xs
xsm
sm
md
lg

โกลด์ฟิวเจอร์ส... ของ'จีที เวลธ์ แมเนจเม้นท์'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนอย่างมหันต์ ผลกำไรหรือผลตอบแทนที่ควร ได้รับจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีที่สั่งสมมาหายวับ! ไปในพริบตา... แต่ขณะเดียวกันสินทรัพย์อีกฟากหนึ่ง กลับทวีค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่ทีท่าจะหยุดนิ่ง ในที่นี้ก็คือ 'ทองคำ' นั่นเอง

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีโอกาสพบกับ สาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด อีกหนึ่งโบรกเกอร์ร้านทองที่เข้าร่วมให้บริการซื้อขาย โกลด์ฟิวเจอร์สของ TFEX โดยข้อสนทนาหนึ่งที่น่าสนใจ และเหมาะกับภาวการณ์ลงทุนช่วงนี้ นั่นคือการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุนผ่านการลงทุนในทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์สไว้ด้วยนั่นเอง

'การมีทองคำในพอร์ตย่อมช่วยให้พอร์ตลงทุนนั้นมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านทองคำนั้นจะเป็นไปในแบบคงที่ และมีการปรับตัวขึ้นอย่างไม่หวือหวา ผิดกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งผลตอบแทนจะมีการแกว่งตัวหวือหวามากกว่า โดยชั่วโมงนี้ควรมีทองคำแท่ง หรือโกลด์ฟิวเจอร์สเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน 5-10% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวแรงของดัชนีหุ้น'

กรรมการผู้จัดการ จีที เวลธ์ กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ณ สิ้นเดือนกันยายนประมาณ 4% และมีวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100 สัญญา/วัน ขณะที่ภาพรวมของโกลด์ ฟิวเจอร์ส ณ สิ้นกันยายน มีวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ย 1,081 สัญญา/วัน ซึ่งโดยรวมแล้ววอลุ่มยังไม่สูงดังที่คาดหมายไว้ อย่างไรก็ตาม หากช่วง 1-2 เดือนจากนี้ ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น มาร์เกตแชร์ของบริษัทอาจเติบโตขึ้นถึงเป้าที่ตั้งไว้ 6% ซึ่งจะรวมถึงวอลุ่มซื้อขาย ที่ขยับตัวแตะ 150 สัญญา/วันได้

สำหรับ 'จีที เวลธ์ แมเนจเม้นท์' ประกอบธุรกิจตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นทองคำหรือโกลด์ ฟิวเจอร์ส โดยเป็นบริษัทร่วมทุนของนายกสมาคมค้าทองคำ 'จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี' ในนาม บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด และกลุ่มผู้ค้าทองคำ รายใหญ่ 13 ราย ด้วยทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท

โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้ง 13 รายนั้น มีร้านทองที่เป็นเครือข่ายรวมกันกว่า 1,000 แห่งทำให้จุดนี้ หากการพัฒนาโกลด์ฟิวเจอร์ส เป็นที่นิยมและยอมรับของร้านทองและผู้ลงทุนมากขึ้น บริษัทจะมีความได้เปรียบคู่แข่งขันอื่นๆ จากฐานเครือข่ายที่มีอยู่มาก ซึ่งปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาเปิดบัญชีกับบริษัทและมีการลงทุนจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนที่ลงทุนในทองคำแท่ง และลงทุนอยู่ในตลาดอนุพันธ์ก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากช่วงที่ผ่านมาแม้ปริมาณการ ซื้อขายในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์สจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับบรรดาโบรกเกอร์แล้ว ทุกอย่างดูยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากข้อจำกัดด้านพฤติกรรมการลงทุน หรือการซื้อขายทองคำของบรรดาร้านทองยังติดอยู่ระบบซื้อขายแบบเดิม อีกทั้งยังไม่มีความเข้าใจต่อเครื่องมือทางการลงทุนแบบใหม่อย่างโกลด์ ฟิวเจอร์สเท่าที่ควร

