สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย เอแบคเรียลไทม์โพลล์ เรื่อง ท่าทีรัฐบาลไทยและนายกรัฐมนตรีต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,344 ครัวเรือน พบว่า ประชาชน 75.2 % เห็นว่านักการเมืองนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนร่วม ของประชาชนทั้งประเทศ มีเพียง 24.8 % ที่เห็นว่านักการเมือง นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนทั้งประเทศมากกว่า และยังพบว่า ร้อยละ 57.5 คิดว่า ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาขณะนี้ เป็นไปตามแผนที่ฝ่ายการเมืองวางไว้ล่วงหน้า
ผลสำรวจที่น่าสนใจคือ 58.9 % เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลไทย ที่ควรแสดงออกคือใช้ความนิ่งสงบ แต่มุ่งทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนต่อไป ในขณะที่ 41.1 % คิดว่าควรตอบโต้ด้วยวิธีการรุนแรงตามสถานการณ์ โดย 51.9 % เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีท่าทีที่เหมาะสมแล้วต่อรัฐบาลกัมพูชา ในขณะที่ร 24.8 % คิดว่า อ่อนเกินไป และ23.4 % คิดว่าแข็งกร้าวเกินไป
และเมื่อขอให้ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามประเมินให้คะแนนตัวเองในการ แสดงออกเพื่อแก้ไขปัญหาการเมือง พบว่า ในเรื่องความสามารถออกมาต่อต้าน ฝ่ายการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในที่สาธารณ ประชาชนให้คะแนนตัวเอง 6.70 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 10 คะแนน และเรื่องความพร้อมออกมาแสดงพลังรวมตัวกันกับคนอื่นๆ ในที่แจ้ง ต่อต้านความชั่วร้าย ไม่ถูกต้องในสังคมไทย ให้คะแนนตัวเอง 6.89 คะแนน
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือ 78.6 % อยากเห็นการนำภาพ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ร่วมร้องเพลงชาติของแต่ละจังหวัดในช่วงเวลาตอนเย็น 18.00 น.ของแต่ละวัน มาออกอากาศอีกครั้งในช่วงเวลา 08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 21.4 ไม่อยากเห็น
ด้าน สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ปัญหาจาก การเมือง เศรษฐกิจสังคม ส่งผลกระทบต่อคนไทย” อย่างไร? จากตัวอย่างจำนวน 1,629 คน พบว่าจากกรณีของความขัดแย้งระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา มีผลด้านความรักชาติ ความห่วงใย ประชาชน 70.22 % คิดว่าเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกว่าประเทศชาติกำลังอ่อนแอ ต้องอาศัยความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคนในการร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องดูแล ไม่ให้ใครมาย่ำยี 27.54 % คิดว่า เท่าเดิม และ 2.24 % คิดว่า ลดลง เพราะ รู้สึกเบื่อ ระอาเป็นอย่างมาก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเห็นคนไทย ด้วยกันเองทะเลาะกัน จนถึงขั้นเอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพัน รู้สึกเสียใจกับการกระทำของคนไทยด้วยกันเอง
ด้านความตื่นตัว ความสนใจทางการเมือง ร 57.76 % สนใจการเมืองมากขึ้น เพราะ จากความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา ส่งผลให้กระแสการเมืองไทยและการเมืองระหว่างประเทศร้อนแรงยิ่งขึ้น รูปแบบการเมืองไทยในปัจจุบันนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก มีกลยุทธ์ เทคนิค การแก้เกมต่างๆ ที่คาดไม่ถึงและรุนแรงมากขึ้น การเมืองไทยมีความสำคัญต่อประเทศชาติและประชาชน ฯลฯ 30.77 % สนใจการเมืองเท่าเดิม และ 11.47 % สนใจการเมืองลดลง เพราะ รู้สึกเบื่อกับนักการเมืองและการเมืองไทยในขณะนี้อย่างมาก เป็นการทะเลาะกันของผู้ที่มีอำนาจ ในบ้านเมืองเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นักการเมืองที่หวังทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองมีมาก
