ASTVผู้จัดการรายวัน - อัยการคาดยื่นฟ้อง “ราเกซ” พ่อมดการเงินไม่ทัน เหตุต้องรอผลสอบเพิ่มเติมและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมเตรียมยื่นศาลขอฝากขังครั้งที่สอง ขณะที่ทนายความ “เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์”เผย เจ้าตัวพร้อมเข้าฟังอุทธรณ์ยักยอกทรัพย์บีบีซี ปล่อยกู้ซิตี้เทรดดิ้ง 1,657 ล้านบาท วันนี้
วานนี้ (10 พ.ย.) นายผดุงพันธ์ จันทโร ทนายความนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี กล่าวถึงการที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายเกริกเกียรติ และผู้บริหารบริษัท ซิตี้เทรดดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ฐานทุจริตปล่อยกู้บีบีซี จำนวน 1,657 ล้านบาท ในวันนี้ (11 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 601 นั้น นายเกริกเกียรติ พร้อมจะเดินทางไปฟังคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้นายเกริกเกียรติสบายดี ไม่เครียดอะไร และหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้จำคุกและปรับ นายเกริกเกียรติก็จะใช้สิทธิ์ยื่นฎีกาพร้อมยื่นประกันตัวตามกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า นายเกริกเกียรติ ไปเยี่ยมนายราเกซบ้างหรือไม่ นายผดุงพันธ์ กล่าวว่า นายเกริกเกียรติ ไม่เคยคุยกับ นายราเกซ ซึ่งคดีที่นายราเกซจะถูกฟ้องเป็นคนละส่วนกับคดีนายเกริยกเกียรติ ที่ผ่านมาสำนวนที่นายเกริกเกียรตินำสืบในชั้นศาลเป็นเรื่องการต่อสู้ว่า อนุมัติสินเชื่อโดยชอบซึ่งเป็นเรื่องภายในธนาคาร แต่ส่วนของนายราเกซเป็นเรื่องที่จะต้องนำสืบต่อไปว่าเกี่ยวข้องในส่วนใดบ้าง อย่างไร
ด้าน นายสมพร แย้มนิล อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 กล่าวว่า หากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งการยกฟ้องจำเลยบางคน จะมีการยื่นฎีกาหรือไม่อัยการจะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนคดี นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาบีบีซี ที่ร่วมกันยักยอกทรัพย์จำนวน 1,657 ล้านบาท ที่คณะทำงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลเอกสาร นั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ส่งผลสอบเพิ่มเติมมาให้ อาจยื่นฟ้องไม่ทัน มีแนวโน้มสูงที่อัยการจะต้องยื่นคำร้องฝากขังนายราเกซเป็นครั้งที่ 2 อีก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 พ.ย.นี้ เนื่องจากเมื่อรับผลสอบเพิ่มแล้วคณะทำงานต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตปล่อยกู้ บ.ซิตี้เทรดดิ้ง พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และ ธนาคารบีบีซี ผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพิเศษ พานิชสมบัติ, นายเกริกเกียรติ อดีต กก.ผจก.ใหญ่ ธ.บีบีซี, บริษัท ซิตี้ เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด, น.ส.สุนันทา หาญวรเกียรติ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ, นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วย กก.ผู้จัดการใหญ่ และ นายเทอร์รี่ อีสเตอร์ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ เป็นจำเลย 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่า 1,657,000,000 บาท และเป็นกรรมการกระทำผิดหน้าที่หรือรับของโจร (คดีหมายเลขดำที่ 4714/2539, 5443/2539 และ 1604/2540) ที่เมื่อปี 2538 นายเกริกเกียรติ อนุมัติเงินสินเชื่อให้กับ บ.ซิตี้ เทรดดิ้ง จำนวน 1,657,500,000 บาทเกินกว่าเกณฑ์ซึ่ง ธปท.กำหนดให้สินเชื่อได้เพียง 30 ล้านบาท โดยจำเลยยังร่วมกันประเมินราคาหลักทรัพย์ที่ดินสูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2548 ให้จำคุกนายเกริกเกียรติ 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท และปรับบริษัท ซิตี้ เทรดดิ้ง จำเลยที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาท ส่วน น.ส.สุนันทา กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ และ นายเทอร์รี่ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ จำเลยที่ 4 และ 6 ให้ จำคุกคนละ 7 ปี ปรับคนละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 2, 4 และ 6 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,132 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปี คืน ธ.บีบีซี ด้วย ส่วน นายเอกชัย อดีตผู้ช่วย กก.ผู้จัดการใหญ่ จำเลยที่ 5 ให้จำคุก 8 ปี ปรับ 1 ล้านบาท พร้อมให้ชดใช้เงิน 75 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปีคืน ธ.บีบีซี ด้วย สำหรับนายพิเศษ จำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากทางนำสืบโจทก์ ยังไม่ชัดเจนว่า นายพิเศษ ร่วมลงชื่ออนุมัติสินเชื่อ
