โดย....ชำนาญ พิเชษฐพันธ์
chamnanktp@hotmail.com
ผมไม่รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับคนในพรรคประชาธิปัตย์จะรู้หรือไม่ว่า คนที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่แค่ไม่โกง พูดเก่ง ขยันทำงาน แล้วก็รักลูกรักเมียเท่านั้น เพราะถ้าเอาคนไม่โกงมาเป็นคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีแล้วละก้อ นักบวชทุกศาสนาคงเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทั้งหมด
คนเก็บขยะทำงานตั้งแต่เช้าจนดึกทุกวัน เขาก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าคนขยันเป็นคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี
ผมมั่นใจว่าคนที่พูด ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เก่งกว่าคุณอภิสิทธิ์ มีเยอะมาก ถ้าจะเอาคนพูดเก่งเป็นนายกฯ คนอื่นเหมาะกว่าคุณอภิสิทธิ์มีไม่น้อย
ความสามารถในการบริหารกิจการบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่างหาก ที่คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมี แล้วผมก็เชื่อว่าคนอย่างคุณอภิสิทธิ์ต้องรู้หรือไม่ก็ควรต้องรู้
คุณอภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีพิเศษ เพราะเลือกตั้งมาแพ้เขา เขาตั้งรัฐบาลได้นายกรัฐมนตรีกันมาแล้ว 2 คน ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด พวกของเขาหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์พร้อมเงื่อนไขที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ขาวสะอาด หรือที่ไม่น่าจะเชื่อว่าเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่มากนัก หรือที่เชื่อกันว่ามีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง เช่น โครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน คุณอภิสิทธิ์คนมือสะอาด ยังอุตส่าห์ไปรับเงื่อนไขของเขามา เพราะอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ความขาวสะอาดของคุณอภิสิทธิ์ก็เลยหมองมัวไป คนที่ไม่เคยคิดทุจริต ก็เลยต้องไปร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนทุจริต
ตอนที่คุณอภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์คงดีใจมาก เพราะตำแหน่งสุดใฝ่ฝันนี้มาไวเกินคาด เลยลืมมองไปรอบๆ ว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยยอมรับคุณอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีเพราะเขาไม่มีทางเลือก ไม่มีคนอื่นจริงๆ ที่เขาจะยอมรับได้ มองไปรอบๆ ตัวแล้ว ล้วนเป็นลูกน้องของคนนั้นคนนี้ ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยมากมาย บางคนคิดแปลกๆ เช่น เอาคนไปตีกันที่พัทยา เป็นต้น
แต่ก็เอาเถอะ เมื่อได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ถือว่าได้โอกาสทำประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย แล้วก็ได้โอกาสแสดงฝีมือ โอกาสที่คุณอภิสิทธิ์ได้รับนี้ คุณอภิสิทธิ์รู้ด้วยว่าการแสดงฝีมือคราวนี้มีข้อจำกัด ต้องตามใจเขา เพราะถ้าไม่มีเขา ก็ไม่มีเราในวันนี้ ฟังดูแล้วเหมือนกับบอกว่า ‘ถ้าไม่มีคนไม่ดีค้ำ คนดีจะไม่ได้เป็นนายกฯ’ เลยทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่า บางทีความดีก็ต้องอาศัยความชั่วเพื่อให้ได้โอกาสทำงานเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการทำความดีไม่เคยต้องอาศัยความไม่ดีเป็นเครื่องมือ
ข้อจำกัดในการแสดงฝีมือของคุณอภิสิทธิ์ ทำให้คุณอภิสิทธิ์ต้องเข้าไปร่วมทำในสิ่งที่ประชาชนสงสัยว่าไม่ขาวสะอาด อย่างเช่นโครงการเช่ารถเมล์ เขาคนนั้น คนที่ทำให้คุณอภิสิทธิ์มีวันนี้ ผลักดันโครงการนี้มาตั้งแต่สมัยที่คุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี พอมาถึงสมัยคุณสมชาย เขาก็ผลักดัน พอประชาธิปัตย์ไปชวนเขามาร่วมรัฐบาลด้วย เขาก็ยืนยันที่จะทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ถ้าไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะผลักดันกันถึงขั้นแตกหัก เพราะงานอื่นที่ดีที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองยังมีอีกมาก ทำไมต้องมาจ้องอยู่กับโครงการนี้แบบเอาหัวชนฝา ซึ่งในที่สุด คุณอภิสิทธิ์ก็ให้เขาทำ
ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ต้องหาเวลาว่างๆ ไปนั่งทบทวนการทำงานของคุณอภิสิทธิ์ ว่าในฐานะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลนั้น คุณอภิสิทธิ์ได้ทำให้เกิดผลดี หรือความเสียหายต่อประเทศชาติ มากน้อยแค่ไหน
ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์เก่งพอที่จะรู้ว่างานที่คุณอภิสิทธิ์ทำเหมือนกับเครื่องจักร จนไม่มีเวลาที่จะพักผ่อนนั้น วัดเป็นผลสำเร็จไม่ได้หรอก เพราะงานที่ไม่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ เช่น การบรรยายในที่ต่างๆ หรือการเป็นประธานในที่ประชุมที่ไม่มีความสำคัญนั้น มันเป็นเพียงการทำให้คุณอภิสิทธิ์ต้องทำงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
งานสำคัญๆ อย่างปัญหาทางภาคใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องการศึกษา ปัญหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหายาเสพติด ฯลฯ คุณอภิสิทธิ์แทบจะไม่ได้ให้ความสนใจเลย ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขให้ได้ผลอย่างจริงๆ จังๆ แต่อย่างใด
หนักไปกว่านั้นอีก ก็ตรงที่งานบางอย่างที่สำคัญๆ ที่คุณอภิสิทธิ์ทำ มีแต่ความล้มเหลว เช่น การประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ล้มอย่างไม่เป็นท่า ผู้นำต่างประเทศหนีตายกันจ้าละหวั่น ความเสียหายต่อประเทศชาติมากมายเหลือคณานับ เสียหายชนิดที่คงไม่มีทางแก้ไขได้ กรณีของความล้มเหลวที่พัทยานี้ คงจะไปอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับชื่อของคุณอภิสิทธิ์ชั่วกาลนาน กรณีนี้เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่ความสำเร็จของคุณอภิสิทธิ์
กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงไปบุกที่กระทรวงมหาดไทยก็เหมือนกัน คุณอภิสิทธิ์เองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด เลขาธิการนายกฯ ก็บาดเจ็บ คงถือว่าเป็นผลงานของคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้อีกเหมือนกัน และก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ ที่คงจารึกเป็นประวัติศาสตร์อีกกรณีหนึ่ง
แล้วก็เรื่องการตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอีกกรณีหนึ่ง ล้มเหลวจนกระทั่ง กรรมการหลายคนในคณะกรรมการต้องลาออก ในที่สุดคุณนิพนธ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออกตามไปด้วยอีกคน
ถ้าคุณอภิสิทธิ์จะได้ทบทวนผลงานของคุณอภิสิทธิ์ที่ผ่านมา ทบทวนอย่างลูกผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ แล้วจะเห็นว่าในฐานะผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาล ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกกรณี ว่าความเสี่ยงอยู่ที่ไหน ความเสียหายจะมีมากน้อยอย่างไร เมื่อบวกลบคูณหายแล้ว ต้องรู้ว่าจะจัดการกับความเสี่ยงนั้นอย่างไร มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าความเสียหายจะไม่เกิด หากไม่มีความมั่นใจ ต้องหาวิธีการดำเนินการอย่างอื่น เช่น การประชุมที่พัทยา ควรต้องบอกเลิกเสียก่อนที่ผู้นำบางประเทศที่อยู่ระหว่างการเดินทางมาประเทศไทย จะเดินทางมาถึง ท่านเหล่านั้นจะได้ไม่ต้องมาถึงประเทศไทยเพียงเพื่อจะหนีตายแต่เพียงอย่างเดียว
ซึ่งจะมีผลทำให้เหล่าพลพรรคเสื้อแดงไม่เดินทางมาที่พัทยาด้วย แล้วก็ไม่ต้องตีกัน
เรื่องนี้จะโทษใครคงไม่ได้ ต้องโทษตัวเองที่ไม่ประเมินความเสี่ยงและความเสียหาย แล้วไม่ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงความเสียหาย อย่างนักบริหารที่ฉลาดและมือถึง
กรณีการประชุมแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เหมือนกัน ควรต้องประเมินความเสี่ยงให้รอบคอบเสียก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีหน้าแตกแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เกิดข่าวลืออันไม่พึงประสงค์ ที่เสียหายชนิดที่ไม่มีทางแก้ไขให้กลับคืนดีดังเดิมได้อีก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทยจะได้มอบความไว้วางใจให้คุณอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินที่เกิดขึ้นใน 2-3 กรณีข้างต้น ก็มากพอที่จะต้องทบทวนตัวเองว่า สมควรจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นใหญ่หลวงนี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นความเสียหายที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่แท้
