กรุ๊ปเอสอีบี เปิดตัวซูพอร์ รุกตลาดเครื่องใช้ในครัวไทย หลังบริษัทแม่เทคโอเวอร์จากจีน มาแปลกเป็นสินค้าจากจีนแต่ช่างกล้าตั้งราคาขายสูงกว่าแบรนด์ญี่ปุ่น 15%
นายปิแอร์ ดีคิวบ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด – เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท กรุ๊ป เอสอีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนแบรนด์ มูลิเน็กซ์ ทีฟาล์ว ครุปส์ จากยุโรป และซูพอร์ จากจีน เปิดเผยว่า บริษัทแม่ในฝรั่งเศสได้เข้าเทคโอเวอร์แบรนด์ซูพอร์ จากบริษัท เจ้อเจีย ซูพอร์ ของประเทศจีน เมื่อต้นปี 2551 และได้พัฒนาเทคโนโลยีสินค้ามาตลอด
ล่าสุดได้ขยายตลาดแบรนด์ซูพอร์เข้ามาในเมืองไทยแล้ว จากปัจจุบันมีการทำตลาดประเทศต่างๆเช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้บริษัทฯชูเรื่องเทคโนโลยีเป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนก็ตาม แต่ก็ได้รับเทคโนโลยีจากฝรั่งเศสมาพัฒนาด้วย ขณะนี้นำเข้ามาจำหน่าย 3 ตัว คือ กระทะซูพอร์ ไดมอนด์เลดี้ ราคาเริ่มต้นที่ 2,390 บาท หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ซูพอร์อีลีแกนท์ ราคาเริ่มต้น 2,390 บาท 3.เตาแม่เหล็กไฟฟ้า อีลีแกนท์ ราคา 4,890 บาท
โดยบริษัทฯตั้งราคาจำหน่ายเฉลี่ยแพงกว่าแบรนด์จากญี่ปุ่นประมาณ 15% ในสินค้าระดับเดียวกัน เพราะเน้นเรื่องคุณสมบัติ รับประกันแผ่นความร้อนนาน 5 ปี และเป็นหม้อหุงข้าวที่เคลือบสารกันข้าวติดหม้อ เป็นต้น
กลยุทธ์การตลาด จะเน้นการสร้างแบรนด์อะแวร์เนสก่อนในช่วงแรก ด้วยการลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ และการทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนสินค้ามีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า และตัวแทนจำหน่ายทั่วไป
ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวซูพอร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วแต่ติดปัญหาบางประการจึงพึ่งมาเปิดตัวได้ในช่วงนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ดีก็ตาม เพราะไม่ต้องการให้ล่าช้าออกไปอีก แต่ในระยะยาวบริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพตลาดเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยที่เติบโตต่อเนื่อง
นายปิแอร์กล่าวด้วยว่า หลังจากที่แบรนด์ซูพอร์เข้าทำตลดาดในไทยแล้ว จะทำให้บริษัทฯมีรายได้เติบโต 15% โดยสัดส่วนรายได้จะมาจาก แบรนด์มูลิเน็กซ์ 35% แบรนด์ทีฟาล์ว 35% แบรนด์ครุปส์ 10% และซูพอร์ 20% ซึ่งหลังจากนี้เตรียมที่จะขยายไลน์สินค้าเครื่องใช้ในครัวของซูพอร์เข้ามาอีก ส่วน 3 แบรนด์เดิมนั้นก็จะทำตลาดต่อเนื่องด้วยการออกสินค้าใหม่
ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องใช้ในครัวเรือนมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท และสำหรับวัสดุประเภทอะลูมิเนียมฮาร์ดอะโนไดซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าของซูพอร์ในเซ็กเม้นท์กระทะ มีมูลค่าตลาดรวม 100 ล้านบาท ซึ่งซูพอร์คาดว่าจะสามารถทำส่วนแบ่งได้ 30% ขณะที่สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กมีมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งหม้อหุงข้าวเป็นสินค้าขายดีรองจากพัดลม โดยหม้อหุงข้าวมีส่วนแบ่ง 19% ซึ่งซูพอร์วางเป้าหมายมีส่วนแบ่ง 10% จากหม้อหุงข้าวโดยรวม
