นายทุนอเมริกันคนดังก้องโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่สู้จะมีอะไรที่คล้ายคลึงได้กับนายใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน นาม หูจิ่นเทา แต่ปรากฏว่าบุคคลสำคัญของโลกคู่นี้ ต่างใช้ช่างเสื้อเจ้าเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ขณะที่โลกเราเคยมีเจ้าพ่อสูทสัญชาติอิตาเลียนอย่าง บริโอนี แต่เวลานี้พวกอภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจกลับติดอกติดใจหันมาใช้ชุดสูทยี่ห้อ "แทรนด์ส" (Trands) เมดอินไชน่า
สูทยี่ห้อ แทรนด์ส เป็นผลิตภัณฑ์ของค่ายต้าหยาง กรุ๊ป (Dayang Group) แห่งจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งก็คือบริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าที่ก่อตั้งโดยมาดามหลี่กุ้ยเหลียน (Li Guilian) สตรีเก่งวัย 63 ปีจากชนชั้นชาวนาในตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ผู้สามารถผงาดขึ้นสู่ฐานะโมกุลแห่งวงการแฟชั่นโลกได้ด้วยฝีมือล้วนๆ
อันที่จริงแล้ว ต้าหยาง กรุ๊ป ผงาดขึ้นเจิดจรัสในฟากฟ้าไฮโซโลกได้ด้วยคุณูปการจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานและซีอีโอแห่งเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ เพราะจอมขมังเวทย์แห่งวงการลงทุนโลกท่านนี้ ยอมเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่ผลิตภัณฑ์แทรนด์ส โดยปรากฏตัวในวิดีโอโปรโมตต้าหยางซึ่งโพสต์ในเว็บไซต์ของต้าหยาง กรุ๊ป ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้มีส่วนได้เสียในฐานะผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด หากเป็นไปด้วยความปลื้มในฝีมือตัดสูทโดยแท้
ในการปรากฏตัวดังกล่าว บัฟเฟตต์กล่าวสรรเสริญมาดามหลี่และบริษัทของเธอไว้มากมายประมาณว่าเอาคำนิยมทั้งปวงมากองซ้อนขึ้นไปก็จะกลายเป็นภูเขาเลากาก็ว่าได้
ผลจึงปรากฏว่าราคาหุ้นของบริษัทต้าเหลียน ต้าหยาง แทรนด์ส (Dalian Dayang Trands) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือต้าหยาง กรุ๊ป ที่จดทะเบียนอยู่กับตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ถึงกับพุ่งกระฉูดมากว่า 70% นับจากที่วิดีโอโปรโมตดังกล่าวได้รับการโพสต์เมื่อวันที่ 10 กันยายน
บัฟเฟตต์ให้สัมภาษณ์แก่วอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า สูทแทรนด์สเปลี่ยนภาพลักษ์ให้ตัวเขา
"ใส่สบายครับ และใครๆ ก็บอกว่าดูดีขึ้นมาก ผมต้องใช้เวลาตั้ง 78 ปี กว่าที่จะได้รับคำชมอย่างนี้" บัฟเฟตต์พูดไว้ประมาณนั้น พร้อมเผยว่าหลังจากที่มีสูทแทรนด์สแล้ว ได้เอาสูทเดิมๆ ที่มีอยู่ในตู้ไปบริจาค
