ได้ยินถึงความเดือดร้อนของคนทั้งหลาย รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แล้ว จึงจำเป็นต้องออกความคิดความเห็นในเรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง และมุ่งให้รัฐบาลท่านได้พิจารณาหาหนทางช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
เพราะการแก้ไขหรือช่วยเหลือในเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในประเทศไทย เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกๆ คน และจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเป็นอย่างมาก
เพราะจะได้รับความนิยมชมชอบจากทุกคนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้และกำลังเดือดร้อนในเรื่องนี้กันอยู่
เดือดร้อนกันอย่างไรเล่า? ก็เพราะกฎหมายของเราต้องคล้อยตามสมัยนิยมของนานาชาติ แต่คล้อยตามมากไปหน่อย จึงมีการตรากฎหมายให้การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เป็นทั้งความผิดทางแพ่งและความผิดทางอาญา ทั้งยังเปิดช่องให้มีการใช้อำนาจตามกฎหมายกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกได้อย่างไม่มีขอบเขต
ทั้งๆ ที่เรื่องละเมิดทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องทางแพ่ง ที่ทั่วโลกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง คือใครทำการละเมิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถูกละเมิด ไม่มีการเอาผิดกันถึงติดคุกติดตะราง หรือยึดทรัพย์สินเอาไปเป็นประกัน จนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากินกันดังที่เป็นอยู่ในบ้านเรา
แต่ถึงจะมีผู้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายนี้ให้เป็นไปตามแบบฉบับที่นานาชาติเขาใช้กันอยู่ คือให้เป็นแค่ความผิดทางแพ่งก็ไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจ
ดังนั้นเมื่อมีกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ จึงเปิดช่องให้ดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา โดยเรียกค่าปรับและค่าใช้จ่ายจนเกินจริงไปเป็นจำนวนมาก ทำให้คนไทยต้องเสียหายเกินความจริงซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง
นอกจากนั้น ในกระบวนการที่ทำกันอยู่ เมื่อตรวจพบว่าใครละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะยึดเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปทั้งหมด เอาไปกองไว้ตามสถานีตำรวจจนกว่าคดีจะเสร็จ ทำให้เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้ ไม่สามารถทำงานได้ เมื่อได้รับกลับคืนมาก็ชำรุดเสียหายไปเกือบทั้งหมดและแทบจะเอากลับมาใช้ใหม่อีกไม่ได้เลย
เป็นการกระทำที่เกินไปจริงๆ เพราะในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งๆ นั้นมีเรื่องราวและทรัพย์สินอื่นๆ รวมอยู่ในนั้นมากมาย อาจจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าหากล็อก ไม่ให้ใช้เฉพาะส่วนที่ละเมิดก็จะไม่เกิดความเสียหายเกินออกไปจากที่พึงเป็น
แต่เพราะเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ ยกไปทั้งเครื่อง ยกไปทั้งระบบ จนทำให้ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายด้วย ซึ่งความจริงตรงนี้ต้องมีความรับผิด ทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่เพราะประชาชนไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงไม่ได้ตอบโต้ให้สาสมแก่กัน
ดังนั้นจึงขอบอกกล่าวมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพึงระมัดระวังและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ดี เพราะคอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช่ของผิดกฎหมาย และไม่ได้ใช้เพื่อทำผิดกฎหมาย หากมีซอฟต์แวร์ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ก็มีสิทธิ์ที่จะจัดการได้เฉพาะส่วนที่ละเมิดนั้น
การยกไปทั้งเครื่อง ยกไปทั้งระบบ จนเขาใช้การงานในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ แล้วเกิดความเสียหายขึ้น แม้กระทั่งรับคืนมาแล้วก็ชำรุดเสียหาย จึงเป็นความรับผิดที่ผู้กระทำต้องรับผิดด้วย