นายปิแอร์ ดีคิวบ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด – เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท กรุ๊ป เอสอีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนแบรนด์ มูลิเน็กซ์ ทีฟาล์ว ครุปส์ จากยุโรป และซูพอร์ จากจีน เปิดเผยว่า บริษัทแม่ในฝรั่งเศสได้เข้าเทคโอเวอร์แบรนด์ซูพอร์ จากบริษัท เจ้อเจีย ซูพอร์ ของประเทศจีน เมื่อต้นปี 2551 และได้พัฒนาเทคโนโลยีสินค้ามาตลอด
ล่าสุดได้ขยายตลาดแบรนด์ซูพอร์เข้ามาในเมืองไทยแล้ว จากปัจจุบันมีการทำตลาดประเทศต่างๆเช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้บริษัทฯชูเรื่องเทคโนโลยีเป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนก็ตาม แต่ก็ได้รับเทคโนโลยีจากฝรั่งเศสมาพัฒนาด้วย ขณะนี้นำเข้ามาจำหน่าย 3 ตัว คือ กระทะซูพอร์ ไดมอนด์เลดี้ ราคาเริ่มต้นที่ 2,390 บาท หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ซูพอร์อีลีแกนท์ ราคาเริ่มต้น 2,390 บาท 3.เตาแม่เหล็กไฟฟ้า อีลีแกนท์ ราคา 4,890 บาท
โดยบริษัทฯตั้งราคาจำหน่ายเฉลี่ยแพงกว่าแบรนด์จากญี่ปุ่นประมาณ 15% ในสินค้าระดับเดียวกัน เพราะเน้นเรื่องคุณสมบัติ รับประกันแผ่นความร้อนนาน 5 ปี และเป็นหม้อหุงข้าวที่เคลือบสารกันข้าวติดหม้อ เป็นต้น
กลยุทธ์การตลาด จะเน้นการสร้างแบรนด์อะแวร์เนสก่อนในช่วงแรก ด้วยการลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ และการทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนสินค้ามีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า และตัวแทนจำหน่ายทั่วไป
ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวซูพอร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วแต่ติดปัญหาบางประการจึงพึ่งมาเปิดตัวได้ในช่วงนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ดีก็ตาม เพราะไม่ต้องการให้ล่าช้าออกไปอีก แต่ในระยะยาวบริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพตลาดเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยที่เติบโตต่อเนื่อง
นายปิแอร์กล่าวด้วยว่า หลังจากที่แบรนด์ซูพอร์เข้าทำตลดาดในไทยแล้ว จะทำให้บริษัทฯมีรายได้เติบโต 15% โดยสัดส่วนรายได้จะมาจาก แบรนด์มูลิเน็กซ์ 35% แบรนด์ทีฟาล์ว 35% แบรนด์ครุปส์ 10% และซูพอร์ 20% ซึ่งหลังจากนี้เตรียมที่จะขยายไลน์สินค้าเครื่องใช้ในครัวของซูพอร์เข้ามาอีก ส่วน 3 แบรนด์เดิมนั้นก็จะทำตลาดต่อเนื่องด้วยการออกสินค้าใหม่
ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องใช้ในครัวเรือนมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท และสำหรับวัสดุประเภทอะลูมิเนียมฮาร์ดอะโนไดซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าของซูพอร์ในเซ็กเม้นท์กระทะ มีมูลค่าตลาดรวม 100 ล้านบาท ซึ่งซูพอร์คาดว่าจะสามารถทำส่วนแบ่งได้ 30% ขณะที่สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กมีมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งหม้อหุงข้าวเป็นสินค้าขายดีรองจากพัดลม โดยหม้อหุงข้าวมีส่วนแบ่ง 19% ซึ่งซูพอร์วางเป้าหมายมีส่วนแบ่ง 10% จากหม้อหุงข้าวโดยรวม