นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้ฆ่าตัวตายไปเรียบร้อย!
ผมรู้สึกเช่นนี้จริงๆ หลังจากได้เห็นและอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในเว็บไซต์สื่อของอังกฤษ เดอะ ไทมส์ ออนไลน์ เมื่อเช้าวานนี้ (9พ.ย.) มิหนำซ้ำคำพูดบางวรรคบางตอนยังเปรียบเหมือนได้ตอกตะปูปิดฝาโลงตัวเองด้วยต่างหาก
เดอะ ไทมส์ โดยนายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ซึ่งเดินทางไปสัมภาษณ์ นช.ทักษิณ ถึงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เขียนข่าวตั้งแต่พาดหัวข่าวไปจนถึงเนื้อหารายละเอียดข่าวถึงการจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยที่ต้องบอกว่า ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย
ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา นช.ทักษิณ กับการไม่จงรักภักดี ถูกตั้งคำถามและมีคนเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีหลายครั้ง แต่อย่างที่รู้กันด้วยกระบวนการและอิทธิฤทธิ์ของ ‘รัฐตำรวจ’ ที่ยังหลงใหลตกเป็นทาสของระบอบทักษิณคดีความต่างๆ จึงเดินทางอืดอาดล่าช้ามาก
ขณะเดียวกันในบางกรณีก็มีคนมีหน้ามีตาในสังคมมาแก้ต่างคอยการันตีให้อย่างเช่น ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล
“จากคำพูดและการกระทำของคุณทักษิณ พี่ไม่เชื่อว่าเขาไม่จงรักภักดี ใครถามร้อยครั้งก็จะตอบอย่างนี้ พี่ดูจากพฤติกรรมของเขา เราไม่ใช่คนโง่ ถ้าทักษิณไม่จงรักภักดี เวลาเจอกันในงานเลี้ยงหรืองานศพ ทักษิณก็จะวิ่งมาคุยกับพี่ บอกว่าไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมา ได้ถวายรายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระองค์ท่านตรัสอย่างนั้นอย่างนี้ สีหน้าที่เขาเล่ามีความสุข คนแบบนี้จะไม่จงรักภักดีได้อย่างไร” (พฤษภาคม 2552)
หรือ พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เมื่อครั้งเดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ที่จีน ว่า “พ.ต.ท.ทักษิณเฮิร์ตและวอรี่กับเรื่องนี้มากที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพต่อสถาบัน และต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าไม่เคยคิดสักนิดเดียว พ.ต.ท.ทักษิณย้ำว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด” (พ.ย. 2551)
วันนี้ด้วยข่าวของเดอะ ไทมส์ที่แพร่สะพัดไปทั่ว ผมไม่รู้ว่าหากทั้งท่านผู้หญิงวิระยา และพลเอกพัลลภ จะยังกล้าการันตีหรือสู้หน้าผู้คนในสังคมได้อย่างไร
เนื่องเพราะ นี่เป็นคำเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างที่ นช.ทักษิณคิดและพยายามทำโดยสิ้นเชิง!
ประการสำคัญ คำเฉลยนี้ยังเชื่อมโยงต่อให้เห็นภาพรวมคล้ายกับการต่อภาพจิ๊กซอร์ที่ยังขาดหายไปถึงเหตุการณ์สำคัญอันเนื่องมาจากขบวนการหมิ่นเบื้องสูงของใครบางกลุ่ม
อาทิ การปล่อยข่าว ‘อัปมงคล’ เพื่อทุบหุ้น! เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ใครเป็น ‘ตัวพ่อ’ ใครเป็นคนคอยจ้องบ่อนทำลายสถาบันตัวจริง (ตำรวจที่จับปลาซิว ปลาสร้อยก่อนหน้านี้และกำลังควานหาคนอยู่เบื้องหลังน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้นแล้วนะครับ)
นช.ทักษิณ พลันที่รู้ว่า คนไทยรู้สึกอย่างไรต่อข่าวชิ้นนี้ แม้กระทั่งคนเสื้อแดงก็เถอะ ผมคิดว่า รับไม่ได้จริงๆ เขาจึงพยายามจะบอกว่า ตนไม่ได้หมายความเช่นนั้นโดยโพสต์ข้อความสั้นผ่าน ‘ทวิตเตอร์’ ตามถนัดแก้ตัวเป็นพัลวันว่า เดอะ ไทมส์ ลงข่าวบิดเบือน
นช.ทักษิณโยนบาปให้กับนักข่าว!