ส่วนในวิดีโอเพื่อการโปรโมตเนื่องในโอกาสต้าหยาง กรุ๊ปฉลองครบรอบ 30 ปีนั้น บัฟเฟตต์บอกว่าแนะนำสูทเจ้านี้แก่เพื่อนในแวดวงธุรกิจ รวมทั้งเพื่อนอภิมหาเศรษฐีหลายหมื่นล้านผู้ก่อตั้งไมโคร ซอฟต์ คือ บิล เกตส์ ด้วย
ลูกค้าสำคัญอีกรายหนึ่งของแทรนด์ส คือประธานาธิบดีหูจิ่นเทา แต่บริษัทไม่สามารถเอาเรื่องนี้ไปใช้โปรโมตได้ เพราะติดขัดด้วยกฎหมายของประเทศจีน
นอกจากนั้น แทรนด์สยังมีลูกค้าไฮโซระดับโลกอีกหลากหลาย อาทิ วอลเตอร์ สกอตต์ จูเนียร์ ประธานเครือธุรกิจเลเวล 3 คอมมูนิเคชั่นส์ และโรนัลด์ โอลสัน แห่งสำนักงานทนายความมุงเกอร์ โทลเลส แอนด์ โอลสัน
ประทับใจสูท'แทรนด์ส'
แถมปลื้มมาดามบิ๊กบริษัท
นอกจากที่จะประทับใจในความใส่สบาย ดูดี ของสูทแทรนด์ส ซึ่งบัฟเฟตต์บอกว่าวัดตัวไปครั้งเดียว แล้วส่งของมาให้สวมได้แบบเป๊ะเป็นที่สุดแล้ว ตำนานผู้ประกอบการนักสู้ชีวิตของมาดามหลี่ยังเป็นที่จับใจของเจ้าพ่อบัฟเฟตต์อย่างแรงด้วย
มาดามหลี่เกิดและโตในครอบครัวชาวนา ภายในบ้านชั้นเดียวก่ออิฐเก่าคร่ำ ที่หลับหับนอนของเด็กหญิงคนนั้นคือพื้นบ้าน แบบว่าลืมตาตื่นก็เห็นพวกห่านที่เลี้ยงไว้ที่ลานหน้าบ้าน
ครั้นโตเป็นผู้ใหญ่ เธอเข้าร่วมกิจกรรมการเมืองของท้องถิ่น และมีความก้าวหน้าไม่ใช่น้อยๆ ได้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของกองการผลิตการเกษตรที่มีผู้คนราว 2,000 คน
ธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าที่พัฒนาสืบมาเป็น"ต้าหยาง กรุ๊ป"นั้น เริ่มขึ้นในปี 1979 ในฐานะของวิสาหกิจรวมหมู่ระดับตำบล (collective township enterprise) ด้วยทุนตั้งต้นที่เป็นเงินกู้จำนวน 30,000 หยวน หรือราว 150,000 บาท โดยจัดขึ้นเป็นสายการผลิตที่มีคนงานอยู่ 85 คน และจักรเย็บผ้าหลายสิบตัวซึ่งได้มาจากบรรดาเพื่อนบ้าน
ในช่วงเริ่มตั้งโรงงาน มีการผลิตเครื่องของใช้ในครัวเรือนพื้นๆ จำพวกผ้าปูโต๊ะ ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ แล้วจึงขยายงานสู่การตัดเย็บเสื้อตัวนอกให้แก่ผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นแบบธรรมดาพื้นฐานที่สุด จนกระทั่งค่อยๆ พัฒนาขึ้นเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มีความซับซ้อนประณีตมากขึ้น พร้อมกับบุกตลาดนานาชาติ มีการรุกเข้าไปเสนอผลงานและคว้าสัญญารับจ้างผลิตเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้แก่ลูกค้าในหลายๆ ประเทศ
เมื่อล่วงเข้าปี 1995 ต้าหยาง กรุ๊ปเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษในยี่ห้อของตนเองคือ แทรนด์ส ซึ่งกลายเป็นธุรกิจเรือธงของกลุ่ม เวลานี้ต้าหยาง กรุ๊ปกลายเป็นกิจการที่ใหญ่โตไม่ใช่น้อย มีการจ้างงานสูงถึง 15,000 ตำแหน่ง และผลิตเสื้อผ้า 10 ล้านชุดต่อปี
มิตรภาพระหว่างมาดามหลี่กับบัฟเฟตต์ แม้ดูสนิทสนมกันมาก ทว่าเริ่มต้นขึ้นมาด้วยความบังเอิญก็ว่าได้