เป็นความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดในฐานะตัวการ และคนนำจับต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน มีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี และยังมีความรับผิดทางแพ่งอีกด้วย
ดังนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพึงสังวรไว้ จะได้ไม่เอาชีวิตราชการไปเสี่ยงโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
อันค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์นั้น ผู้เป็นเจ้าของกำหนดเอาเองและตั้งอัตราเอาเอง ไม่ได้แสดงต้นทุนและอัตรากำไรมาตรฐาน และที่ผ่านมาก็ปล่อยให้ทดลองใช้หรือปล่อยให้ใช้ จึงใช้กันเกร่อเกลื่อนกันทั้งประเทศ
ครั้นวันนี้ก็เอาจริงเอาจังกันแล้ว ตรวจสอบติดตามและเตือนให้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากก็ต้องจ่าย เพราะถ้าไม่จ่ายก็ผิด แต่จ่ายมากก็ไม่ไหว เพราะเป็นอัตราที่สูง จนกระทั่งบางกิจการอาจได้รับผลกระทบกระเทือน แม้ตามส่วนราชการต่างๆ ก็ใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์กันเป็นส่วนใหญ่
ถ้าจะให้เป็นต่างคนต่างจ่าย ต่างคนก็จะต่างเดือดร้อนและต่างก็จะได้รับความเสียหาย และเงินที่จ่ายนั้นก็เป็นเงินของประเทศไทย ที่ถ้าหากจ่ายกันเต็มอัตราหมดทั่วทั้งประเทศ ก็จะเป็นรายจ่ายก้อนมหาศาลที่จะเป็นภาระของประเทศไทยไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตรงนี้แหละที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้เห็นทีว่าประเทศไทยและคนไทยจะรับภาระไม่ไหวแน่ ทั้งการเบียดเบียนข่มเหงกลั่นแกล้งก็จะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
เรามาดูกันว่าเขาแก้ปัญหานี้กันอย่างไร ซึ่งพอจะบอกได้ว่าเขาแก้ปัญหากันโดยสองวิธี
วิธีแรก คือการส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้ซอฟต์แวร์เปิด หรือที่เรียกว่า Open Source ซึ่งไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์ ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ใครๆ ก็สามารถเอามาใช้ได้ แต่ความนิยมยังน้อย และไม่ค่อยสะดวกนัก ก็ต้องทนกันไปและต้องพัฒนากันต่อไป ประเทศไทยของเราก็มีการพัฒนาเรื่องนี้กันอยู่แล้ว และใช้กันอยู่บ้างแล้ว
ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่าลีนุกซ์นั้น ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอย่างอื่นๆ รัฐบาลจึงควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาต่อไป
ในประเทศจีนนั้น รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ได้ตั้งหน่วยงานของรัฐในรูปของบริษัทขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ชื่อว่าบริษัท ลีนุกซ์ หงฉี ซึ่งแปลได้ว่าบริษัทลีนุกซ์ธงแดงก็ได้
และเพื่อแสดงถึงความเอาจริงเอาจังในการรณรงค์ให้มีการใช้และการพัฒนาโดยไม่ต้องเสียเงินค่าลิขสิทธิ์ เขาต้องลงทุนถึงขนาดให้ประธานาธิบดีของจีนเข้าดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท ลีนุกซ์ หงฉี ด้วย
วิธีที่สอง คือการรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง เป็นการจ่ายเหมาสำหรับการใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการทั่วทั้งประเทศจีน โดยเหมาจ่ายเป็นเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจ้าของลิขสิทธิ์เขาก็พอใจ เพราะไม่ต้องไปยุ่งยากไล่ล่าเรียกเก็บเอากับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งเป็นความยากลำบากเหลือล้นประมาณในประเทศจีน ทั้งการได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นการเหมาจ่ายเช่นนี้ย่อมเป็นการสะดวกและเป็นรายได้ก้อนมหาศาล ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดไปในพริบตา
คนจีนมีถึง 1,300 ล้านคน เมื่อรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพียง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นเมื่อเฉลี่ยค่าใช้ลิขสิทธิ์แล้วก็ตกคนละไม่ถึง 1 เหรียญสหรัฐ หรือไม่ถึง 33 บาท นับว่าเป็นอัตราและราคาที่ถูกที่สุดในโลก
นั่นคือความฉลาดและมีวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีน และเป็นการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนที่มีผลจริงในทางปฏิบัติ ทำให้ประชาชาติจีนทั้งปวงพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ และได้รับประโยชน์ถ้วนหน้ากัน
ในประเทศไทยของเรา เมื่อคนทั้งหลายกำลังประสบปัญหานี้อยู่ จึงควรที่รัฐบาลจะได้พิจารณานำเอาวิธีการทั้งสองนี้มาช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในทางที่จะบังเกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนให้ทันท่วงที
นั่นคือเร่งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาระบบเปิดให้มากที่สุด โดยเริ่มต้นที่ภาครัฐและรณรงค์ต่อไปอย่างกว้างขวางในสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยได้ใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ไม่ต้องมีภาระรายจ่าย ถือเป็นการปลดแอกประเทศไทยและคนไทยจากเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในขณะเดียวกัน ในช่วงระหว่างเวลาการรณรงค์พัฒนาระบบเปิด ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งควรที่รัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงจ่ายค่าลิขสิทธิ์กับเจ้าของ ให้ได้ใช้กันทั่วประเทศโดยเหมาจ่าย ซึ่งถ้าคิดอัตราเดียวกับประเทศจีน ก็คงใช้เงินงบประมาณเพียง 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็ไม่ถึง 2,000 ล้านบาท
แต่จะทำให้ทั่วทั้งประเทศไทยได้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการทั้งหลายอย่างเต็มที่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง โดยประชาชนและผู้ใช้ทั้งประเทศไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกต่อไป
ใช้เงินเพียง 2,000 ล้านบาท ประโยชน์จะบังเกิดแก่คนไทยและประเทศไทยเป็นอเนกอนันต์ รัฐบาลก็จะได้รับคะแนนเสียงในเรื่องนี้เป็นอเนกอนันต์เช่นเดียวกันด้วย.
เพราะการแก้ไขหรือช่วยเหลือในเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในประเทศไทย เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกๆ คน และจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเป็นอย่างมาก
เพราะจะได้รับความนิยมชมชอบจากทุกคนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้และกำลังเดือดร้อนในเรื่องนี้กันอยู่
เดือดร้อนกันอย่างไรเล่า? ก็เพราะกฎหมายของเราต้องคล้อยตามสมัยนิยมของนานาชาติ แต่คล้อยตามมากไปหน่อย จึงมีการตรากฎหมายให้การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เป็นทั้งความผิดทางแพ่งและความผิดทางอาญา ทั้งยังเปิดช่องให้มีการใช้อำนาจตามกฎหมายกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกได้อย่างไม่มีขอบเขต
ทั้งๆ ที่เรื่องละเมิดทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องทางแพ่ง ที่ทั่วโลกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง คือใครทำการละเมิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถูกละเมิด ไม่มีการเอาผิดกันถึงติดคุกติดตะราง หรือยึดทรัพย์สินเอาไปเป็นประกัน จนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากินกันดังที่เป็นอยู่ในบ้านเรา
แต่ถึงจะมีผู้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายนี้ให้เป็นไปตามแบบฉบับที่นานาชาติเขาใช้กันอยู่ คือให้เป็นแค่ความผิดทางแพ่งก็ไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจ
ดังนั้นเมื่อมีกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ จึงเปิดช่องให้ดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา โดยเรียกค่าปรับและค่าใช้จ่ายจนเกินจริงไปเป็นจำนวนมาก ทำให้คนไทยต้องเสียหายเกินความจริงซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง
นอกจากนั้น ในกระบวนการที่ทำกันอยู่ เมื่อตรวจพบว่าใครละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะยึดเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปทั้งหมด เอาไปกองไว้ตามสถานีตำรวจจนกว่าคดีจะเสร็จ ทำให้เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้ ไม่สามารถทำงานได้ เมื่อได้รับกลับคืนมาก็ชำรุดเสียหายไปเกือบทั้งหมดและแทบจะเอากลับมาใช้ใหม่อีกไม่ได้เลย
เป็นการกระทำที่เกินไปจริงๆ เพราะในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งๆ นั้นมีเรื่องราวและทรัพย์สินอื่นๆ รวมอยู่ในนั้นมากมาย อาจจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าหากล็อก ไม่ให้ใช้เฉพาะส่วนที่ละเมิดก็จะไม่เกิดความเสียหายเกินออกไปจากที่พึงเป็น
แต่เพราะเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ ยกไปทั้งเครื่อง ยกไปทั้งระบบ จนทำให้ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายด้วย ซึ่งความจริงตรงนี้ต้องมีความรับผิด ทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่เพราะประชาชนไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงไม่ได้ตอบโต้ให้สาสมแก่กัน
ดังนั้นจึงขอบอกกล่าวมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพึงระมัดระวังและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ดี เพราะคอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช่ของผิดกฎหมาย และไม่ได้ใช้เพื่อทำผิดกฎหมาย หากมีซอฟต์แวร์ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ก็มีสิทธิ์ที่จะจัดการได้เฉพาะส่วนที่ละเมิดนั้น
การยกไปทั้งเครื่อง ยกไปทั้งระบบ จนเขาใช้การงานในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ แล้วเกิดความเสียหายขึ้น แม้กระทั่งรับคืนมาแล้วก็ชำรุดเสียหาย จึงเป็นความรับผิดที่ผู้กระทำต้องรับผิดด้วย
เป็นความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดในฐานะตัวการ และคนนำจับต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน มีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี และยังมีความรับผิดทางแพ่งอีกด้วย
ดังนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพึงสังวรไว้ จะได้ไม่เอาชีวิตราชการไปเสี่ยงโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
อันค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์นั้น ผู้เป็นเจ้าของกำหนดเอาเองและตั้งอัตราเอาเอง ไม่ได้แสดงต้นทุนและอัตรากำไรมาตรฐาน และที่ผ่านมาก็ปล่อยให้ทดลองใช้หรือปล่อยให้ใช้ จึงใช้กันเกร่อเกลื่อนกันทั้งประเทศ
ครั้นวันนี้ก็เอาจริงเอาจังกันแล้ว ตรวจสอบติดตามและเตือนให้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากก็ต้องจ่าย เพราะถ้าไม่จ่ายก็ผิด แต่จ่ายมากก็ไม่ไหว เพราะเป็นอัตราที่สูง จนกระทั่งบางกิจการอาจได้รับผลกระทบกระเทือน แม้ตามส่วนราชการต่างๆ ก็ใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์กันเป็นส่วนใหญ่
ถ้าจะให้เป็นต่างคนต่างจ่าย ต่างคนก็จะต่างเดือดร้อนและต่างก็จะได้รับความเสียหาย และเงินที่จ่ายนั้นก็เป็นเงินของประเทศไทย ที่ถ้าหากจ่ายกันเต็มอัตราหมดทั่วทั้งประเทศ ก็จะเป็นรายจ่ายก้อนมหาศาลที่จะเป็นภาระของประเทศไทยไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตรงนี้แหละที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้เห็นทีว่าประเทศไทยและคนไทยจะรับภาระไม่ไหวแน่ ทั้งการเบียดเบียนข่มเหงกลั่นแกล้งก็จะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
เรามาดูกันว่าเขาแก้ปัญหานี้กันอย่างไร ซึ่งพอจะบอกได้ว่าเขาแก้ปัญหากันโดยสองวิธี
วิธีแรก คือการส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้ซอฟต์แวร์เปิด หรือที่เรียกว่า Open Source ซึ่งไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์ ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ใครๆ ก็สามารถเอามาใช้ได้ แต่ความนิยมยังน้อย และไม่ค่อยสะดวกนัก ก็ต้องทนกันไปและต้องพัฒนากันต่อไป ประเทศไทยของเราก็มีการพัฒนาเรื่องนี้กันอยู่แล้ว และใช้กันอยู่บ้างแล้ว
ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่าลีนุกซ์นั้น ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอย่างอื่นๆ รัฐบาลจึงควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาต่อไป
ในประเทศจีนนั้น รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ได้ตั้งหน่วยงานของรัฐในรูปของบริษัทขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ชื่อว่าบริษัท ลีนุกซ์ หงฉี ซึ่งแปลได้ว่าบริษัทลีนุกซ์ธงแดงก็ได้
และเพื่อแสดงถึงความเอาจริงเอาจังในการรณรงค์ให้มีการใช้และการพัฒนาโดยไม่ต้องเสียเงินค่าลิขสิทธิ์ เขาต้องลงทุนถึงขนาดให้ประธานาธิบดีของจีนเข้าดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท ลีนุกซ์ หงฉี ด้วย
วิธีที่สอง คือการรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง เป็นการจ่ายเหมาสำหรับการใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการทั่วทั้งประเทศจีน โดยเหมาจ่ายเป็นเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจ้าของลิขสิทธิ์เขาก็พอใจ เพราะไม่ต้องไปยุ่งยากไล่ล่าเรียกเก็บเอากับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งเป็นความยากลำบากเหลือล้นประมาณในประเทศจีน ทั้งการได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นการเหมาจ่ายเช่นนี้ย่อมเป็นการสะดวกและเป็นรายได้ก้อนมหาศาล ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดไปในพริบตา
คนจีนมีถึง 1,300 ล้านคน เมื่อรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพียง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นเมื่อเฉลี่ยค่าใช้ลิขสิทธิ์แล้วก็ตกคนละไม่ถึง 1 เหรียญสหรัฐ หรือไม่ถึง 33 บาท นับว่าเป็นอัตราและราคาที่ถูกที่สุดในโลก
นั่นคือความฉลาดและมีวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีน และเป็นการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนที่มีผลจริงในทางปฏิบัติ ทำให้ประชาชาติจีนทั้งปวงพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ และได้รับประโยชน์ถ้วนหน้ากัน
ในประเทศไทยของเรา เมื่อคนทั้งหลายกำลังประสบปัญหานี้อยู่ จึงควรที่รัฐบาลจะได้พิจารณานำเอาวิธีการทั้งสองนี้มาช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในทางที่จะบังเกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนให้ทันท่วงที
นั่นคือเร่งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาระบบเปิดให้มากที่สุด โดยเริ่มต้นที่ภาครัฐและรณรงค์ต่อไปอย่างกว้างขวางในสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยได้ใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ไม่ต้องมีภาระรายจ่าย ถือเป็นการปลดแอกประเทศไทยและคนไทยจากเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในขณะเดียวกัน ในช่วงระหว่างเวลาการรณรงค์พัฒนาระบบเปิด ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งควรที่รัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงจ่ายค่าลิขสิทธิ์กับเจ้าของ ให้ได้ใช้กันทั่วประเทศโดยเหมาจ่าย ซึ่งถ้าคิดอัตราเดียวกับประเทศจีน ก็คงใช้เงินงบประมาณเพียง 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็ไม่ถึง 2,000 ล้านบาท
แต่จะทำให้ทั่วทั้งประเทศไทยได้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการทั้งหลายอย่างเต็มที่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง โดยประชาชนและผู้ใช้ทั้งประเทศไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกต่อไป
ใช้เงินเพียง 2,000 ล้านบาท ประโยชน์จะบังเกิดแก่คนไทยและประเทศไทยเป็นอเนกอนันต์ รัฐบาลก็จะได้รับคะแนนเสียงในเรื่องนี้เป็นอเนกอนันต์เช่นเดียวกันด้วย.