สื่อดิจิตอลมาแรง ปีหน้าคาดเติบโตสูงถึง 20% “ธอมัสไอเดีย” ชี้ทิศทางปีหน้า ผู้บริโภคคนไทยเปิดรับสื่อดิจิตอลสูง พร้อมเปิด 7 กลยุทธ์ออนไลน์ ที่นักการตลาดต้องรับมือปีหน้า แย้มเตรียมบินสู่ระดับต่างประเทศ ผุดสาขาที่สิงคโปร์ในอีก 1-2 ปีนี้ หวังจับลูกค้าอินเตอร์แบรนด์มากขึ้น
นางสาวอุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด เปิดเผยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน กำลังมีรูปแบบการเข้าถึงสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซด์ในรูปแบบอินเทอร์แอกทีฟ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขณะเดียวกันในส่วนของงบการซื้อสื่อโฆษณาของลูกค้า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันตัวเลขการใช้สื่อทางดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งได้
เพราะเป็นงบที่แฝงอยู่กับการใช้สื่อหลักของลูกค้า แต่การหันมาใช้สื่อออนไลน์ในปีนี้สูงขึ้นมาก โดยจากตัวเลขรวมการใช้สื่อโฆษณาปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท ปีนี้ตัวเลขการใช้สื่อออนไลน์ 1,800 ล้านบาท คิดเป็น 2% คาดว่าเติบโต 20%
สำหรับธอมัสไอเดีย หลังจากที่หันมาให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ พบว่า รายได้ที่มาจากงบการใช้สื่อออนไลน์ของลูกค้ามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 50% เทียบกับรายได้รวมทั้งหมด จากปีก่อนที่มี 30% คาดปีนี้ยอดรายได้จากสื่อออนไลน์ของบริษัท เติบโต 10-20% ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัท มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20%
ปีนี้บริษัทฯสามารถคว้า 23รางวัลจากทั่วโลกในผลงานด้านอินเทอร์แอกทีฟ ส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปเปิดสาขาในต่างประเทศต่อไป โดยในระยะ 1-2 ปีนี้ จะเข้าไปเปิดสาขาที่สิงคโปร์ ส่วนสำคัญ คือ ต้องการได้ลูกค้าระดับอินเตอร์แบรนด์ ที่มีรีจีนอล ฮับ ในสิงคโปร์ ซึ่งมีอยู่หลายแบรนด์ จากปัจจุบัน ลูกค้าหลักที่ใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น คือ ลูกค้าในประเทศกว่า 50% และอินเตอร์แบรนด์อีก 50%
กลุ่มสินค้าและบริการ ที่หันมาใช้สื่อออนไลน์สูงขึ้นนั้น ได้แก่ คอนซูเมอร์โปรดักส์ กลุ่มอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไอที และกลุ่มMICE ตามลำดับ โดยในปีหน้าเชื่อว่าภาพรวมการใช้สื่อออนไลน์ จะยังมีสัดส่วนที่ 2% ของภาพรวมการใช้สื่อทั้งหมด ส่วนในแง่อัตราการเติบโตนั้น เชื่อว่าจะใกล้เคียงกับในปีนี้ คือ ที่ประมาณ 20%
ในปี 2553 มี 7กลยุทธ์ออนไลน์ที่นักการตลาดต้องเตรียมรับมือ คือ 1.โซเชียลมีเดีย Social Media ถือเป็นช่องทางสำคัญในสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และBlog มีจำนวนผู้เข้าใช้งานสูงมาก แต่ควบคุมได้ยาก การวางกลยุทธ์ที่จะใช้สื่อนี้ต้องมีระบบการรองรับที่ดี
2. แบรนด์จะให้ความสำคัญในการสร้าง Customer Experience และ Customer Engagement กับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งแคมเปญนี้ควรใช้เวลาไม่เกิน3-6นาทีเพื่อจะดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจมากสที่สุด 3.การวัดผลความสำเร็จของแคมเปญ
(ROI)จะชัดเจนและสนับสนุนการวางกลยุทธ์ของนักการตลาด 4.ยุคใหม่ทีท้าทายของ Mobile Internet และ Moblie Marketing กับ 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะส่งผลให้สื่อออนไลน์จะออกมาเป็นรูปแบบวิดีโอมากขึ้น
5.ฐานข้อมุลลูกค้าสัมพันธ์ CRM เป็นสื่งที่ช่วยเชื่องโยงการใช้สื่ออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6.Email Maketing เสริฟข้อมูลด่วนด้วยต้นทุนต่ำ และ7.Search Engine Optimization คอนเทนต์เป็นคีย์หลัก การสร้างเว็บไซด์และเนื้อหา จะต้องคิดถึงกลยุทธ์ของ Search Engine Optimization ควบคู่ไปด้วย
นางสาวอุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด เปิดเผยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน กำลังมีรูปแบบการเข้าถึงสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซด์ในรูปแบบอินเทอร์แอกทีฟ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขณะเดียวกันในส่วนของงบการซื้อสื่อโฆษณาของลูกค้า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันตัวเลขการใช้สื่อทางดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งได้
เพราะเป็นงบที่แฝงอยู่กับการใช้สื่อหลักของลูกค้า แต่การหันมาใช้สื่อออนไลน์ในปีนี้สูงขึ้นมาก โดยจากตัวเลขรวมการใช้สื่อโฆษณาปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท ปีนี้ตัวเลขการใช้สื่อออนไลน์ 1,800 ล้านบาท คิดเป็น 2% คาดว่าเติบโต 20%
สำหรับธอมัสไอเดีย หลังจากที่หันมาให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ พบว่า รายได้ที่มาจากงบการใช้สื่อออนไลน์ของลูกค้ามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 50% เทียบกับรายได้รวมทั้งหมด จากปีก่อนที่มี 30% คาดปีนี้ยอดรายได้จากสื่อออนไลน์ของบริษัท เติบโต 10-20% ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัท มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20%
ปีนี้บริษัทฯสามารถคว้า 23รางวัลจากทั่วโลกในผลงานด้านอินเทอร์แอกทีฟ ส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปเปิดสาขาในต่างประเทศต่อไป โดยในระยะ 1-2 ปีนี้ จะเข้าไปเปิดสาขาที่สิงคโปร์ ส่วนสำคัญ คือ ต้องการได้ลูกค้าระดับอินเตอร์แบรนด์ ที่มีรีจีนอล ฮับ ในสิงคโปร์ ซึ่งมีอยู่หลายแบรนด์ จากปัจจุบัน ลูกค้าหลักที่ใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น คือ ลูกค้าในประเทศกว่า 50% และอินเตอร์แบรนด์อีก 50%
กลุ่มสินค้าและบริการ ที่หันมาใช้สื่อออนไลน์สูงขึ้นนั้น ได้แก่ คอนซูเมอร์โปรดักส์ กลุ่มอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไอที และกลุ่มMICE ตามลำดับ โดยในปีหน้าเชื่อว่าภาพรวมการใช้สื่อออนไลน์ จะยังมีสัดส่วนที่ 2% ของภาพรวมการใช้สื่อทั้งหมด ส่วนในแง่อัตราการเติบโตนั้น เชื่อว่าจะใกล้เคียงกับในปีนี้ คือ ที่ประมาณ 20%
ในปี 2553 มี 7กลยุทธ์ออนไลน์ที่นักการตลาดต้องเตรียมรับมือ คือ 1.โซเชียลมีเดีย Social Media ถือเป็นช่องทางสำคัญในสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และBlog มีจำนวนผู้เข้าใช้งานสูงมาก แต่ควบคุมได้ยาก การวางกลยุทธ์ที่จะใช้สื่อนี้ต้องมีระบบการรองรับที่ดี
2. แบรนด์จะให้ความสำคัญในการสร้าง Customer Experience และ Customer Engagement กับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งแคมเปญนี้ควรใช้เวลาไม่เกิน3-6นาทีเพื่อจะดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจมากสที่สุด 3.การวัดผลความสำเร็จของแคมเปญ
(ROI)จะชัดเจนและสนับสนุนการวางกลยุทธ์ของนักการตลาด 4.ยุคใหม่ทีท้าทายของ Mobile Internet และ Moblie Marketing กับ 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะส่งผลให้สื่อออนไลน์จะออกมาเป็นรูปแบบวิดีโอมากขึ้น
5.ฐานข้อมุลลูกค้าสัมพันธ์ CRM เป็นสื่งที่ช่วยเชื่องโยงการใช้สื่ออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6.Email Maketing เสริฟข้อมูลด่วนด้วยต้นทุนต่ำ และ7.Search Engine Optimization คอนเทนต์เป็นคีย์หลัก การสร้างเว็บไซด์และเนื้อหา จะต้องคิดถึงกลยุทธ์ของ Search Engine Optimization ควบคู่ไปด้วย