xs
xsm
sm
md
lg

“ปุระชัย”กร้าวใส่ก.ตร. แค่เล่นบท “เพื่อน...กูรักมึงว่ะ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ล่มปากอ่าวก่อนจะเข้าสู่วาระแต่งตั้งที่เป็นเรื่องสำคัญเมื่อวันศุกร์ 6 พ.ย. สะท้อนให้ประจักษ์อีกครั้งแล้วว่า ก.ตร.บางคนกำลังยืมเวทีก.ตร.อันทรงเกียรติ เพื่อเดินเกมการเมืองให้แก่พวกตน แต่จะเป็นผลกระทบในปัญหาให้ภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสตช.ที่ตกต่ำอยู่แล้วให้เสื่อมทรุดลงอีก
เหตุก.ตร.ล่มครั้งนี้ยังสะท้อนด้วยว่า รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง * สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ได้รับมอบอำนาจให้คุมสตช.สอบไม่ผ่านกับการบริหารงานสตช. ซึ่งหลังจากได้รับมอบอำนาจคุมสตช.ก็สร้างเหตุวิบัติให้กับรัฐบาลกับสตช.มาตลอด อย่างกรณีหาตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผบ.ตร.ไม่ได้สักที ก็เพราะ“สุเทพ”เป็นคนหนึ่งที่ร่วมเดินเกมป่วน

ปัญหาการแต่งตั้งประมุขตำรวจที่ติดขัดค้างคามาจากที่นายกรัฐมนตรี *อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดนคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.)หักหลังทิ้งให้โดดเดี่ยว จนไม่สามารถเสนอชื่อ*พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้นั้น ส่งผลกระทบต่อทั้งภาวะผู้นำของนายกฯอภิสิทธ์และการบริหารงานของรัฐบาลมาตลอด
นายกฯ อภิสิทธิ์ โดนหยิบยกเอาเรื่องตั้งผบ.ตร.มากระหน่ำจนภาวะผู้นำเกือบติดลบ ยิ่ง“รัฐบาลอภิสิทธิ์”ไม่สามารถแต่งตั้งในระดับรองผบ.ตร.ลงมาได้ก็จะโดนอัดหนักซ้ำเข้าไปอีก ขยายภาพฟ้องว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารตำรวจไม่ได้
แต่ถ้าปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังโดยไม่มีมาตรการใดเข้ามาเยียวยา คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้คิดว่า สตช.ก็ได้ผลกระทบจากการเล่นเกมนี้ของนักการเมืองไม่น้อยไปกว่านายกฯอภิสิทธิ์ ยิ่งถ้า “เด็กดื้อ”ไม่ใช้ความกล้าหาญเป็นทางออกโดยการตั้งรักษาการทำหน้าที่ ผบ.ตร. สตช.ก็จะตกอยู่ในอาการเป็นอัมพาตทั้งหมด เพราะจะแต่งตั้งคนมารับตำแหน่งหน้าที่ แทนผู้ที่เกษียณไปแล้วไม่ได้เลยแม้แต่เก้าอี้เดียว
ในเรื่องหลักการ เพื่อการบริหารงานให้สตช.กลับมาทำหน้าที่รับใช้ประชาชนได้ ก็ต้องแต่งตั้งในระดับ* “รองผู้บัญชาการสตช. และผู้บัญชาการในระดับยศพลตำรวจโท”* ลงมาโดยเร็ว จะแขวนเก้าอี้ผบ.ตร.ไว้ก่อนจนกว่าจะถึงวันของ “ตัวจริง” เมื่อไรก็ได้
แทนที่ “สุเทพ” จะเดินหน้าให้มีการประชุมต่อในวาระสำคัญคือ “การแต่งตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการ” ให้แล้วเสร็จภายในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นล็อกสำคัญที่หากผ่านการแต่งตั้งในระดับนี้ ก็จะสามารถจัดทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจในระดับต่างๆรองลงมาถึงชั้นปฏิบัติงานได้
