาท เป็นรายได้กลุ่มแพนคอสเมติก และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกเปิดศูนย์บริการเอสต้า เดอร์ม่า ผลักดันให้บริษัทมีส่วนแบ่งในแง่คอร์ปอเรจในปีหน้าเพิ่มเป็น 40% ส่วนราชเทวี เติบโต 15%
ราชเทวี คลินิก ชูความครบวงจรลุยตลาด อัด 400 ล้านบาท ผุด”เอสต้า เดอร์ม่า”ศูนย์บริการรักษาผิวพรรณ-เสริมความงาม 50 แห่ง รับตลาดเสริมความงามบูม หลังรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ทยอยปรับภาพลักษณ์ทันสมัย ขยายฐานลูกค้าวัยรุ่น สิ้นปีนี้รายได้รวม 3,000 ล้านบาท ปีหน้าโกยคอร์ปอเรจแชร์เพิ่มจาก 30% เป็น 40% รั้งบัลลังก์ผู้นำ
นายชวลิต ช่วงชัยชัชชาล กรรมการบริหาร บริษัท ราชเทวี โฮลิสติก คลินิก จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์รักษาผิวพรรณราชเทวี เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้วางแผนรีแบรนด์ราชเทวีคลินิกครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี โดยได้ทยอยปรับโลโก้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความทันสมัย ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 400 ล้านบาท เปิดศูนย์บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงาม”เอสต้า เดอร์ม่า" ซึ่งจะเป็นการให้บริการเสริมด้านความงามที่เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ครบวงจรมากขึ้น จากเดิมราชเทวีมีความโดดเด่นการรักษาผิวพรรณ โดยจะเปิดให้บริการครอบคลุม 50 สาขา
บริษัทได้ทุ่มงบ 40 ล้านบาท เปิดบริการ 10 สาขา นำร่องก่อน และภายใน 2 ปี ขยายให้ครบ 40 สาขา ทั้งนี้การเปิดศูนย์เอสต้า เดอร์ม่า เพื่อตอกย้ำโพซิชันนิ่งการเป็นศูนย์รักษาและเสริมความงามชองผิวอย่างครบวงจร และรองรับกับตลาดเสริมความงามที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป โดยเข้ามาใช้บริการด้านความงามมากขึ้น จากเดิมมุ่งเน้นเพื่อรักษาเป็นหลัก จึงมองว่าเป็นโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ และขณะเดียวกันยังสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% กลุ่มวัยทำงาน 40% และผู้ใหญ่ 30%
“ในอนาคตหากบริการเอสต้า เดอร์ม่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บริษัทวางแผนแตกแบรนด์เอสต้า เดอร์ม่า ขึ้นมาเป็นศูนย์บริการด้านความงามเฉพาะเจาะจง จากปัจจุบันบริษัทมีแพนคอสเมติก วางโพซิชันนิ่งเป็นศูนย์บริการความงามแตกต่างจากราชเทวี”
พร้อมกันนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการการตลาด 50 ล้านบาท โดยเน้นสื่อสารและสร้างการรับรู้โดยตรงกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน และโดยเฉพาะวัยรุ่น จะใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ และการจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น และงบอีก 80 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์เครื่องมือและบุคลากร ส่วนอีก 70 ล้านบาทสำหรับการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ของราชเทวีที่ทยอยปรับใหม่ และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้านี้ ส่วนด้านการขยายสาขาในปีหน้าวางไว้ 5 แห่ง โดยใช้งบ 25-30 ล้านบาท ตลาดผู้ให้บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงามมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้การเติบโต 10-15% ซึ่งภาวะตลาดชะลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้พฤติกรรมของลูกค้าลดการใช้บริการลง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลาง เมื่อเทียบกับในช่วงภาวะเศรษฐกิจดี ตลาดมีการเติบโต 15-20%
อย่างไรก็ตามสภาพการแข่งขันในตลาด พบว่าผู้ประกอบการเปิดศูนย์ด้านความงามมีเพิ่มขึ้น เพราะมองว่าความงามเป็นเหมือนปัจจัยที่ 6 ของคน
สำหรับผลประกอบการปีนี้ราว 3,000 ล้านบาท โดยเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งในแง่คอร์ปอเรจ 30% จากตลาดผู้ให้บริการรักษาผิวพรรณและเสริมความงาม 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มราชเทวี 1,800 ล้านบาท เติบโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 15-20% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนอีก 1,200 ล้านบาท เป็นรายได้กลุ่มแพนคอสเมติก และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกเปิดศูนย์บริการเอสต้า เดอร์ม่า ผลักดันให้บริษัทมีส่วนแบ่งในแง่คอร์ปอเรจในปีหน้าเพิ่มเป็น 40% ส่วนราชเทวี เติบโต 15%