เมื่อ 2 ปีก่อน บัฟเฟตต์เดินทางมายังเมืองต้าเหลียน ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของต้าหยาง กรุ๊ป เพื่อร่วมพิธีเปิดโรงงานใหม่ของ อิสคาร์ เมทัลเวิร์กกิ้ง อันเป็นกิจการหนึ่งที่เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ ของบัฟเฟตต์เพิ่งเทคโอเวอร์เข้ามาไม่นาน ปรากฏว่า เดวิด มาร์กาลิต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดระดับโลกของต้าหยาง มีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นผู้บริหารของอิสคาร์ ดังนั้น มาร์กาลิตจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะชักชวนให้บัฟเฟตต์ยอมวัดตัวตัดสูทกับแทรนด์สเสียเลย
บัฟเฟตต์เล่าเอาไว้ว่า "ห้านาทีหลังจากผมเข้าห้องที่โรงแรม คนพวกนี้ก็บุกเข้ามาในห้อง และก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว ก็มีพวกเขาสองคนกำลังเอาสายวัดมาวัดรอบๆ ต้นขาของผม มันดูเหมือนกับละเมิดความเป็นส่วนตัวของผมอยู่หน่อยๆ" เขาว่า "แต่เมื่อพวกเขาส่งสูทที่ตัดเสร็จแล้วมาให้ ผมก็ไม่เคยต้องแก้แม้แต่สักครึ่งกระเบียด (ประมาณครึ่งเซนติเมตร)"
อภิมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับสองของโลกผู้นี้จึงยอมรับมาดามหลี่และสูทของเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ เขายังได้เชิญเธอไปร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ ที่สำนักงานใหญ่บริษัทในเมืองโอมาฮา มลรัฐเนแบรสกา
มาดามหลี่นั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และชอบที่จะบีบแขนหรือมือของใครก็ตามที่จะยืนอยู่ใกล้ๆ เธอบอกว่าไม่คิดว่าจะได้รับไมตรีจิตอันอบอุ่นเช่นนี้จากบัฟเฟตต์ ซึ่งเธอเรียกว่าเขาว่าเป็น "เพื่อนใหม่"
ถึงแม้ดำเนินกิจการมา 14 ปีแล้ว แต่แบรนด์ "แทรนด์ส" ก็ไม่ใช่แบรนด์ดังในจีน อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ก่อนที่บัฟเฟตต์จะเริ่มช่วยโปรโมตให้ หน้าร้าน 20 ร้านของแทรนด์สในจีน ตั้งอยู่ตามเมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งถือเป็นเมืองชั้นสอง เป็นต้นว่า ต้าเหลียน, เสิ่นหยาง, และไท่หยวน ส่วนสูทที่ขายก็มีสนนราคาค่อนข้างแพงสำหรับมาตรฐานเมืองจีน คือ เริ่มต้นที่ 6,000 หยวน (ประมาณ 30,000 บาท) ส่วนรุ่นที่อลังการสุดๆ ใช้วัสดุผ้าแคชเมียร์ อยู่ที่ 20,000 หยวน (ประมาณ 100,000 บาท)
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ใครๆ ที่ต้องการใส่สูทชั้นดี ก็ต้องรู้จัก "แทรนด์ส" แล้ว
ในงาน China International Garment & Textile Fair ครั้งที่ 20 วิดีโอโปรโมชั่นจะฉายภาพวอร์เรน บัฟเฟตต์พูดว่า "ผมมีสูท 9 ชุด ตัดจากจีน ส่วนสูทชุดอื่นๆ นั้น ผมทิ้งไปหมดแล้ว" ซึ่งจะเวียนฉายเวียนพูดซ้ำๆ ทุกๆ 3-4 นาที หรือประมาณนั้น