วานนี้ (10 พ.ย.) นายผดุงพันธ์ จันทโร ทนายความนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี กล่าวถึงการที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายเกริกเกียรติ และผู้บริหารบริษัท ซิตี้เทรดดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ฐานทุจริตปล่อยกู้บีบีซี จำนวน 1,657 ล้านบาท ในวันนี้ (11 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 601 นั้น นายเกริกเกียรติ พร้อมจะเดินทางไปฟังคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้นายเกริกเกียรติสบายดี ไม่เครียดอะไร และหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้จำคุกและปรับ นายเกริกเกียรติก็จะใช้สิทธิ์ยื่นฎีกาพร้อมยื่นประกันตัวตามกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า นายเกริกเกียรติ ไปเยี่ยมนายราเกซบ้างหรือไม่ นายผดุงพันธ์ กล่าวว่า นายเกริกเกียรติ ไม่เคยคุยกับ นายราเกซ ซึ่งคดีที่นายราเกซจะถูกฟ้องเป็นคนละส่วนกับคดีนายเกริยกเกียรติ ที่ผ่านมาสำนวนที่นายเกริกเกียรตินำสืบในชั้นศาลเป็นเรื่องการต่อสู้ว่า อนุมัติสินเชื่อโดยชอบซึ่งเป็นเรื่องภายในธนาคาร แต่ส่วนของนายราเกซเป็นเรื่องที่จะต้องนำสืบต่อไปว่าเกี่ยวข้องในส่วนใดบ้าง อย่างไร
ด้าน นายสมพร แย้มนิล อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 กล่าวว่า หากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งการยกฟ้องจำเลยบางคน จะมีการยื่นฎีกาหรือไม่อัยการจะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนคดี นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาบีบีซี ที่ร่วมกันยักยอกทรัพย์จำนวน 1,657 ล้านบาท ที่คณะทำงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลเอกสาร นั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ส่งผลสอบเพิ่มเติมมาให้ อาจยื่นฟ้องไม่ทัน มีแนวโน้มสูงที่อัยการจะต้องยื่นคำร้องฝากขังนายราเกซเป็นครั้งที่ 2 อีก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 พ.ย.นี้ เนื่องจากเมื่อรับผลสอบเพิ่มแล้วคณะทำงานต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตปล่อยกู้ บ.ซิตี้เทรดดิ้ง พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และ ธนาคารบีบีซี ผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพิเศษ พานิชสมบัติ, นายเกริกเกียรติ อดีต กก.ผจก.ใหญ่ ธ.บีบีซี, บริษัท ซิตี้ เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด, น.ส.สุนันทา หาญวรเกียรติ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ, นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วย กก.ผู้จัดการใหญ่ และ นายเทอร์รี่ อีสเตอร์ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ เป็นจำเลย 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่า 1,657,000,000 บาท และเป็นกรรมการกระทำผิดหน้าที่หรือรับของโจร (คดีหมายเลขดำที่ 4714/2539, 5443/2539 และ 1604/2540) ที่เมื่อปี 2538 นายเกริกเกียรติ อนุมัติเงินสินเชื่อให้กับ บ.ซิตี้ เทรดดิ้ง จำนวน 1,657,500,000 บาทเกินกว่าเกณฑ์ซึ่ง ธปท.กำหนดให้สินเชื่อได้เพียง 30 ล้านบาท โดยจำเลยยังร่วมกันประเมินราคาหลักทรัพย์ที่ดินสูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2548 ให้จำคุกนายเกริกเกียรติ 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท และปรับบริษัท ซิตี้ เทรดดิ้ง จำเลยที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาท ส่วน น.ส.สุนันทา กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ และ นายเทอร์รี่ กรรมการบริษัท ซิตี้ฯ จำเลยที่ 4 และ 6 ให้ จำคุกคนละ 7 ปี ปรับคนละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 2, 4 และ 6 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,132 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปี คืน ธ.บีบีซี ด้วย ส่วน นายเอกชัย อดีตผู้ช่วย กก.ผู้จัดการใหญ่ จำเลยที่ 5 ให้จำคุก 8 ปี ปรับ 1 ล้านบาท พร้อมให้ชดใช้เงิน 75 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปีคืน ธ.บีบีซี ด้วย สำหรับนายพิเศษ จำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากทางนำสืบโจทก์ ยังไม่ชัดเจนว่า นายพิเศษ ร่วมลงชื่ออนุมัติสินเชื่อ