xs
xsm
sm
md
lg

ไร้เงาเลขาฯใหม่กบข.กำไรพลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – กบข.แจงผลการดำเนินงานล่าสุด 9 เดือนพลิกกำไรกว่า 2.4 หมื่นล้าน ได้อานิสงส์หุ้นขึ้นรับเศรษฐกิจฟื้น ขณะที่การสรรหาเลขาฯ กบข. ส่อยืดเยื้อ บอร์ดกบข.ตีกลับรายชื่อที่พีเอ บาลานซ์ เสนอมาก่อนหน้านี้ เหตุคุณสมบัติไม่ตรง สั่งสรรหารายใหม่อีก 2 คน ชงบอร์ดพิจารณาภายใน 30 วัน ย้ำคุณสมบัติ ห้ามมีหุ้นเด็ดขาด ยังมั่นใจปีนี้ได้เลขาฯ คนใหม่แน่

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่าถึงความคืบหน้าการสรรหาเลขาธิการ กบข. คนใหม่ว่า วานนี้ (8 ต.ค.) ได้ยื่นหนังสือให้บริษัท พีเอ บาลานซ์ ให้เสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมมาให้คัดเลือก 2 คนภายใน 30 วัน หลังจากรายชื่อที่เสนอมาก่อนหน้านี้ตกไป เนื่องจากคุณสมบัติไม่ตรงตามที่คณะกรรมกบข.กำหนด
ทั้งนี้ หลังจากเสนอชื่อมาแล้ว คณะกรรมการจะมีการพิจารณาเพื่อคัดเลือกอีกครั้ง โดยคุณสมบัติในเบื้องต้นที่ระบุเอาไว้ว่า คนที่จะเข้ามาเป็นเลขาธิการ กบข.คนใหม่ จะต้องไม่มีหุ้นเลย แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่กำหนดไปถึงบุคคลในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือลูก ว่าจะห้ามมีการถือหุ้นด้วยหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้จะมีการหารืออีกครั้ง โดยมั่นใจว่าภายในปีนี้จะได้เลขาธิการ กบข. คนใหม่อย่างแน่นอน
สำหรับผลการดำเนินงานของ กบข.ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา นายสถิตย์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนมกราคม - กันยายน 2552 ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.อยู่ที่ 7.80% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 24,742.74 ล้านบาท โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิส่วนของเงินสมาชิก (ไม่รวมเงินสำรอง) มีจำนวนทั้งสิ้น 348,150.55 ล้านบาท ในขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน ( ตุลาคม 51 - กันยายน 52 ) อยู่ที่ 7.30%
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 51 ที่ผ่านมาซึ่งติดลบ 5.17% หรือคิดเป็นเงิน 16,997 ล้านบาท กับผลตอบแทนในปี 52 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า กบข. สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์กลับมาในทิศทางที่ดีขึ้นโดยมีกำไรสูงถึง 24,742.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าผลการขาดทุนในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของ กบข.ในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านอย่างเห็นได้ชัด
นายสถิตย์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ผลตอบแทนปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ มาจากสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลกลางในหลายประเทศทั่วโลก ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินการคลังอย่างจริงจังและพร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้การค้าการลงทุนทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง และความเชื่อมั่นการบริโภค รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนก็เริ่มฟื้นตัว
ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติได้ย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 59.36 ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีแก่สมาชิก กบข.
**ปรับพอร์ตตราสารหนี้รับเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยขาขึ้น**
ด้านนางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. กล่าวว่า สัดส่วนการลงทุนปัจจุบันของ กบข. ณ วันที่ 30 ก.ย.52 ประกอบด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ไทยร้อยละ69.3 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ5.6 อสังหาริมทรัพย์ไทยร้อยละ4.1 การลงทุนทางเลือกร้อยละ3.5 ตราสารทุนไทยร้อยละ8.9 และตราสารทุนในต่างประเทศร้อยละ 8.6 ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์ที่ความมั่นคงสูงและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคง ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนั้น คาดว่าสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท จะไม่ต่างจากปัจจุบันมากนัก และหากไม่เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อการลงทุน ก็เชื่อว่าทั้งปีนี้ ผลตอบแทนของกบข. จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกบข. ในช่วงนี้ นางสาววริยากล่าวว่า การลงทุนในหุ้นเองยังคงต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ แต่ด้วยความผันผวนที่มีอยู่ ดังนั้น เราจึงมีทางเลือกให้สมาชิก สามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยง ในขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ ขณะนี้ได้ลดอายุเฉลี่ย (ดูเรชั่น) ของตราสารลงมาอยู่ที่ 2.6 ปี ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากเศรษฐกิจฟื้น โดยหลังจากนี้ คงต้องพิจารณาดูสภาพคล่องในระบบอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร ก่อนจะปรับดูเรชั่นให้เหมาะสมอีกครั้ง
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลยุทธ์การลงทุนของ กบข ยังคงต้องติดตามทิศทางตลาดเงินตลาดทุนต่อไปว่าจะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ พร้อมทั้งต้องติดตามถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับปัจจัยภายในประเทศเองก็ยังคงต้องติดตามปัจจัยทางด้านการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาลที่อาจกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย” นางสาววริยากล่าว
**ขอเวฟภาษีสมาชิกเกษียณคงเงินไว้**
นางสาววริยากล่าวว่า ในปีนี้จะมีสมาชิกเกษียณประมาณ 12,000 ราย ในขณะที่สมาชิกเกษียณก่อนกำหนด ในปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะมีเข้ามาประมาณ 24,000 ราย แต่ในขณะนี้มีการแจ้งความจำนงมาเพียง 2,000 รายเท่านั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของสมาชิกที่เกษียณอายุไปแล้วแต่ยังคงเงินไว้ในกองทุนเพื่อหาผลตอบแทนต่อ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพากร เพื่อให้ยกเว้นภาษีจากดอกผลที่เกิดขึ้นดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น