ดังนั้น แม้จุดสำคัญของการขยายตลาดและฐานลูกค้าจะอยู่ที่ปริมาณ หรือจำนวนตัวแทนสนับสนุน ในการให้บริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าโกลด์ ฟิวเจอร์ส (Selling Agent) ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุน ธุรกิจ แต่จากที่ผ่านมาหลายบริษัทแม้จะมี Selling Agent เยอะแต่กลับไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อกลับมาสู่ โบรกฯ ได้ตามเป้าที่กำหนด

'การเป็น SA นั้นต้องมีความเข้าใจราคาทองคำ และรู้จักการลงทุนในอนุพันธ์ อีกทั้งต้องมีหลักเกณฑ์และข้อบังคับมาก ซึ่งจุดนี้ยังสร้างปัญหาให้แก่ SA อยู่ ดังนั้น จากเดิมที่เราตั้งเป้าจะมี SA ภายในปีนี้ 15 ราย ก็ต้องเปลี่ยนไป ซึ่ง ณ ตอนนี้ คาดว่าเราจะมี SA ประมาณ 2 รายในปีนี้ แต่เราจะปรับไปเป็นการมุ่งสร้าง ผู้แนะนำการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส (investment advisor : IA) มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 10 ราย โดยจะให้เขาเป็นผู้ชักชวนลูกค้าเข้ามาลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สกับเรา และเราจะให้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชัน แก่ IA ซึ่งตรงจุดนี้จะไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก และไม่ต้องมาคอยเทกแคร์ลูกค้าเท่าไร เพราะเราจะดำเนินการในเรื่องนี้แทน และต่อไปถ้า IA มีความเข้าใจในโกลด์ ฟิวเจอร์สมากขึ้น และมีความพร้อม ก็สามารถเปลี่ยนตัวเองขึ้นเป็น Selling Agent ได้ในอนาคต'

ขณะเดียวกันในเร็วๆ นี้ บริษัทจะได้รับใบอนุญาต ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อตนเอง (บริษัท) ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการซื้อขายทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์สให้แก่ลูกค้าได้ โดยคาดจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพฤศจิกายน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกความบริสุทธิ์ของทองคำแท่ง เช่น 96.5% ซึ่งเป็นแบบที่ใช้ซื้อขายอยู่ในเมืองไทย หรือใช้แบบ 99.99% ที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งตรงจุดนี้เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต

สาธิตกล่าวว่า หากมองถึงการพัฒนา TFEX ตั้งแต่ ตอนเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันพบว่า มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีมากขึ้น ด้วยจำนวนผู้ลงทุน วอลุ่มการซื้อขาย ความเข้าใจในสินค้าของผู้ลงทุน ซึ่งดีกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับผู้ลงทุนในหุ้นที่มีอยู่ถึงประมาณ 5 แสนบัญชีในปัจจุบัน ขณะที่มีผู้เปิดบัญชีเพื่อลงทุนใน TFEX เพียง 30,000 บัญชีจึงถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน แต่เชื่อว่าในอนาคตจำนวนผู้ลงทุนในTFEX จะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้

ส่วนโกลด์ ฟิวเจอร์ส นั้น สาธิตมองว่า หลายคนยังมองว่าเป็นเพียงการเก็งกำไร ทั้งที่เครื่องมือดังกล่าวสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ ดังนั้นเรื่องที่สำคัญสุดก็จะหนีไม่พ้นการให้ความรู้ความเข้าใจต่อผู้ลงทุนมากขึ้น รวมถึงการให้ความเข้าใจต่อกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ให้รู้และรับทราบถึงประโยชน์ในการลงทุนผ่านเครื่องมือนี้ ซึ่งเชื่อว่าหากอนาคตเป็นไปดังที่คาดไว้ จะทำให้วอลุ่มการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งจะมีอีทีเอฟ ทองออกมาช่วยสนับสนุนอีกช่องทางหนึ่ง

ขณะเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้โกลด์ ฟิวเจอร์ส มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้ นั่นคือการเปิดให้บริการซื้อขายจนถึงเวลา 24.00 น. ทั้งนี้ เพื่อลดความผันผวนในสัญญาที่ผู้ลงทุนถืออยู่ เพราะ ข้อจำกัดด้านเวลาที่ใช้ซื้อขายของไทย ไม่สมดุลกับสถานการณ์หรือความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเรื่องดังกล่าวได้รับการอนุมัติ เชื่อว่าจะทำให้ปริมาณการซื้อเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมาก โดย อาจจะมีวอลุ่มเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 2,000 สัญญา/วัน แต่ ปัจจุบันเรื่องนี้ทางตลาดกำลังอยู่ในช่วงรับฟังข้อเสนอ โดยทางโบรกเกอร์ร้านทองทั้ง 5 แห่งก็มีความพร้อม แต่ก็ต้องดูความพร้อมของทางบริษัทหลักทรัพย์ด้วย

'ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงอยู่ เพราะเราปิดตลาดตอน 5 โมงเย็น แต่ขณะเดียวกันอีกทวีปหนึ่งอย่างลอนดอน เขาเพิ่งเริ่มซื้อขายและราคาก็มีการสวิง ไปมาอยู่ พอช่วง 2-3 ทุ่มก็เป็นการเปิดของตลาดในนิวยอร์ก สหรัฐฯ ราคายิ่งมีการสวิงและแกว่งตัวมากขึ้น ดังนั้น หากตลาดของเราสามารถเปิดให้บริการถึง 24.00 น. ก็จะช่วยลดความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน และผมเชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาเทรดในช่วงเวลาที่ขยายเพิ่มนี้มากขึ้น ส่วนต้นทุนของบริษัทนั้น เรื่องนี้แน่นอนต้องปรับเพิ่มขึ้นทั้งในเรื่องเจ้าหน้าที่ และระบบไอที แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ เพราะเราก็เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้รองรับไว้แล้ว'

เมื่อมาถึงตรงจุดนี้ เอ็มดี ของ จีที เวลธ์ฯ ก็มีข้อเสนอแนะดีๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สว่า ขั้นแรก ต้องรู้ถึงธรรมชาติของราคาทองคำที่จะแตกต่างกับหุ้น รู้ถึงดีมานด์ และซัปพลายที่มีอยู่ ขั้นที่ 2 ต้องรู้จักฟิวเจอร์ส รู้จักขั้นตอนการซื้อขาย และการทำกำไรจากสัญญาล่วงหน้า ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก การลงทุนในหุ้นเช่นกัน

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่จะเป็นสัญญาณชี้วัดถึง แนวโน้มการปรับตัวของราคาทองคำ อย่างแรกหนีไม่พ้น อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีผลในระยะยาว ต่อมาคือ ค่าเงิน ซึ่งขณะนี้จะเห็นได้ว่าดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงมีผลต่อ ราคาทองคำมาก ขณะเดียวกันตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การจ้างงาน ตัวเลขกำลังการผลิต อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศก็มีความสำคัญ รวมถึงความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทด้วย

ขณะที่ข้อมูลปริมาณการถือทองคำของกองทุน SPDR GOLD TRUST ก็มีผลต่อราคาทองเช่นกัน แต่จะเป็นไปในรูปแบบระยะยาว หรือเมื่อกองทุนมีการเทขายทองคำออกมาหรือซื้อเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ การเปลี่ยนสัดส่วนการถือเงินดอลลาร์ของประเทศต่างๆ เป็นทองคำ ก็มีผลต่อราคาทอง เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเหมือนกัน ซึ่งผู้ที่สนใจลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ควรสอบถามข้อมูลจากบริษัท โบรกเกอร์ผู้ให้บริการก่อน และควรรับฟังหรือเข้า ร่วมการอบรมต่างๆ ที่มีการจัดขึ้น เพื่อเพิ่มพูนทักษะและข้อมูลก่อนเข้าลงทุนจริง แต่หากต้องการจะเข้ามาลงทุนในทันที ควรเริ่มเพียงแค่ 1 สัญญาน่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด...
กำลังโหลดความคิดเห็น