**การบริหารงานสตช.เข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลก็จะได้เลิกปวดหัวกับเรื่องนี้เสียที
**แต่ “สุเทพ”กลับตัดสินใจยุติการประชุม ถ้า“สุเทพ”มือถึงในงานบริหารและจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ให้รัฐบาล ก็ต้องให้มีการแต่งตั้งบัญชีดังกล่าวสำเร็จออกมาแล้ว ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาของรัฐบาลในสตช.ไปได้ แต่ “สุเทพ” ก็พลาดด้วยการเลื่อนแต่งตั้งออกไปโดยไม่รู้ว่าจะมีการนัดหมายกันอีกเมื่อไร เป็นการลากปัญหาให้บานปลายออกไป และเข้าเกมกลุ่มคนที่จ้องป่วนที่หวังกุมอำนาจในสตช.ให้เป็น “รัฐตำรวจ”ของพวกตน
อะไรเป็นเหตุสำคัญที่ “สุเทพ”ตัดสินใจยุติการประชุมก.ตร.ในวันนั้นยังไม่ชัด ก็ได้แต่ลือว่า เหตุจาก *“เด็กในสังกัด”*ขั้วอำนาจใหม่ *“สุเทพ-เนวิน-ป้อม และป๊อด”* ที่ยัดเข้าโผไปในตำแหน่งสำคัญของกองบัญชาการต่างๆถูกคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรองตีตกไปหลายคน
เพราะมีริ้วรอยมลทินมาก แต่ความดีไม่มีปรากฎ รวมทั้งโดนหางเลขของ “กลยุทธ์ยกบันไดหนี” ตีกันตำรวจจากสายอื่น ด้วยการที่กรรมการบางคนเสนอใช้กำหนดกฎเกณท์อาวุโสจาก 2 ปีเป็น 4 ปีสำหรับรองผบช.ที่จะขึ้นเป็น ผบช. ทำให้หลายคน ที่เป็นเด็กในคอก “สุเทพและขั้วอำนาจใหม่” ต้องกระเด็นหลุดจากโผ
**ประเด็นนี้ มีน้ำหนักมากที่ “สุเทพ” ถอดใจชิงปิดการประชุมก.ตร.ไปก่อนถึงวาระพิจารณาแต่งตั้งสะท้อนให้เห็นชัดว่า มุ่งทำงานเพื่อตนเองและพรรคพวกมากกว่าอุดมการณ์ทำงานเพื่อส่วนรวม
ทั้งๆที่การตีรวนป่วนที่ประชุมของ *ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์* และ*พล.ต.อ.วิชิต ควรเตชะคุปต์*ด้วยการหยิบยกเรื่องกรรมการกลั่นกรองบางคนฝากตำรวจ ไม่ใช่ประเด็นคอขาดบาดตายที่จะต้องถึงขั้นล้มโต๊ะประชุมในวันนั้นเลย เนื่องจากหลักฐานที่เอามาพูดโจมตีกรรมการกลั่นกรอง ที่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นอดีตตำรวจ และอีกคนสำคัญที่ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าคือ *นายสมศักดิ์ บุญทอง*
**แม้ว่าหลักฐานที่ชูออกมาเป็นจดหมายที่ระบุฝากตำรวจจริง แต่หากดูข้อความ ก็เป็นเรื่องเพียงแค่เสนอแนะตัวบุคคลเพื่อให้พิจารณา ซึ่งกระทำโดยเปิดเผยและผู้ฝากไม่ได้มีเงื่อนไขอื่นที่จะมองว่าเป็นการแลกเปลี่ยนหรือบังคับขู่เข็ญผู้มีอำนาจในสตช. และยิ่งไม่อาจตั้งสมมุติฐานไปในทางทุจริตอย่างที่ร.ต.อ.ปุระชัย ชี้นำได้เลย
ในอดีตจดหมายฝากแบบนี้ อ.ตร.ที่ชาญฉลาดจะทำหนังสือขอบคุณไปถึงคนฝากด้วยที่ให้ความสนใจในกิจการตำรวจ และจะบอกไปด้วยว่าคนที่แนะนำมาไม่รับการแต่งตั้งด้วยเหตุใด ทำให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น นี่กลับนำข้อความมาแฉกล่าวร้ายกันในที่สาธารณะ ลูกผู้ชายจริงไม่ทำกันอย่างนี้ แต่ตำรวจยุคนี้เป็นยุคของ* “ลูกครึ่ง” *ที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นได้
