ASTVผู้จัดการรายวัน – สยามพิวรรธน์เผย แฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ขึ้นเวสติ้งลิสท์ เข้าสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เพียบ ปีนี้มาใหม่แล้วเกือบ 20 แบรนด์ ชี้ปีหน้าจ่อคิวรออีกเพียบ พร้อมอัดงบ 45 ล้านบาท โหมอีเวนต์ใหญ่ปลายปีรับเทศกาล
นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้บริหารสายการตลาดและประชาสัมพันธ์ สยามซ็นเตอร์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากบริษัทฯได้วางคอนเซ็ปท์และตำแหน่งการตลาดที่ชัดเจนให้กับสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์กลางของการเป็นศูนย์รวมแฟชั่นหรือแฟชั่นแอนด์ฟัน (Fashion and Fun) ทำให้ปัจจุบันมีเสื้อผ้าทั้งของไทยและอินเตอร์แบรนด์จำนวนมาก รอเข้าคิวที่จะเปิดชอปในสองศูนย์การค้านี้จำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันทั้งสองศูนย์มีแฟชั่นของไทยจำนวน 40% และเป็นอินเตอร์แบรนด์ 60%
โดยในปีนี้มีเสื้อผ้าแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์มากกว่า 20 แบรนด์เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในไทยด้วยการเปิดชอปภายในสองศูนย์การค้านี้ อีกทั้งสินค้าแฟชั่นแอสเซสซอรี่จากเดิมที่มีเพียง 40% จากจำนวนพื้นที่ก็ได้เพิ่มมาเป็น 50% แล้ว ถือว่า เป็นสัญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย และตอกย้ำควาเป็นศูนย์รวมแฟชั่นของสองศูนย์นี้ด้วย
ล่าสุดในวันที่ 4 พฤศจิกายนศกนี้ก็จะมีการเปิดตัวมัลติแฟชั่นแบรนด์ดังจากฮ่องกงและเปิดแฟลกชิบสโตร์แห่งแรกคือ “another F.C.K.” แห่งแรกในไทย บนชั้น 4 ที่สยามเซ็นเตอร์ พื้นที่ 300 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มาก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วแฟชั่นแบรนด์ที่เปิดกับเราจะมีพื้นที่เฉลี่ย 100-200 ตารางเมตร ซึ่งนายอรรถพล ตั้งคารวคุณ ผู้นำเข้า “another F.C.K.” กล่าวว่า ได้ลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาทในการเปิดบูติกที่สยามเซ็นเตอร์ เพราะเชื่อมั่นในฐานะศูนย์รวมแฟชั่นของไทย
สำหรับในปีหน้าคาดว่าจะมีอินเตอร์แบรนด์อีกหลายแบรนด์ที่จะเข้ามาเปิดร้านในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์อีกมาก แต่ทั้งนี้บริษัทฯจะพิจารณาดูถึงเทรนด์ก่อนว่าเป็นอย่างไร มาจากประเทศอะไร มีแนวโน้มในการเติบโตในเมืองไทยหรือไม่ ถ้าดูแล้วดีเราก็จะเปิดรับ ซึ่งในปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันรายได้จากกลุ่มแฟชั่นมีรวมประมาณ 70% จากรายได้ทั้งหมด
**เพิ่มอีเวนต์รับเทศกาล
นางศิริเพ็ญ กล่าวต่อว่า สำหรับในช่วงเทศกาลสิ้นปีนี้บริษัทฯได้ใช้งบตลาดกว่า 45 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมต่างๆ จากงบทั้งปี 400 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 250 ล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายนี้จะมีอีเวนต์เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยอีเวนต์ใหญ่ๆเช่น แฟชั่นโชว์อินเตอร์แบรนด์คอนเซปท์ “Mystique” , งานแกรนด์โอเพนนิ่งแบรนด์ใหม่จากฮ่องกง “another F.C.K.”, งานเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่จากดีไซน์เนอร์ไทย 27 Friday และ 27 Nov, แฟชั่นโชว์จากแบรนด์ Thearte ครบรอบ 25 ปี ของไทย และโปรโมชั่น “Luxury of Giving 2010”
ทั้งนี้คาดว่ากิจกรมต่างๆจะเพิ่มปริมาณลูกค้าเข้าสองศูนย์รวมกว่า 50% จากเดิม 80,000-100,000 คนต่อวัน โดยเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% ซึ่งคาดว่าในส่วนลูกค้าต่างชาตินั้นจะมีปริมาณคนเดินเข้าเพิ่มขึ้นอีก 20% จากฐานเดิม 30%
สำหรับบัตรวิซคาร์ดนั้น ปัจจุบันในส่วนของแบล็คคาร์ดมีประมาณ 1,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มาชอปปิ้งถี่ที่สุด กลุ่มไททาเนียมมีประมาณ 5,000 ราย และกลุ่มไวท์ มีประมาณ 4,000 ราย ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะได้รับสิทธิพิเศษในการชอปปิ้งต่างๆที่สองศูนย์การค้านี้
นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้บริหารสายการตลาดและประชาสัมพันธ์ สยามซ็นเตอร์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากบริษัทฯได้วางคอนเซ็ปท์และตำแหน่งการตลาดที่ชัดเจนให้กับสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์กลางของการเป็นศูนย์รวมแฟชั่นหรือแฟชั่นแอนด์ฟัน (Fashion and Fun) ทำให้ปัจจุบันมีเสื้อผ้าทั้งของไทยและอินเตอร์แบรนด์จำนวนมาก รอเข้าคิวที่จะเปิดชอปในสองศูนย์การค้านี้จำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันทั้งสองศูนย์มีแฟชั่นของไทยจำนวน 40% และเป็นอินเตอร์แบรนด์ 60%
โดยในปีนี้มีเสื้อผ้าแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์มากกว่า 20 แบรนด์เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในไทยด้วยการเปิดชอปภายในสองศูนย์การค้านี้ อีกทั้งสินค้าแฟชั่นแอสเซสซอรี่จากเดิมที่มีเพียง 40% จากจำนวนพื้นที่ก็ได้เพิ่มมาเป็น 50% แล้ว ถือว่า เป็นสัญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย และตอกย้ำควาเป็นศูนย์รวมแฟชั่นของสองศูนย์นี้ด้วย
ล่าสุดในวันที่ 4 พฤศจิกายนศกนี้ก็จะมีการเปิดตัวมัลติแฟชั่นแบรนด์ดังจากฮ่องกงและเปิดแฟลกชิบสโตร์แห่งแรกคือ “another F.C.K.” แห่งแรกในไทย บนชั้น 4 ที่สยามเซ็นเตอร์ พื้นที่ 300 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มาก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วแฟชั่นแบรนด์ที่เปิดกับเราจะมีพื้นที่เฉลี่ย 100-200 ตารางเมตร ซึ่งนายอรรถพล ตั้งคารวคุณ ผู้นำเข้า “another F.C.K.” กล่าวว่า ได้ลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาทในการเปิดบูติกที่สยามเซ็นเตอร์ เพราะเชื่อมั่นในฐานะศูนย์รวมแฟชั่นของไทย
สำหรับในปีหน้าคาดว่าจะมีอินเตอร์แบรนด์อีกหลายแบรนด์ที่จะเข้ามาเปิดร้านในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์อีกมาก แต่ทั้งนี้บริษัทฯจะพิจารณาดูถึงเทรนด์ก่อนว่าเป็นอย่างไร มาจากประเทศอะไร มีแนวโน้มในการเติบโตในเมืองไทยหรือไม่ ถ้าดูแล้วดีเราก็จะเปิดรับ ซึ่งในปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันรายได้จากกลุ่มแฟชั่นมีรวมประมาณ 70% จากรายได้ทั้งหมด
**เพิ่มอีเวนต์รับเทศกาล
นางศิริเพ็ญ กล่าวต่อว่า สำหรับในช่วงเทศกาลสิ้นปีนี้บริษัทฯได้ใช้งบตลาดกว่า 45 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมต่างๆ จากงบทั้งปี 400 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 250 ล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายนี้จะมีอีเวนต์เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยอีเวนต์ใหญ่ๆเช่น แฟชั่นโชว์อินเตอร์แบรนด์คอนเซปท์ “Mystique” , งานแกรนด์โอเพนนิ่งแบรนด์ใหม่จากฮ่องกง “another F.C.K.”, งานเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่จากดีไซน์เนอร์ไทย 27 Friday และ 27 Nov, แฟชั่นโชว์จากแบรนด์ Thearte ครบรอบ 25 ปี ของไทย และโปรโมชั่น “Luxury of Giving 2010”
ทั้งนี้คาดว่ากิจกรมต่างๆจะเพิ่มปริมาณลูกค้าเข้าสองศูนย์รวมกว่า 50% จากเดิม 80,000-100,000 คนต่อวัน โดยเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% ซึ่งคาดว่าในส่วนลูกค้าต่างชาตินั้นจะมีปริมาณคนเดินเข้าเพิ่มขึ้นอีก 20% จากฐานเดิม 30%
สำหรับบัตรวิซคาร์ดนั้น ปัจจุบันในส่วนของแบล็คคาร์ดมีประมาณ 1,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มาชอปปิ้งถี่ที่สุด กลุ่มไททาเนียมมีประมาณ 5,000 ราย และกลุ่มไวท์ มีประมาณ 4,000 ราย ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะได้รับสิทธิพิเศษในการชอปปิ้งต่างๆที่สองศูนย์การค้านี้