น่าขำมาก...เพราะต่อมาเมื่อเดอะ ไทมส์รู้ว่าถูกตอบโต้ก็ยิ่งลงรายละเอียดมากขึ้น จากเดิมที่ลงข่าวโดยสรุปเพียงหน้าเดียวก็เอาเวอร์ชันเต็มๆ ทั้งหมด 12 หน้าให้คนเข้าไปอ่านคล้ายจะพิสูจน์ว่า ใครกันแน่ที่บิดเบือน
นช.ทักษิณ ทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่มีใครทราบนอกจากตัวเขาเองว่า ตอนที่ให้สัมภาษณ์คิดอะไรอยู่หรือ ตั้งใจจนเกินไปที่จะให้ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาจนหน้ามืดตามัวไม่รู้จักดีชั่ว
การตำหนินายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ก็เพียงเป็นการแก้ ปัดสวะให้พ้นตัว คิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวของเดอะ ไทมส์คนนี้ถ้าดูปูมประวัติและงานเขียนของเขาก็น่าจะเป็นคนที่นช.ทักษิณไว้วางใจ และอยากจะให้ข้อความของตนสื่อออกไปภายนอก เพราะทั้งแนวคิด ข้อเขียนของเขาเข้าข้างทักษิณ อคติต่อประเทศไทย สถาบันเบื้องสูง และเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ มาโดยตลอด
หากจำได้ เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้ในคราวที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนอังกฤษ เดอะ ไทมส์ โดยนายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ซึ่งเคยเป็นศิษย์ร่วมมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับ นายอภิสิทธิ์ ได้เขียนบทความโจมตีนายกฯ ของไทยและกล่าวล่วงละเมิดถึงเบื้องสูง ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ออกซฟอร์ดในหัวข้อ “Taking on the Challenges of Democracy”
ครั้งนั้น ผู้สื่อข่าวคนนี้ระบุว่า ถึงแม้ว่า นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย จะได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่มีหน้าตาดี ฉลาดหลักแหลม และเป็นขวัญใจของชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์เคยเป็นอดีตนักเรียนเก่าของ Eton College โรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังระดับโลกของอังกฤษ ร่วมกับนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนคนปัจจุบันวัย 44 ปี ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทของนายอภิสิทธิ์ ในสมัยนั้นก็ไม่สง่างามที่จะขึ้นพูดในหัวข้อนี้
เพราะเขามองว่า การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ และได้รับการสนับสนุนแบบไม่ชอบธรรมจากกลุ่มที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จนได้ก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ในที่สุด ทั้งกองทัพ รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ นี้เอง ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนชั้นสูงของไทย
เมื่อนักข่าวก็อคติ คนให้สัมภาษณ์ก็มีความแค้นฝังลึก ข่าวที่เขียนออกมาจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ก็บ่งบอกตัวตนของคนทั้งสองอย่างหมดเปลือก
นช.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ควรโทษว่านักข่าวของเดอะ ไทมส์ถ่ายเดียว แต่ควรโทษตัวเองซึ่งที่ผ่านมาพลาดแล้วพลาดอีก และคราวนี้ต้องเรียกว่า พลาดมหันต์...
มหันต์อย่างสมควรตาย!
ผมรู้สึกเช่นนี้จริงๆ หลังจากได้เห็นและอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในเว็บไซต์สื่อของอังกฤษ เดอะ ไทมส์ ออนไลน์ เมื่อเช้าวานนี้ (9พ.ย.) มิหนำซ้ำคำพูดบางวรรคบางตอนยังเปรียบเหมือนได้ตอกตะปูปิดฝาโลงตัวเองด้วยต่างหาก
เดอะ ไทมส์ โดยนายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ซึ่งเดินทางไปสัมภาษณ์ นช.ทักษิณ ถึงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เขียนข่าวตั้งแต่พาดหัวข่าวไปจนถึงเนื้อหารายละเอียดข่าวถึงการจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยที่ต้องบอกว่า ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย
ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา นช.ทักษิณ กับการไม่จงรักภักดี ถูกตั้งคำถามและมีคนเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีหลายครั้ง แต่อย่างที่รู้กันด้วยกระบวนการและอิทธิฤทธิ์ของ ‘รัฐตำรวจ’ ที่ยังหลงใหลตกเป็นทาสของระบอบทักษิณคดีความต่างๆ จึงเดินทางอืดอาดล่าช้ามาก
ขณะเดียวกันในบางกรณีก็มีคนมีหน้ามีตาในสังคมมาแก้ต่างคอยการันตีให้อย่างเช่น ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล
“จากคำพูดและการกระทำของคุณทักษิณ พี่ไม่เชื่อว่าเขาไม่จงรักภักดี ใครถามร้อยครั้งก็จะตอบอย่างนี้ พี่ดูจากพฤติกรรมของเขา เราไม่ใช่คนโง่ ถ้าทักษิณไม่จงรักภักดี เวลาเจอกันในงานเลี้ยงหรืองานศพ ทักษิณก็จะวิ่งมาคุยกับพี่ บอกว่าไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมา ได้ถวายรายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระองค์ท่านตรัสอย่างนั้นอย่างนี้ สีหน้าที่เขาเล่ามีความสุข คนแบบนี้จะไม่จงรักภักดีได้อย่างไร” (พฤษภาคม 2552)
หรือ พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เมื่อครั้งเดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ที่จีน ว่า “พ.ต.ท.ทักษิณเฮิร์ตและวอรี่กับเรื่องนี้มากที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพต่อสถาบัน และต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าไม่เคยคิดสักนิดเดียว พ.ต.ท.ทักษิณย้ำว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด” (พ.ย. 2551)
วันนี้ด้วยข่าวของเดอะ ไทมส์ที่แพร่สะพัดไปทั่ว ผมไม่รู้ว่าหากทั้งท่านผู้หญิงวิระยา และพลเอกพัลลภ จะยังกล้าการันตีหรือสู้หน้าผู้คนในสังคมได้อย่างไร
เนื่องเพราะ นี่เป็นคำเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างที่ นช.ทักษิณคิดและพยายามทำโดยสิ้นเชิง!
