ตาก- ผู้ว่าฯตากย้ำ ต้องเร่งนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน หลังการค้าไทย-พม่า ด้านแม่สอด มียอดเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดปีงบประมาณ 52 ขยายตัวมากกว่า 27.61% จากปีก่อน
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า มูลค่าการค้าชายแดนไทย-พม่า ผ่านแม่สอด อ.แม่สอด กับจังหวัดเมียวดี ขณะนี้มีการติดต่อค้าขายระหว่างพ่อค้าและประชาชนทั้งสองประเทศผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า และคลังสินค้าอนุญาตของศุลกากรริมแม่น้ำเมย ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะชะลอตัว รวมทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ หรือการสู้รบของชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่าก็ไม่มีผลกระทบต่อการค้า
ทั้งนี้ เนื่องจากสหภาพพม่ามีการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพัฒนาเมืองหลวงใหม่ ก่อสร้างเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชายแดน ระบบลอจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าไทยทำให้การค้าชายแดนด้านอำเภอแม่สอดปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน มูลค่ารวม ในปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.2551-ก.ย.2552) 23,888.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 27.61 % หรือประมาณ 5,168.51 ล้านบาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวต่อว่า แยกเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 22,174.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,661.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.62 สินค้าที่มีการส่งออกมาก 10 อันดับแรก คือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันพืช กาแฟผงสำเร็จรูป รถยนต์เก่าใช้แล้ว โทรทัศน์ ผ้าพิมพ์ฝ้าย 100% ยารักษาโรค ผงชูรส รถจักรยานยนต์ และครีมเทียม ,นำเข้า 1,714.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 506.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 สินค้านำเข้าที่สำคัญ 10 อันดับแรก คือ เฟอร์นิเจอร์สิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้ ข้าวจ้าวขาว หอมแดง ปูทะเลมีชีวิต ปลาเบญจพรรณ พริกแห้ง โคมีชีวิต หอมหัวใหญ่ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และกระเพาะปลาตากแห้ง
เฉพาะเดือนตุลาคม 2552 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 2,518.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2552 จำนวน 293.83 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.21 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47.22 คาดว่าในปีต่อๆ ไป มูลค่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ตาก จะเร่งผลักดันสานต่อ มติ คณะรัฐมนตรี (ครม.)พัฒนาพื้นที่ชายแดน ให้แม่สอด เป็นศูนย์กลางอาเซียนและภูมิภาค บนระเบียงเศรษฐกิจ East West Economic Corridor(EWEC)ที่กำลังเดินหน้าเพื่อเป็นประตูการค้า Gate Way เชื่อมเส้นทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศกลุ่ม อาเซียนไปสู่อินเดีย-ตะวันออกกลางและยุโรปต่อไป
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า มูลค่าการค้าชายแดนไทย-พม่า ผ่านแม่สอด อ.แม่สอด กับจังหวัดเมียวดี ขณะนี้มีการติดต่อค้าขายระหว่างพ่อค้าและประชาชนทั้งสองประเทศผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า และคลังสินค้าอนุญาตของศุลกากรริมแม่น้ำเมย ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะชะลอตัว รวมทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ หรือการสู้รบของชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่าก็ไม่มีผลกระทบต่อการค้า
ทั้งนี้ เนื่องจากสหภาพพม่ามีการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพัฒนาเมืองหลวงใหม่ ก่อสร้างเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชายแดน ระบบลอจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าไทยทำให้การค้าชายแดนด้านอำเภอแม่สอดปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน มูลค่ารวม ในปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.2551-ก.ย.2552) 23,888.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 27.61 % หรือประมาณ 5,168.51 ล้านบาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวต่อว่า แยกเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 22,174.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,661.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.62 สินค้าที่มีการส่งออกมาก 10 อันดับแรก คือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันพืช กาแฟผงสำเร็จรูป รถยนต์เก่าใช้แล้ว โทรทัศน์ ผ้าพิมพ์ฝ้าย 100% ยารักษาโรค ผงชูรส รถจักรยานยนต์ และครีมเทียม ,นำเข้า 1,714.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 506.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 สินค้านำเข้าที่สำคัญ 10 อันดับแรก คือ เฟอร์นิเจอร์สิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้ ข้าวจ้าวขาว หอมแดง ปูทะเลมีชีวิต ปลาเบญจพรรณ พริกแห้ง โคมีชีวิต หอมหัวใหญ่ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ และกระเพาะปลาตากแห้ง
เฉพาะเดือนตุลาคม 2552 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 2,518.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2552 จำนวน 293.83 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.21 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47.22 คาดว่าในปีต่อๆ ไป มูลค่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ตาก จะเร่งผลักดันสานต่อ มติ คณะรัฐมนตรี (ครม.)พัฒนาพื้นที่ชายแดน ให้แม่สอด เป็นศูนย์กลางอาเซียนและภูมิภาค บนระเบียงเศรษฐกิจ East West Economic Corridor(EWEC)ที่กำลังเดินหน้าเพื่อเป็นประตูการค้า Gate Way เชื่อมเส้นทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศกลุ่ม อาเซียนไปสู่อินเดีย-ตะวันออกกลางและยุโรปต่อไป
