สวนสยาม บุกตปท. เจรจาลาว-มาเลเซีย เล็งสร้างสวนน้ำ ด้าน “ไชยวัฒน์” พร้อมเกษียณปีหน้า วางระบบเรียบร้อย ส่งต่อทายาทรุ่นที่สองต่อ คาดปรับราคาค่าบริการใหม่ ผนึกททท.-ทัวร์ตปท. ดึงลูกค้าเที่ยว หวังรายได้ 1,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี
นายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามพาร์คซิตี้ จำกัด ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุก “สวนสยาม” เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะปรับแผนธุรกิจและแผนตลาดใหม่ โดยเตรียมที่จะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางนักลงทุนลาวและมาเลเซีย สองประเทศ เพื่อที่จะร่วมมือกันสร้างสวนน้ำหรือสวนสนุกขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการสรุปผลเจรจา ซึ่งเบื้องต้นนี้ ลาวสนใจสวนน้ำมากเพราะไม่มีพื้นที่ติดทะเล แต่ตลาดเล็กมาก ขณะที่มาเลเซียเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า
นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ผู้ก่อตั้งสวนสยาม กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยจะทำการปรับอัตราราคาบัตรใหม่ คาดว่าจะเก็บ 2 แบบคือ สำหรับเด็ก ราคา 300 บาท และผู้ใหญ่ 600 บาท รวมค่าผ่านประตูและสามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่างไม่จำกัดจำนวน จากเดิมที่ปัจจุบันเก็บค่าบัตรหลายแบบ คือ ราคา 200 บาท ผ่านประตูและเล่นเครื่องเล่นฟรี 1 อัน, ซื้อบัตรผ่านเว็บ 900 บาท เหลือเพียง 500บาท เล่นเครื่องเล่นได้หมดไม่จำกัด
ส่วนเด็ก ราคา 100 บาทเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่าง ซึ่งในอดีตเคยใช้ราคาเดียว คือ เด็ก 100 บาทและผู้ใหญ่ 200 บาท ก่อนนี้ได้ลงทุนไป 3,000 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องใหม่ 16 ชนิด จากเดิมตั้งเป้าเพียง 3 ชนิด เปิดบริการแล้ว 12 ชนิด คาดว่าปีหน้าจะเปิดบริการได้หมด
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ กับบริษัทของสิงคโปร์ และบริษัทไทยอีก 2-3 ราย คาดว่าต้องใช้งบประมาณ15 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแผนที่จะร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการร่วมกันใช้สำนักงานของ ททท. ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นที่ประชาสัมพันธ์สวนสยามไปด้วย รวมถึงการที่บริษัทฯมีแผนจะร่วมมือกับบริษัททัวร์ในต่างประเทศ เช่น จีนและอินเดีย ในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปีจากนี้ สัดส่วนกลุ่มลูกค้าจะแบ่งเป็น 50% ทั้งไทยและต่างชาติ จากปัจจุบันต่างชาติมีประมาณ 10% โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีจากนี้จะมียอดขายรวม 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 ล้านบาท ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะเลื่อนออกไปอีก 2 ปี ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยตระกูลเหลืองอมรเลิศ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนเกินกว่า 50%
ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการก้าวขึ้นมาบริหารของรุ่นที่สองอย่างเต็มตัวได้ปรับโครงสร้างใหม่โดยมีนายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ เป็นประธานกรรมการบริหาร และนายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และตนเองเตรียมเกษียณและวางมือชัดเจนในปีหน้าด้วย
นายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามพาร์คซิตี้ จำกัด ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุก “สวนสยาม” เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะปรับแผนธุรกิจและแผนตลาดใหม่ โดยเตรียมที่จะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางนักลงทุนลาวและมาเลเซีย สองประเทศ เพื่อที่จะร่วมมือกันสร้างสวนน้ำหรือสวนสนุกขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการสรุปผลเจรจา ซึ่งเบื้องต้นนี้ ลาวสนใจสวนน้ำมากเพราะไม่มีพื้นที่ติดทะเล แต่ตลาดเล็กมาก ขณะที่มาเลเซียเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า
นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ผู้ก่อตั้งสวนสยาม กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยจะทำการปรับอัตราราคาบัตรใหม่ คาดว่าจะเก็บ 2 แบบคือ สำหรับเด็ก ราคา 300 บาท และผู้ใหญ่ 600 บาท รวมค่าผ่านประตูและสามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่างไม่จำกัดจำนวน จากเดิมที่ปัจจุบันเก็บค่าบัตรหลายแบบ คือ ราคา 200 บาท ผ่านประตูและเล่นเครื่องเล่นฟรี 1 อัน, ซื้อบัตรผ่านเว็บ 900 บาท เหลือเพียง 500บาท เล่นเครื่องเล่นได้หมดไม่จำกัด
ส่วนเด็ก ราคา 100 บาทเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่าง ซึ่งในอดีตเคยใช้ราคาเดียว คือ เด็ก 100 บาทและผู้ใหญ่ 200 บาท ก่อนนี้ได้ลงทุนไป 3,000 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องใหม่ 16 ชนิด จากเดิมตั้งเป้าเพียง 3 ชนิด เปิดบริการแล้ว 12 ชนิด คาดว่าปีหน้าจะเปิดบริการได้หมด
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ กับบริษัทของสิงคโปร์ และบริษัทไทยอีก 2-3 ราย คาดว่าต้องใช้งบประมาณ15 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแผนที่จะร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการร่วมกันใช้สำนักงานของ ททท. ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นที่ประชาสัมพันธ์สวนสยามไปด้วย รวมถึงการที่บริษัทฯมีแผนจะร่วมมือกับบริษัททัวร์ในต่างประเทศ เช่น จีนและอินเดีย ในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปีจากนี้ สัดส่วนกลุ่มลูกค้าจะแบ่งเป็น 50% ทั้งไทยและต่างชาติ จากปัจจุบันต่างชาติมีประมาณ 10% โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีจากนี้จะมียอดขายรวม 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 ล้านบาท ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะเลื่อนออกไปอีก 2 ปี ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยตระกูลเหลืองอมรเลิศ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนเกินกว่า 50%
ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการก้าวขึ้นมาบริหารของรุ่นที่สองอย่างเต็มตัวได้ปรับโครงสร้างใหม่โดยมีนายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ เป็นประธานกรรมการบริหาร และนายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และตนเองเตรียมเกษียณและวางมือชัดเจนในปีหน้าด้วย