xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจค้ารถปัดฝุ่นรร.อีสานบุรีทุ่มกว่าพันล.ดึงเซ็นทาราบริหาร-มุ่งขายMice

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

งแรมอีสานบุรี ที่ถูกทิ้งร้าง กำลังจะได้รับการปรับปรุงใหม่ ในเร็วๆนี้
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ธุรกิจโรงแรมเมืองหมอแคนขยายตัวต่อเนื่อง สวนทางภาพรวมเศรษฐกิจ ล่าสุดทุนท้องถิ่นตัวแทนขายรถยนต์ตัดสินใจซื้ออาคารโรงแรมร้างอีสานบุรีพัฒนาต่อ โดยใช้เงินลงทุนกว่าพันล้านบาท คาดสิ้นปี 53 เปิดบริการ ดึงเชนเซ็นทาราเครือเซ็นทรัลฯบริหาร มุ่งขายตลาด Mice เป็นหลัก เผยแผนระยะยาวอาจตั้งพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ต้องออกหุ้นกู้รายย่อย ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ

การลงทุนซื้ออาคารโรงแรมอีสานบุรี บนถนนประชาสโมสร อ.เมือง จ.ขอนแก่น จากเจ้าของเดิมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทของนายโชคชัย คุนวาสี เจ้าของโชว์รูมโตโยต้าแก่นนคร ตอกย้ำให้เห็นว่าธุรกิจที่พักโรงแรมในจังหวัดขอนแก่นยังขยายตัวได้อีกมาก แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่เพราะขอนแก่นเป็นศูนย์กลางหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษาของภูมิภาค ทำให้มีงานประชุมสัมมนาภาครัฐและเอกชนเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง ธุรกิจโรงแรมในขอนแก่นจึงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งการขายห้องพักให้นักท่องเที่ยวเหมือนหัวเมืองภูมิภาคอื่นๆเพียงอย่างเดียว

ในห้วง 5 ปีที่ผ่านมาจังหวัดขอนแก่นมีความเคลื่อนไหวลงทุนสร้างโรงแรมที่พักของกลุ่มทุนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง รวมห้องพักที่เพิ่มขึ้นใหม่นับพันห้อง โดยมากเป็นโรงแรมขนาดกลาง ราคาห้องพักไม่เกิน 1,000 บาท โรงแรมที่เปิดให้บริการล่าสุด เช่นโรงแรมประตูน้ำโฮเต็ล ขนาด 124 ห้อง บนถนนมิตรภาพขอนแก่น-นครราชสีมา ในพื้นที่เดียวกับศูนย์ค้าส่งประตูน้ำ

นายโชคชัย คุนวาสี กรรมการผู้จัดการ บริษัทโตโยต้าแก่นนคร จำกัด เปิดเผยว่าโรงแรมที่ซื้อต่อจากกลุ่มอีสานบุรีดังกล่าวเป็นอาคารโรงแรมที่ร้างมากว่า 10 ปี โครงสร้างอาคารเสร็จแล้วร่วม 70 % แต่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจก่อน ตามแผนงานจะเริ่มลงมือปรับปรุงก่อสร้างเพิ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป และจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมปี 2553 การวางผังโครงสร้างตัวอาคารทั้งภายในและภายนอก บริษัท เซ็นทารา อินเตอร์เนชันแนล เมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ดูแลและจะเป็นผู้บริหารโรงแรมแห่งนี้ภายใต้ชื่อ "โรงแรมเซ็นทารา โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ขอนแก่น"

โรงแรมเซ็นทารา โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ขอนแก่น มีนายโชคชัยเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 50 % ที่เหลืออีก 50 % มีนักธุรกิจ 2 รายในกรุงเทพฯที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และกิจการขายตรงถือหุ้นรายละ 30 % และ 20 % ตามลำดับ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1,300 ล้านบาทรวมเงินทุนที่ซื้อกิจการและการลงทุนปรับปรุงโรงแรมแห่งนี้

โรงแรมเซ็นทารา ขอนแก่น จะเน้นกลุ่มลูกค้างานประชุมสัมมนา(Meeting Incentive Convention and Exhibition -Mice)เป็นหลัก สอดรับกับศักยภาพจังหวัดขอนแก่นที่บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐมักเลือกใช้เป็นสถานที่จัดงานสัมมนา มีห้อง แกรนด์ บอลรูม พื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตรรองรับงานประชุมใหญ่ ที่เหลือเป็นห้องประชุมย่อยนับ 10 ห้อง ส่วนห้องพักมีประมาณ 200 ห้อง เกรดโรงแรมใกล้เคียงกับ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น

นายโชคชัยกล่าวย้ำว่าที่ตัดสินใจซื้ออาคารโรงแรมร้างจากกลุ่มอีสานบุรีมาพัฒนาต่อ ไม่ได้คาดหวังในผลกำไรทางธุรกิจ เพราะหากมองในแง่คุ้มทุนแล้วแทบไม่มีหรืออาจต้องใช้เวลานานมากอาจลากยาวถึง 20 ปี แม้แต่เจ้าของเดิมเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุนพัฒนาต่อ แต่เป็นเพราะตนอยากจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมท้องถิ่น มากกว่าจะมุ่งหวังกอบโกยผลกำไร ตนเชื่อมั่นว่าโรงแรมแห่งนี้จะช่วยให้จังหวัดขอนแก่นมีโอกาสที่จะรับงานประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ๆได้มากขึ้น

“ หลายปีที่ผ่านมาขอนแก่นเสียโอกาสในการเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาไปหลายๆงาน เพราะไม่มีสถานที่จัดงานที่เหมาะสมและที่พักบริการให้กับผู้เข้าร่วมงานเพียงพอ แม้จะมีโรงแรมที่พักอยู่จำนวนไม่น้อยก็ตาม แต่การจัดงานประชุมใหญ่ๆระดับประเทศสถานที่จัดงานและที่พักที่จะใช้ต้องเอื้อกัน”นายโชคชัยกล่าวและว่า

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่นเองก็จะเปิดให้บริการได้ในราวปลายปีนี้ และเมื่อโรงแรมเซ็นทาราขอนแก่นเปิดให้บริการแล้ว ในแง่ธุรกิจก็เกื้อหนุนกันได้ งานแสดงสินค้าบางงานที่มีขนาดใหญ่ก็อาจใช้ศูนย์การค้าเป็นที่จัดแสดงงาน ขณะที่โรงแรมเซ็นทาราขอนแก่นก็เป็นสถานที่จัดเสวนาในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นสถานที่พักของผู้เข้าร่วมงานด้วย หากไม่พอก็ส่งลูกค้าต่อไปยังโรงแรมพูลแมนขอนแก่นได้อีก เมื่อสถานที่จัดงานมีเกรดใกล้เคียงกันการเชื่อมพันธมิตรทางธุรกิจก็ทำได้ง่ายและขายง่าย

อย่างไรก็ตาม นายโชคชัย เปิดเผยว่าแม้โครงการพัฒนาโรงแรมแห่งนี้จะมีสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนเงินทุนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเงินกู้ต้นทุนทางธุรกิจที่สูงทีเดียว สวนทางกับเจตนาและเป้าหมายการลงทุน ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้ต้นทุนการจัดการลดลง เพื่อลดแรงกดดันทางธุรกิจ แนวทางหนึ่งที่ตนมองไว้คือในอนาคตราว 3-5 ปีหลังจากเปิดให้บริการโรงแรมาแล้ว บริษัทอาจต้องจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์(Property Fund )ออกหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะในท้องถิ่น เพื่อระดมเงินทุนใช้หนี้สถาบันการเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น