อีกไม่นาน คุณอภิสิทธิ์ก็คงต้องปล่อยให้เขาแก้รัฐธรรมนูญอีก คุณอภิสิทธิ์ประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแล้วหรือยัง กรณีนี้จะสร้างความแตกแยกให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าปัจจุบันหรือไม่ คนที่ไม่ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเขาจะอยู่เฉยๆ อย่างนั้นหรือ เขาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนคนบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก เขาจะยอมให้คุณอภิสิทธิ์สมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองอย่างนั้นหรือ คุณอภิสิทธิ์กำลังจะบอกคนที่ยอมให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เพราะไม่มีทางเลือกว่า อย่าได้เป็นพวกคุณอภิสิทธิ์เลย เป็นศัตรูของคุณอภิสิทธิ์ดีกว่า แล้วก็ยกพวกไปตีกับคนที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญดีกว่า อย่างนั้นหรือ
คุณอภิสิทธิ์เป็นคนดี เป็นคนรักลูกรักเมีย เห็นแก่หัวอกลูกหัวอกเมียบ้างหรือไม่ แต่ก่อนลูกเมียได้นั่งกินข้าวกับคุณอภิสิทธิ์ทุกวัน ตกเย็นก็ได้เห็นหน้าพ่อหน้าผัว มาตอนนี้ บางครั้งแม้แต่เงาของพ่อก็ไม่ได้เห็น ต้องนั่งกินข้าวโดยไม่มีพ่อ แถมคนทั่วไปก็ยังด่าพ่อด้วย บางคนถึงกับต้องการเอาชีวิตของพ่อ หัวอกของลูกของเมียจะเป็นอย่างไร ต้องคิดดูด้วย
ถ้าคิดดูแล้ว ทำงานได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ก็ขอความเข้าใจจากลูกจากเมียได้ แต่เมื่อผลงานก็ไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จอย่างนี้
ให้โอกาสคนอื่นดีไหมครับ ผมว่าคุณชวน หรือคนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์ มีศักยภาพที่ดีกว่าคุณอภิสิทธิ์ในการบริหารราชการแผ่นดินหลายคน ทำประโยชน์ให้แก่ประชาชาติสักครั้งเถอะครับ ให้คนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี ดีกว่า
chamnanktp@hotmail.com
ผมไม่รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับคนในพรรคประชาธิปัตย์จะรู้หรือไม่ว่า คนที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่แค่ไม่โกง พูดเก่ง ขยันทำงาน แล้วก็รักลูกรักเมียเท่านั้น เพราะถ้าเอาคนไม่โกงมาเป็นคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีแล้วละก้อ นักบวชทุกศาสนาคงเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทั้งหมด
คนเก็บขยะทำงานตั้งแต่เช้าจนดึกทุกวัน เขาก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าคนขยันเป็นคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี
ผมมั่นใจว่าคนที่พูด ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เก่งกว่าคุณอภิสิทธิ์ มีเยอะมาก ถ้าจะเอาคนพูดเก่งเป็นนายกฯ คนอื่นเหมาะกว่าคุณอภิสิทธิ์มีไม่น้อย
ความสามารถในการบริหารกิจการบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่างหาก ที่คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมี แล้วผมก็เชื่อว่าคนอย่างคุณอภิสิทธิ์ต้องรู้หรือไม่ก็ควรต้องรู้
คุณอภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีพิเศษ เพราะเลือกตั้งมาแพ้เขา เขาตั้งรัฐบาลได้นายกรัฐมนตรีกันมาแล้ว 2 คน ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด พวกของเขาหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์พร้อมเงื่อนไขที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ขาวสะอาด หรือที่ไม่น่าจะเชื่อว่าเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่มากนัก หรือที่เชื่อกันว่ามีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง เช่น โครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน คุณอภิสิทธิ์คนมือสะอาด ยังอุตส่าห์ไปรับเงื่อนไขของเขามา เพราะอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ความขาวสะอาดของคุณอภิสิทธิ์ก็เลยหมองมัวไป คนที่ไม่เคยคิดทุจริต ก็เลยต้องไปร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนทุจริต
ตอนที่คุณอภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์คงดีใจมาก เพราะตำแหน่งสุดใฝ่ฝันนี้มาไวเกินคาด เลยลืมมองไปรอบๆ ว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยยอมรับคุณอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีเพราะเขาไม่มีทางเลือก ไม่มีคนอื่นจริงๆ ที่เขาจะยอมรับได้ มองไปรอบๆ ตัวแล้ว ล้วนเป็นลูกน้องของคนนั้นคนนี้ ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยมากมาย บางคนคิดแปลกๆ เช่น เอาคนไปตีกันที่พัทยา เป็นต้น
แต่ก็เอาเถอะ เมื่อได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ถือว่าได้โอกาสทำประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย แล้วก็ได้โอกาสแสดงฝีมือ โอกาสที่คุณอภิสิทธิ์ได้รับนี้ คุณอภิสิทธิ์รู้ด้วยว่าการแสดงฝีมือคราวนี้มีข้อจำกัด ต้องตามใจเขา เพราะถ้าไม่มีเขา ก็ไม่มีเราในวันนี้ ฟังดูแล้วเหมือนกับบอกว่า ‘ถ้าไม่มีคนไม่ดีค้ำ คนดีจะไม่ได้เป็นนายกฯ’ เลยทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่า บางทีความดีก็ต้องอาศัยความชั่วเพื่อให้ได้โอกาสทำงานเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการทำความดีไม่เคยต้องอาศัยความไม่ดีเป็นเครื่องมือ
ข้อจำกัดในการแสดงฝีมือของคุณอภิสิทธิ์ ทำให้คุณอภิสิทธิ์ต้องเข้าไปร่วมทำในสิ่งที่ประชาชนสงสัยว่าไม่ขาวสะอาด อย่างเช่นโครงการเช่ารถเมล์ เขาคนนั้น คนที่ทำให้คุณอภิสิทธิ์มีวันนี้ ผลักดันโครงการนี้มาตั้งแต่สมัยที่คุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี พอมาถึงสมัยคุณสมชาย เขาก็ผลักดัน พอประชาธิปัตย์ไปชวนเขามาร่วมรัฐบาลด้วย เขาก็ยืนยันที่จะทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ถ้าไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะผลักดันกันถึงขั้นแตกหัก เพราะงานอื่นที่ดีที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองยังมีอีกมาก ทำไมต้องมาจ้องอยู่กับโครงการนี้แบบเอาหัวชนฝา ซึ่งในที่สุด คุณอภิสิทธิ์ก็ให้เขาทำ
ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ต้องหาเวลาว่างๆ ไปนั่งทบทวนการทำงานของคุณอภิสิทธิ์ ว่าในฐานะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลนั้น คุณอภิสิทธิ์ได้ทำให้เกิดผลดี หรือความเสียหายต่อประเทศชาติ มากน้อยแค่ไหน
ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์เก่งพอที่จะรู้ว่างานที่คุณอภิสิทธิ์ทำเหมือนกับเครื่องจักร จนไม่มีเวลาที่จะพักผ่อนนั้น วัดเป็นผลสำเร็จไม่ได้หรอก เพราะงานที่ไม่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ เช่น การบรรยายในที่ต่างๆ หรือการเป็นประธานในที่ประชุมที่ไม่มีความสำคัญนั้น มันเป็นเพียงการทำให้คุณอภิสิทธิ์ต้องทำงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
งานสำคัญๆ อย่างปัญหาทางภาคใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องการศึกษา ปัญหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหายาเสพติด ฯลฯ คุณอภิสิทธิ์แทบจะไม่ได้ให้ความสนใจเลย ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขให้ได้ผลอย่างจริงๆ จังๆ แต่อย่างใด
หนักไปกว่านั้นอีก ก็ตรงที่งานบางอย่างที่สำคัญๆ ที่คุณอภิสิทธิ์ทำ มีแต่ความล้มเหลว เช่น การประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ล้มอย่างไม่เป็นท่า ผู้นำต่างประเทศหนีตายกันจ้าละหวั่น ความเสียหายต่อประเทศชาติมากมายเหลือคณานับ เสียหายชนิดที่คงไม่มีทางแก้ไขได้ กรณีของความล้มเหลวที่พัทยานี้ คงจะไปอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับชื่อของคุณอภิสิทธิ์ชั่วกาลนาน กรณีนี้เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่ความสำเร็จของคุณอภิสิทธิ์
กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงไปบุกที่กระทรวงมหาดไทยก็เหมือนกัน คุณอภิสิทธิ์เองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด เลขาธิการนายกฯ ก็บาดเจ็บ คงถือว่าเป็นผลงานของคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้อีกเหมือนกัน และก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ ที่คงจารึกเป็นประวัติศาสตร์อีกกรณีหนึ่ง
