ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ส.ส.ได้ตีกลับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการธิการวิสามัญ ไปพิจารณา ให้ได้ข้อยุติก่อนที่จะนำมาเสนอให้กับสภาฯพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะใน มาตรา 4 ที่กรรมาธิการฯมีการแก้ไขให้การออกข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและจากสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะประกาศบังคับใช้ ซึ่งในประเด็นนี้ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเองเห็นว่า กรณีนี้ถือเป็นการออกระเบียบว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลเองเป็นการภายใน ซึ่งศาลก็ได้พิจารณาถึงความเหมาะสม และระเบียบต่างๆ ที่ตุลาการจะกำหนดนั้นก็ต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกับหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกระบวนการ ขั้นตอนในการดำเนินการของคณะตุลการ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเด็นที่มีปัญหาและต้องถูกตีกลับนำมาให้ทบทวนนั้นคือ การกำหนดกระบวนการพิจารณาของศาลเช่น เมื่อรับคำร้องแล้วให้ผู้ถูกร้องส่งคำชี้แจง ให้กับศาลภายใน 15 วันนับแต่ผู้ถูกร้องได้รับหนังสือสำเนาของศาล เมื่อผู้ร้อง ได้ขอขยายเวลาออกไปก็เป็นดุลยพินิจของคณะตุลาการฯ ว่าจะเห็นสมควร โดยปกติหากมีเหตุผลคณะตุลาการฯ ส่วนใหญ่ก็ได้อนุญาต อย่างเช่นกรณี ที่ขณะนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคดีคำร้องเรื่องของการถือครองหุ้น 16 ส.ว. ซึ่งก็ที่มีผู้ร้องได้ขอขยายเวลาออกไปอีก ซึ่งคณะตุลาการฯก็ได้ขยายให้ไปครั้งหนึ่งแล้วตามที่ขอ แต่ก็มีการขอเข้ามาอีก 30 วัน ซึ่งคณะตุลาการฯ ก็เห็นว่า เราได้ให้เวลาในการขยายไปพอสมควรแล้วจึงไม่น่าที่จะให้อีก อาจจะทำให้พวกบรรดานักการเมืองเขาไม่เข้าใจ และคิดว่าเราไม่เห็นใจ มองในแง่ที่เป็นปฏิปักษ์แก่เขาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นข้อกำหนดวิธีปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องของระเบียบการทำงานของคณะตุลการเป็นการภายใน เป็นเรื่องของเราเอง ทำไม่ต้อง ให้สภาฯมากำหนดเช่นที่ว่า ต้องการเปลี่ยนในเรื่องของการขยายเวลา จากที่ตุลาการ เห็นสมควร ให้เป็นไปตามที่ผู้ร้องขอมา หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ต้องพิจารณากันแล้ว หากจะมีการทำเช่นที่ส.ส.เสนอว่าให้การดำเนินการของศาล อยู่ภายใต้ความพอใจ ของตัวส.ส.เองหรือไม่ ดังจะเห็นได้ชัดอย่างกรณีที่ ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้พิจารณาคดีที่ส่งผลกระทบต่อนักการเมืองทั้งหลาย และอาจจะมีการผูกใจเจ็บ จึงอยากให้การออกระเบียบ ข้อกำหนดใดของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องให้ผ่านสภาทั้งหมด ต้องให้ส.ส.เห็นชอบ หากไม่เห็นชอบก็เป็นอันทำงานกันไม่ได้ หรือทำงาน ก็ต้องเป็นไปตามอำเภอใจของนักกาเมืองใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ก็เห็นแววแล้วว่า ร่างพ.ร.บ.ฯนี้ก็คงจะไม่ผ่านเป็นแน่
แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเด็นที่มีปัญหาและต้องถูกตีกลับนำมาให้ทบทวนนั้นคือ การกำหนดกระบวนการพิจารณาของศาลเช่น เมื่อรับคำร้องแล้วให้ผู้ถูกร้องส่งคำชี้แจง ให้กับศาลภายใน 15 วันนับแต่ผู้ถูกร้องได้รับหนังสือสำเนาของศาล เมื่อผู้ร้อง ได้ขอขยายเวลาออกไปก็เป็นดุลยพินิจของคณะตุลาการฯ ว่าจะเห็นสมควร โดยปกติหากมีเหตุผลคณะตุลาการฯ ส่วนใหญ่ก็ได้อนุญาต อย่างเช่นกรณี ที่ขณะนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคดีคำร้องเรื่องของการถือครองหุ้น 16 ส.ว. ซึ่งก็ที่มีผู้ร้องได้ขอขยายเวลาออกไปอีก ซึ่งคณะตุลาการฯก็ได้ขยายให้ไปครั้งหนึ่งแล้วตามที่ขอ แต่ก็มีการขอเข้ามาอีก 30 วัน ซึ่งคณะตุลาการฯ ก็เห็นว่า เราได้ให้เวลาในการขยายไปพอสมควรแล้วจึงไม่น่าที่จะให้อีก อาจจะทำให้พวกบรรดานักการเมืองเขาไม่เข้าใจ และคิดว่าเราไม่เห็นใจ มองในแง่ที่เป็นปฏิปักษ์แก่เขาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นข้อกำหนดวิธีปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องของระเบียบการทำงานของคณะตุลการเป็นการภายใน เป็นเรื่องของเราเอง ทำไม่ต้อง ให้สภาฯมากำหนดเช่นที่ว่า ต้องการเปลี่ยนในเรื่องของการขยายเวลา จากที่ตุลาการ เห็นสมควร ให้เป็นไปตามที่ผู้ร้องขอมา หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ต้องพิจารณากันแล้ว หากจะมีการทำเช่นที่ส.ส.เสนอว่าให้การดำเนินการของศาล อยู่ภายใต้ความพอใจ ของตัวส.ส.เองหรือไม่ ดังจะเห็นได้ชัดอย่างกรณีที่ ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้พิจารณาคดีที่ส่งผลกระทบต่อนักการเมืองทั้งหลาย และอาจจะมีการผูกใจเจ็บ จึงอยากให้การออกระเบียบ ข้อกำหนดใดของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องให้ผ่านสภาทั้งหมด ต้องให้ส.ส.เห็นชอบ หากไม่เห็นชอบก็เป็นอันทำงานกันไม่ได้ หรือทำงาน ก็ต้องเป็นไปตามอำเภอใจของนักกาเมืองใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ก็เห็นแววแล้วว่า ร่างพ.ร.บ.ฯนี้ก็คงจะไม่ผ่านเป็นแน่
