เอเอฟพี – เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) เผยเมื่อวันพุธ (4) ว่าจะปลดพนักงานในกิจการโอเปิล ราว 10,000 ตำแหน่ง เพียงแค่วันเดียวหลังจากเพิ่งประกาศยกเลิกแผนการขายกิจการรถยนต์ในยุโรปของตนแห่งนี้ ให้กับกลุ่มร่วมทุน “แม็กนา อินเตอร์เนชันแนล” แห่งแคนาดา และ “สเบอร์แบงก์” แห่งรัสเซีย
จอห์น สมิท รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของจีเอ็มแถลงว่าบริษัทต้องการลดต้นทุนของกิจการโอเปิลลงราว 30 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องปรับลดพนักงานลงราว 10,000 ตำแหน่งจากจำนวนพนักงานทั้งหมด 55,000 ตำแหน่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามแผนการล่าสุดของจีเอ็มที่ต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจของโอเปิลด้วยตนเอง
การตัดสินใจคราวนี้ของจีเอ็มทำให้รัฐบาลเยอรมนีขุ่นเคืองใจอย่างมาก เพราะมีพนักงานราวครึ่งหนึ่งของโอเปิลทำงานอยู่ในเยอรมนี และรัฐบาลก็สนับสนุนแผนการให้ขายโอเปิลแก่กลุ่มแม็กนามาตลอด โดยหวังว่าจะช่วยรักษาตำแหน่งงานไว้ให้มากที่สุด
ความไม่พอใจครั้งนี้ยังแผ่ลามไปในสเปน เบลเยียม โปแลนด์ ออสเตรีย และอังกฤษ ซึ่งล้วนเป็นฐานธุรกิจของโอเปิลด้วย แม้ไม่รุนแรงเท่าในแดนดอยช์ มีรายงานว่า อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี กำลังติดต่อเพื่อหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ทว่าทำเนียบขาวระบุว่ารัฐบาลอเมริกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของจีเอ็ม
สมิทกล่าวว่าเขาเข้าใจดีถึงความไม่พอใจของเยอรมนี แต่บริษัทได้พยายามชั่งน้ำหนักดูแล้ว ทั้งจากข้อเสนอของกลุ่มร่วมทุนแม็กนา-สเบอร์แบงก์ และของคู่แข่งที่ต้องการซื้อโอเปิลอีกรายหนึ่งคือบริษัทอาร์เอชเจไอ จากเบลเยียม ตลอดจนผลประโยชน์ที่จีเอ็มจะได้รับจากการเก็บรักษาโอเปิลไว้เอง
“ในที่สุดเราเชื่อว่าเราสามารถปรับโครงสร้างโอเปิลได้ด้วยตัวของเราเอง โดยใช้เงินน้อยกว่านักลงทุนรายอื่น” สมิทบอก
จีเอ็มซึ่งเพิ่งจากภาวะล้มละลายมาได้ไม่กี่เดือน เปลี่ยนใจต้องการเก็บธุรกิจโอเปิล ซึ่งรวมถึงแบรนด์รถว็อกซ์ฮอลในอังกฤษด้วยเอาไว้เอง เนื่องจากสภาพการณ์ของบริษัทและของตลาดทั่วโลกดูกระเตื้องขึ้นแล้ว ขณะที่ธุรกิจโอเปิลถือเป็นฐานพัฒนาและผลิตรถขนาดเล็กและประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นธุรกิจสำคัญในตลาดโลกในอนาคต
จอห์น สมิท รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของจีเอ็มแถลงว่าบริษัทต้องการลดต้นทุนของกิจการโอเปิลลงราว 30 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องปรับลดพนักงานลงราว 10,000 ตำแหน่งจากจำนวนพนักงานทั้งหมด 55,000 ตำแหน่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามแผนการล่าสุดของจีเอ็มที่ต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจของโอเปิลด้วยตนเอง
การตัดสินใจคราวนี้ของจีเอ็มทำให้รัฐบาลเยอรมนีขุ่นเคืองใจอย่างมาก เพราะมีพนักงานราวครึ่งหนึ่งของโอเปิลทำงานอยู่ในเยอรมนี และรัฐบาลก็สนับสนุนแผนการให้ขายโอเปิลแก่กลุ่มแม็กนามาตลอด โดยหวังว่าจะช่วยรักษาตำแหน่งงานไว้ให้มากที่สุด
ความไม่พอใจครั้งนี้ยังแผ่ลามไปในสเปน เบลเยียม โปแลนด์ ออสเตรีย และอังกฤษ ซึ่งล้วนเป็นฐานธุรกิจของโอเปิลด้วย แม้ไม่รุนแรงเท่าในแดนดอยช์ มีรายงานว่า อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี กำลังติดต่อเพื่อหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ทว่าทำเนียบขาวระบุว่ารัฐบาลอเมริกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของจีเอ็ม
สมิทกล่าวว่าเขาเข้าใจดีถึงความไม่พอใจของเยอรมนี แต่บริษัทได้พยายามชั่งน้ำหนักดูแล้ว ทั้งจากข้อเสนอของกลุ่มร่วมทุนแม็กนา-สเบอร์แบงก์ และของคู่แข่งที่ต้องการซื้อโอเปิลอีกรายหนึ่งคือบริษัทอาร์เอชเจไอ จากเบลเยียม ตลอดจนผลประโยชน์ที่จีเอ็มจะได้รับจากการเก็บรักษาโอเปิลไว้เอง
“ในที่สุดเราเชื่อว่าเราสามารถปรับโครงสร้างโอเปิลได้ด้วยตัวของเราเอง โดยใช้เงินน้อยกว่านักลงทุนรายอื่น” สมิทบอก
จีเอ็มซึ่งเพิ่งจากภาวะล้มละลายมาได้ไม่กี่เดือน เปลี่ยนใจต้องการเก็บธุรกิจโอเปิล ซึ่งรวมถึงแบรนด์รถว็อกซ์ฮอลในอังกฤษด้วยเอาไว้เอง เนื่องจากสภาพการณ์ของบริษัทและของตลาดทั่วโลกดูกระเตื้องขึ้นแล้ว ขณะที่ธุรกิจโอเปิลถือเป็นฐานพัฒนาและผลิตรถขนาดเล็กและประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นธุรกิจสำคัญในตลาดโลกในอนาคต