ประการสำคัญ คำเฉลยนี้ยังเชื่อมโยงต่อให้เห็นภาพรวมคล้ายกับการต่อภาพจิ๊กซอร์ที่ยังขาดหายไปถึงเหตุการณ์สำคัญอันเนื่องมาจากขบวนการหมิ่นเบื้องสูงของใครบางกลุ่ม
อาทิ การปล่อยข่าว ‘อัปมงคล’ เพื่อทุบหุ้น! เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ใครเป็น ‘ตัวพ่อ’ ใครเป็นคนคอยจ้องบ่อนทำลายสถาบันตัวจริง (ตำรวจที่จับปลาซิว ปลาสร้อยก่อนหน้านี้และกำลังควานหาคนอยู่เบื้องหลังน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้นแล้วนะครับ)
นช.ทักษิณ พลันที่รู้ว่า คนไทยรู้สึกอย่างไรต่อข่าวชิ้นนี้ แม้กระทั่งคนเสื้อแดงก็เถอะ ผมคิดว่า รับไม่ได้จริงๆ เขาจึงพยายามจะบอกว่า ตนไม่ได้หมายความเช่นนั้นโดยโพสต์ข้อความสั้นผ่าน ‘ทวิตเตอร์’ ตามถนัดแก้ตัวเป็นพัลวันว่า เดอะ ไทมส์ ลงข่าวบิดเบือน
นช.ทักษิณโยนบาปให้กับนักข่าว!
น่าขำมาก...เพราะต่อมาเมื่อเดอะ ไทมส์รู้ว่าถูกตอบโต้ก็ยิ่งลงรายละเอียดมากขึ้น จากเดิมที่ลงข่าวโดยสรุปเพียงหน้าเดียวก็เอาเวอร์ชันเต็มๆ ทั้งหมด 12 หน้าให้คนเข้าไปอ่านคล้ายจะพิสูจน์ว่า ใครกันแน่ที่บิดเบือน
นช.ทักษิณ ทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่มีใครทราบนอกจากตัวเขาเองว่า ตอนที่ให้สัมภาษณ์คิดอะไรอยู่หรือ ตั้งใจจนเกินไปที่จะให้ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาจนหน้ามืดตามัวไม่รู้จักดีชั่ว
การตำหนินายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ก็เพียงเป็นการแก้ ปัดสวะให้พ้นตัว คิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวของเดอะ ไทมส์คนนี้ถ้าดูปูมประวัติและงานเขียนของเขาก็น่าจะเป็นคนที่นช.ทักษิณไว้วางใจ และอยากจะให้ข้อความของตนสื่อออกไปภายนอก เพราะทั้งแนวคิด ข้อเขียนของเขาเข้าข้างทักษิณ อคติต่อประเทศไทย สถาบันเบื้องสูง และเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ มาโดยตลอด
หากจำได้ เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้ในคราวที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนอังกฤษ เดอะ ไทมส์ โดยนายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี ซึ่งเคยเป็นศิษย์ร่วมมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับ นายอภิสิทธิ์ ได้เขียนบทความโจมตีนายกฯ ของไทยและกล่าวล่วงละเมิดถึงเบื้องสูง ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ออกซฟอร์ดในหัวข้อ “Taking on the Challenges of Democracy”
ครั้งนั้น ผู้สื่อข่าวคนนี้ระบุว่า ถึงแม้ว่า นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย จะได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่มีหน้าตาดี ฉลาดหลักแหลม และเป็นขวัญใจของชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์เคยเป็นอดีตนักเรียนเก่าของ Eton College โรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังระดับโลกของอังกฤษ ร่วมกับนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนคนปัจจุบันวัย 44 ปี ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทของนายอภิสิทธิ์ ในสมัยนั้นก็ไม่สง่างามที่จะขึ้นพูดในหัวข้อนี้
เพราะเขามองว่า การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ และได้รับการสนับสนุนแบบไม่ชอบธรรมจากกลุ่มที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จนได้ก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ในที่สุด ทั้งกองทัพ รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ นี้เอง ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนชั้นสูงของไทย
เมื่อนักข่าวก็อคติ คนให้สัมภาษณ์ก็มีความแค้นฝังลึก ข่าวที่เขียนออกมาจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ก็บ่งบอกตัวตนของคนทั้งสองอย่างหมดเปลือก
นช.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ควรโทษว่านักข่าวของเดอะ ไทมส์ถ่ายเดียว แต่ควรโทษตัวเองซึ่งที่ผ่านมาพลาดแล้วพลาดอีก และคราวนี้ต้องเรียกว่า พลาดมหันต์...
มหันต์อย่างสมควรตาย!