ส่วน ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน คือ 36.18 % ต้องคอยติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆมากขึ้น เพราะการเมืองมีความสำคัญต่อประเทศชาติ 30.53 % รู้สึกเครียด กังวล กับปัญหาการเมืองขณะนี้ 24.61 % ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยกเลิกการท่องเที่ยว การทำธุรกิจต่างๆ และ 8.68 % หากมีการเลือกตั้งในครั้งหน้า จะต้องรู้จักเบื้องลึกของนักการเมืองให้ดีกว่านี้
ผลสำรวจที่น่าสนใจคือ 58.9 % เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลไทย ที่ควรแสดงออกคือใช้ความนิ่งสงบ แต่มุ่งทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนต่อไป ในขณะที่ 41.1 % คิดว่าควรตอบโต้ด้วยวิธีการรุนแรงตามสถานการณ์ โดย 51.9 % เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีท่าทีที่เหมาะสมแล้วต่อรัฐบาลกัมพูชา ในขณะที่ร 24.8 % คิดว่า อ่อนเกินไป และ23.4 % คิดว่าแข็งกร้าวเกินไป
และเมื่อขอให้ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามประเมินให้คะแนนตัวเองในการ แสดงออกเพื่อแก้ไขปัญหาการเมือง พบว่า ในเรื่องความสามารถออกมาต่อต้าน ฝ่ายการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในที่สาธารณ ประชาชนให้คะแนนตัวเอง 6.70 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 10 คะแนน และเรื่องความพร้อมออกมาแสดงพลังรวมตัวกันกับคนอื่นๆ ในที่แจ้ง ต่อต้านความชั่วร้าย ไม่ถูกต้องในสังคมไทย ให้คะแนนตัวเอง 6.89 คะแนน
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือ 78.6 % อยากเห็นการนำภาพ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ร่วมร้องเพลงชาติของแต่ละจังหวัดในช่วงเวลาตอนเย็น 18.00 น.ของแต่ละวัน มาออกอากาศอีกครั้งในช่วงเวลา 08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 21.4 ไม่อยากเห็น
ด้าน สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ปัญหาจาก การเมือง เศรษฐกิจสังคม ส่งผลกระทบต่อคนไทย” อย่างไร? จากตัวอย่างจำนวน 1,629 คน พบว่าจากกรณีของความขัดแย้งระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา มีผลด้านความรักชาติ ความห่วงใย ประชาชน 70.22 % คิดว่าเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกว่าประเทศชาติกำลังอ่อนแอ ต้องอาศัยความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคนในการร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องดูแล ไม่ให้ใครมาย่ำยี 27.54 % คิดว่า เท่าเดิม และ 2.24 % คิดว่า ลดลง เพราะ รู้สึกเบื่อ ระอาเป็นอย่างมาก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเห็นคนไทย ด้วยกันเองทะเลาะกัน จนถึงขั้นเอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพัน รู้สึกเสียใจกับการกระทำของคนไทยด้วยกันเอง
ด้านความตื่นตัว ความสนใจทางการเมือง ร 57.76 % สนใจการเมืองมากขึ้น เพราะ จากความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา ส่งผลให้กระแสการเมืองไทยและการเมืองระหว่างประเทศร้อนแรงยิ่งขึ้น รูปแบบการเมืองไทยในปัจจุบันนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก มีกลยุทธ์ เทคนิค การแก้เกมต่างๆ ที่คาดไม่ถึงและรุนแรงมากขึ้น การเมืองไทยมีความสำคัญต่อประเทศชาติและประชาชน ฯลฯ 30.77 % สนใจการเมืองเท่าเดิม และ 11.47 % สนใจการเมืองลดลง เพราะ รู้สึกเบื่อกับนักการเมืองและการเมืองไทยในขณะนี้อย่างมาก เป็นการทะเลาะกันของผู้ที่มีอำนาจ ในบ้านเมืองเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นักการเมืองที่หวังทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองมีมาก
ส่วน ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน คือ 36.18 % ต้องคอยติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆมากขึ้น เพราะการเมืองมีความสำคัญต่อประเทศชาติ 30.53 % รู้สึกเครียด กังวล กับปัญหาการเมืองขณะนี้ 24.61 % ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยกเลิกการท่องเที่ยว การทำธุรกิจต่างๆ และ 8.68 % หากมีการเลือกตั้งในครั้งหน้า จะต้องรู้จักเบื้องลึกของนักการเมืองให้ดีกว่านี้