แล้วก็เรื่องการตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอีกกรณีหนึ่ง ล้มเหลวจนกระทั่ง กรรมการหลายคนในคณะกรรมการต้องลาออก ในที่สุดคุณนิพนธ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออกตามไปด้วยอีกคน
ถ้าคุณอภิสิทธิ์จะได้ทบทวนผลงานของคุณอภิสิทธิ์ที่ผ่านมา ทบทวนอย่างลูกผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ แล้วจะเห็นว่าในฐานะผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาล ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกกรณี ว่าความเสี่ยงอยู่ที่ไหน ความเสียหายจะมีมากน้อยอย่างไร เมื่อบวกลบคูณหายแล้ว ต้องรู้ว่าจะจัดการกับความเสี่ยงนั้นอย่างไร มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าความเสียหายจะไม่เกิด หากไม่มีความมั่นใจ ต้องหาวิธีการดำเนินการอย่างอื่น เช่น การประชุมที่พัทยา ควรต้องบอกเลิกเสียก่อนที่ผู้นำบางประเทศที่อยู่ระหว่างการเดินทางมาประเทศไทย จะเดินทางมาถึง ท่านเหล่านั้นจะได้ไม่ต้องมาถึงประเทศไทยเพียงเพื่อจะหนีตายแต่เพียงอย่างเดียว
ซึ่งจะมีผลทำให้เหล่าพลพรรคเสื้อแดงไม่เดินทางมาที่พัทยาด้วย แล้วก็ไม่ต้องตีกัน
เรื่องนี้จะโทษใครคงไม่ได้ ต้องโทษตัวเองที่ไม่ประเมินความเสี่ยงและความเสียหาย แล้วไม่ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงความเสียหาย อย่างนักบริหารที่ฉลาดและมือถึง
กรณีการประชุมแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เหมือนกัน ควรต้องประเมินความเสี่ยงให้รอบคอบเสียก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีหน้าแตกแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เกิดข่าวลืออันไม่พึงประสงค์ ที่เสียหายชนิดที่ไม่มีทางแก้ไขให้กลับคืนดีดังเดิมได้อีก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทยจะได้มอบความไว้วางใจให้คุณอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินที่เกิดขึ้นใน 2-3 กรณีข้างต้น ก็มากพอที่จะต้องทบทวนตัวเองว่า สมควรจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นใหญ่หลวงนี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นความเสียหายที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่แท้
อีกไม่นาน คุณอภิสิทธิ์ก็คงต้องปล่อยให้เขาแก้รัฐธรรมนูญอีก คุณอภิสิทธิ์ประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแล้วหรือยัง กรณีนี้จะสร้างความแตกแยกให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าปัจจุบันหรือไม่ คนที่ไม่ยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเขาจะอยู่เฉยๆ อย่างนั้นหรือ เขาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนคนบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก เขาจะยอมให้คุณอภิสิทธิ์สมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองอย่างนั้นหรือ คุณอภิสิทธิ์กำลังจะบอกคนที่ยอมให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เพราะไม่มีทางเลือกว่า อย่าได้เป็นพวกคุณอภิสิทธิ์เลย เป็นศัตรูของคุณอภิสิทธิ์ดีกว่า แล้วก็ยกพวกไปตีกับคนที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญดีกว่า อย่างนั้นหรือ
คุณอภิสิทธิ์เป็นคนดี เป็นคนรักลูกรักเมีย เห็นแก่หัวอกลูกหัวอกเมียบ้างหรือไม่ แต่ก่อนลูกเมียได้นั่งกินข้าวกับคุณอภิสิทธิ์ทุกวัน ตกเย็นก็ได้เห็นหน้าพ่อหน้าผัว มาตอนนี้ บางครั้งแม้แต่เงาของพ่อก็ไม่ได้เห็น ต้องนั่งกินข้าวโดยไม่มีพ่อ แถมคนทั่วไปก็ยังด่าพ่อด้วย บางคนถึงกับต้องการเอาชีวิตของพ่อ หัวอกของลูกของเมียจะเป็นอย่างไร ต้องคิดดูด้วย
ถ้าคิดดูแล้ว ทำงานได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ก็ขอความเข้าใจจากลูกจากเมียได้ แต่เมื่อผลงานก็ไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จอย่างนี้
ให้โอกาสคนอื่นดีไหมครับ ผมว่าคุณชวน หรือคนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์ มีศักยภาพที่ดีกว่าคุณอภิสิทธิ์ในการบริหารราชการแผ่นดินหลายคน ทำประโยชน์ให้แก่ประชาชาติสักครั้งเถอะครับ ให้คนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี ดีกว่า