xs
xsm
sm
md
lg

ร่างประกันรถสาธารณะ “พฤฒิชัย” จี้คปภ. ล้อมคอกรถไฟตกราง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - รมช.พฤฒิชัย จี้คปภ. ร่างข้อบังคับ รถบริหารสาธารณะ ต้องทำประกันบุคคลที่ 3 ทุกประเภท หวั่นซ้ำรอยรถไฟตกรางที่เขาเต่า พร้อมกระตุ้นประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบปฏิบัติการไทยเข้มแข็งให้มีความโปร่งใสมากที่สุด

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลังเปิด เผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ตรวจสอบการทำประกันภัยบุคคลที่ 3 หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่ตำบลเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งพบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ไม่ได้มีการทำประกันภัยแต่อย่างใด แม้ว่าที่ผ่านมาเคยมีบริษัทเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับประกันอุบัติเหตุต่างๆ แต่ทาง รฟท. เห็นว่าการเดินทางด้วยรถไฟมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ

“หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้สั่งการกับ คปภ.ไปว่า รถบริการสาธารณะทุกประเภทควรจะทำประกันบุคคลที่ 3 เพื่อสิทธิประโยชน์ของประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีสถิติว่า เกิดอุบัติเหตุต่ำก็ตาม แต่ก็ควรจะทำ จึงให้คปภฒกลังไปดูเรื่องหลักเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ที่จะร่างออกมาเป็นข้อกำหนดต่อไป”นพ.พฤฒิชัยกล่าว

สำหรับกรณีผู้โดยสารที่เสียชีวิตทั้ง 7 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ให้สำนักงาน คปภ. ตรวจสอบจากฐานข้อมูล หากพบว่าผู้เสียชีวิตหรือผู้ได้รับบาดเจ็บรายใด มีการทำประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันการเดินทางไว้กับบริษัทใดบ้าง ให้สำนักงาน คปภ. เร่งรัดบริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประสบภัยโดยเร็ว ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยหรือทายาท สามารถติดต่อขอรับค่าสินไหมทดแทนได้จากบริษัทประกันภัย โดยรวบรวมเอกสารหลักฐานได้แก่ใบมรณบัตร สำเนาบันทึกประจำวัน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186

“ต้องการให้ประชาชนเล็งเห็นความสำคัญของการทำประกันภัย โดยหันมาทำประกันภัยมากขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าและรับมือกับภัยที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ซึ่งหากประชาชนมีการทำประกันภัยไว้ เมื่อเกิดอุบัติภัยขึ้นการประกันภัย จะสามารถช่วยเหลือบรรเทาความเสี่ยงภัย และความเดือดร้อนทางด้านการเงินได้ในระดับหนึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง”

นพ.พฤฒิชัยกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ระหว่างร่วมงานครบรอบ 119 ปี กรมบัญชีกลางว่า การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของโครงการต่างๆ ในปีงบประมาณ 2553 น่าจะทำได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ลดขั้นตอนการเบิกจ่ายให้เหลือเพียง 28 วัน จากที่ได้กำหนดไว้ 85 วัน รวมทั้งกำหนดระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้างให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ภายใต้หลักความโปร่งใส ทำให้ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เปิดประมูลด้วยระบบอี-ออกชั่น ในส่วนของโครงการถนนปลอดฝุ่น วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทแล้ว

ขณะที่โครงการของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งใช้งบประมาณเกือบ 90% จากทั้งหมด 200,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการประมูลโครงการออกสู่ระบบภายในปีงบประมาณนี้ไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งจะให้กรมบัญชีกลาง เร่งรัดติดตามดูแลการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความโปร่งใสที่สุด และต้องการให้ประชาชนช่วยกันติดตามความคืบหน้าการลงทุน และหากพบข้อสงสัยราคากลางไม่เป็นธรรม ให้แจ้งที่คลังจังหวัด หรือเว็บไซต์ www.tkk2555.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้โครงการต่างๆ เดินหน้าต่อไปด้วยความโปร่งใส
กำลังโหลดความคิดเห็น