**ร.ต.อ.ปุระชัยเคยวอล์กเอาต์ ออกห้องประชุมก.ตร.ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาก็เดินหมากเปิดเกมใหม่ที่มองได้ว่าต้องการยื้อการแต่งตั้งตำรวจออกไปเรื่อยๆ เป็นเกมที่ต้องการตอบโต้ถองแค้นฝ่ายการเมืองที่ลงดาบ “ปลด” เพื่อนรัก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ตามความผิดในคดี 7 ตุลาเลือดที่ป.ป.ช.ชี้มูล ทั้งที่เรื่องนี้นายกฯอภิสิทธิ์ออกคำสั่งปลดก็ถือว่าปราณีสุดๆแล้ว โทษแบบนี้ “ไล่ออก”จึงจะสมควรแก่เหตุและสาสม
“ปุระชัย”หยิบเอาประเด็นคุณสมบัติบอร์ดกลั่นกรองว่าไม่สมบรูณ์ และทำไมหวยจึงไปออกที่ “สมศักดิ์” อธิบายได้ว่า เป็น “แค้นที่สอง” ที่มีปมเหตุมาจาก “สมศักดิ์” เป็นประธานอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งในยุคพล.ต.อ.พัชรวาทเป็นผบ.ตร. ที่ผลสรุปว่ามีการซื้อขายเก้าอี้ในสตช.กันจริงตามที่วอลเปเปอร์ *นายศิริโชค โสภา* เป็นคนเปิดโปง ซึ่งคณะอนุฯยังเสนอให้ก.ตร.ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และอาญา แต่ “สุเทพ”ดึงเรื่องเอาไว้ ทำให้พล.ต.อ.พัชรวาทรอดทางวินัยไปเพราะพ้นจากราชการไปก่อน แต่คนอื่นที่อยู่ในขบวนการซื้อขายตำแหน่งหลายคนยังรับราชการอยู่ คงต้องรับกรรมแทน
คดีนี้ได้ประธานสอบเป็น “สมศักดิ์” ก็เพราะเลือกกันมาแล้วว่า เป็นคนกันเองมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “สุเทพ”มานาน จึงไม่ยากที่จะหวังให้ผลสอบออกมาในแนวทางที่พวกตนต้องการ แต่ข้อมูลการซื้อขายเก้าอี้มันชัดเจน จนบิดเบือนผลสรุปให้ผิดเป็นถูกไม่ได้
“สมศักดิ์”ก็เลยเป็นคนที่แย่ในสายตาของกลุ่มนี้ และกลายเป็นเป้าที่ต้องจัดการ!
**วันนี้กลไกในอำนาจสตช.ของขั้วอำนาจใหม่ นอกจาก “สุเทพ” แล้วก็ยังเหลือแค่ “ปุระชัย”กับ “พิชิต” ที่นั่งอยู่ใน ก.ตร. เกมขวางการแต่งตั้งโดยมี “ปุระชัย-พิชิต” เป็นหมาก จึงเป็นแผนการสำคัญที่หากป่วนไปได้เรื่อยๆ ก็จะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำในการบริหารงานตำรวจ
การเคลื่อนไหวของ “ปุระชัย” จะไม่มีข้อสงสัยในพฤติกรรมเลย หากในวันที่ ก.ตร.ตั้ง “สมศักดิ์” เป็นประธานอนุฯสอบคดีซื้อขายเก้าอี้ แล้ว “ปุระชัย” ออกมาแฉตั้งแต่คราวนั้นถึงความไม่เหมาะสมในเรื่องคุณสมบัติของ “สมศักดิ์” อย่างที่ทำในการประชุมก.ตร.เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พ.ย. แต่“ปุระชัย”ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบในตอนนั้นจึงมีคำถามว่า เพราะหวังยืมมือ “สมศักดิ์”ให้เป็นประโยชน์ในบางเรื่อง ใช่หรือไม่?
สังคมควรติดตามการเคลื่อนไหว “ปุระชัย”ต่อไปในเวทีก.ตร.ต่อไปอย่างใกล้ชิดและควรพินิจพิเคราะห์ให้ดีว่า เขาออกมาทักท้วงแสดงอาการแข็งกร้าวทุกครั้งในการประชุมก.ตร.มีเป้าประสงค์ใด ระหว่างการรักษากฎกติกาในสตช.ให้ดำรงความเป็นธรรมแก่องค์กรตำรวจ หรือว่าเป็นการกระทำเพื่อแสดงในบทบาทที่จะสื่อว่า
**“เพื่อน...กูรักมึงว่ะ”
กำลังโหลดความคิดเห็น