นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าว กรณีที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการแทรกแซงแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ว่า พรรคเพื่อไทยตรวจสอบและมีหลักฐานพบว่า มีก.ตร.5 คนซึ่ง คือ 1 นายสมศักดิ์ บุญทอง 2 พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ 3 พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ 4 พล.ต.อ.เหมราช ธารีไทย และพล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี ได้ ฝากเด็กเส้นในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยมีการส่งชื่อพร้อมประวัติการทำงานและเซ็นชื่อของแต่ละบุคคลกำกับอยู่ด้วย ซึ่งตนตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นลายเซ็นบุคคลเดียวกันกับ5 กตร.ที่ระบุชื่อมา
โดยในวันที่17 พ.ย.เวลา 10.00 น.จะนำไปหลักฐานไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ ในเรื่องดังกล่าว ในความผิดตามมาตรา157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้จะยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. ที่เป็นผู้ออกคำสั่งยกเลิกประกาศคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2549 แล้วแต่งตั้งคนของตนเอง เข้ามาเป็นคณะกรรมการคัดเลือกแทน เพื่อให้ตนเองสามารถแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มีความใกล้ชิดตนเองได้
นอกจากนี้ ยังปล่อยให้ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 5 คนทำการโยกย้าย โดยมีหลักฐานการลงรายมือชื่อฝากคนของตนเอง เข้าไปดำรงตำแหน่งในส่วนงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีดังกล่าว ถือได้ว่า การกระทำของ นายสุเทพ และ ก.ตร. ทั้ง 5 คน เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบหลักฐาน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีหลักฐานฝากนายตำรวจเช่นกัน ตนจึงจะได้ร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการ ตรวจสอบ นายศิริโชค ฐานแทรกแซงก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยราชการด้วย
นายพร้อมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนายศิริโชค ที่มีหลักฐานว่า แทรกแซง การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจด้วยนั้น เป็นการกระทำต้องห้ามของรัฐธรรมนูญ มาตรา 262 ซึ่งอาจทำให้ความเป็นส.ส.ของนายศิริโชค ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 (6) ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นให้ กกต.พิจารณา และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูยวินิจฉัยต่อไป
นอกจากนี้การตรวจสอบยังพบว่า นอกเหนือก.ตร. แล้ว ยังมีส.ส. และรัฐมนตรี ร่วมแทรกแซงการแต่งตั้ง ฝากเด็กเส้นอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ตนมีหลักฐานแล้ว และเตรียมจะนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนต่อไป
ด้าน นายศิริโชค โสภา ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ซึ่งตนเคยชี้แจงไปแล้วว่า ลายเซ็นในนามบัตร ไม่ใช่ลายมือตน และเข้าใจว่า นายพร้อมพงศ์คงไม่มีอะไรทำ และหยิบข่าวบนหน้าหนังสื่อพิมพ์มาเล่นงานตน ทั้งนี้ ขอท้าให้ไปยื่นต่อกกต. เพราะถ้าตรวจสอบแล้วหลักฐานที่นายพร้อมพงศ์นำไปยื่นนั้น เป็นหลักฐานเท็จ ตนก็ยื่นให้กกต. ยุบพรรคเพื่อไทยทันที เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ตำแหน่ง โฆษกพรรคของนายพร้อมพงศ์ อยู่ในรายชื่อกรรมการบริหารพรรคด้วย
โดยในวันที่17 พ.ย.เวลา 10.00 น.จะนำไปหลักฐานไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ ในเรื่องดังกล่าว ในความผิดตามมาตรา157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้จะยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. ที่เป็นผู้ออกคำสั่งยกเลิกประกาศคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2549 แล้วแต่งตั้งคนของตนเอง เข้ามาเป็นคณะกรรมการคัดเลือกแทน เพื่อให้ตนเองสามารถแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มีความใกล้ชิดตนเองได้
นอกจากนี้ ยังปล่อยให้ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 5 คนทำการโยกย้าย โดยมีหลักฐานการลงรายมือชื่อฝากคนของตนเอง เข้าไปดำรงตำแหน่งในส่วนงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีดังกล่าว ถือได้ว่า การกระทำของ นายสุเทพ และ ก.ตร. ทั้ง 5 คน เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบหลักฐาน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีหลักฐานฝากนายตำรวจเช่นกัน ตนจึงจะได้ร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการ ตรวจสอบ นายศิริโชค ฐานแทรกแซงก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยราชการด้วย
นายพร้อมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีนายศิริโชค ที่มีหลักฐานว่า แทรกแซง การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจด้วยนั้น เป็นการกระทำต้องห้ามของรัฐธรรมนูญ มาตรา 262 ซึ่งอาจทำให้ความเป็นส.ส.ของนายศิริโชค ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 (6) ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นให้ กกต.พิจารณา และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูยวินิจฉัยต่อไป
นอกจากนี้การตรวจสอบยังพบว่า นอกเหนือก.ตร. แล้ว ยังมีส.ส. และรัฐมนตรี ร่วมแทรกแซงการแต่งตั้ง ฝากเด็กเส้นอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ตนมีหลักฐานแล้ว และเตรียมจะนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนต่อไป
ด้าน นายศิริโชค โสภา ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ซึ่งตนเคยชี้แจงไปแล้วว่า ลายเซ็นในนามบัตร ไม่ใช่ลายมือตน และเข้าใจว่า นายพร้อมพงศ์คงไม่มีอะไรทำ และหยิบข่าวบนหน้าหนังสื่อพิมพ์มาเล่นงานตน ทั้งนี้ ขอท้าให้ไปยื่นต่อกกต. เพราะถ้าตรวจสอบแล้วหลักฐานที่นายพร้อมพงศ์นำไปยื่นนั้น เป็นหลักฐานเท็จ ตนก็ยื่นให้กกต. ยุบพรรคเพื่อไทยทันที เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ตำแหน่ง โฆษกพรรคของนายพร้อมพงศ์ อยู่ในรายชื่อกรรมการบริหารพรรคด้วย