ASTVผู้จัดการรายวัน – ไอ.ซี.ซี.ฯ เสริมแกร่งกลุ่มเครื่องสำอาง ผุดแผนเปิดช่องทางจำหน่ายใหม่ หลังซุ่มเงียบทดลองได้ผลดี ชู 3 โมเดล “บลิส-โททอลบิวตี้-ฮิสแอนด์เฮอร์” ปูพรมรุกช่องทางดิสเคานท์สโตร์และย่านชุมชน เป้าปีหน้า 50 แห่ง
นางบุษบา มิ่งขวัญยืน รองผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางบีเอสซี คอสเมโตโลจี, อาร์ตี้โปรเฟสชันนอล, เพียวแคร์, ชีเน่, เซนต์แอนดรูว์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนาตาลีบายบีเอสซี เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในเครือทั้งหมดอย่างจริงจังโดยเฉพาะในทำเลคอมมูนิตี้มอล์และดิสเคานท์สโตร์ หลังจากที่ได้เริ่มทดลองมาระยะหนึ่งแล้วและได้รบผลตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะแผนการเปิดร้านแบบชอปอินชอปซึ่งมีทั้งหมด 3 แบรนด์คือ 1.ร้านบลิส (BLISS) จะจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางทุกแบรนด์ของเครือไอ.ซี.ซี. โดยเน้นจับกลุ่มเป้าหมายระดับบนและครอบครัว มีบริการที่ดี ปริมาณสินค้ามาก ทดลองเปิดร้านมาปีเศษแล้วที่ศูนย์การค้าดิเอสพละนาด รัชดาภิเษก 2.ร้านโททอลบิวตี้ (TOTAL BEAUTY) เป็นร้านที่จำหน่ายทุกแบรนด์เช่นเดียวกัน แต่จับกลุ่มระดับรองลงมา ปริมาณสินค้าน้อยกว่า ซึ่งเปิดไปแล้วที่พลัสโลตัสศรีนครินทร์ และ 3.ร้านฮิสแอนด์เฮอร์ ( HIS & HER) เป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าทั้งหมดที่ไอ.ซี.ซี.จำหน่าย รวมทั้งเรื่องสำอางด้วย เปิดไปหลายแห่งแล้ว เช่นที่ พลัสโลตัสศรีนครินทร์
แผนปีนี้วางเป้าหมายจะเปิดรวมกันทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 50 จุด ลงทุนเฉลี่ยแห่งละ 2 ล้านบาท เน้นเปิดตามคอมมูนิตี้มอลล์และย่านชุมชน นอกจากนั้นในส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์หรือสินค้าที่วางจำหน่ายในช่องทางดิสเคานท์สโตร์และห้างสรรพสินค้าก็ยังคงขยายอีกเช่นกัน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 400 กว่าจุด ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางเคานเตอร์ 88% และช่องทางดิสเคานท์สโตร์ 12% เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส วัตสัน เป็นต้น (ซึ่งสินค้าที่วางในดิสเคานท์สโตร์จะมีระดะบราคาเฉลี่ย 300-500 บาท เน้นสินค้าทั่วไป ) โดยสัดส่วนจุดขายอยู่ในกรุงเทพฯ 15% แต่อยู่ในต่างจังหวัด 85% ส่วนอนาคตจะมีสัดส่วนตามช่องทางชอปในคอมมูนิตี้มอลล์ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังน้อยมาก
นางบุษบากล่าวด้วยว่า สำหรับยอดขายรวมเครื่องสำอางแบรนด์บีเอสซีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต5% จากที้ตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 10% ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน โดยยังเติบโตมากกว่าตลาดรวมของเคาน์เตอร์เซลส์ที่โตเพียงแค่ 2% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้เครื่องสำอางเครือไอ.ซี.ซี.มีแชร์ในตลาดรวม 13% โดยตลาดต่างจังหวัดมีอัตราการเติบโตประมาณ 7% มากกว่าตลาดในกรุงเทพฯ และกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุดคือกลุ่มสกินแคร์ โดยสินค้าของบีเอสซีคอสเมโตโลจีมีประมาณ 1,000 เอสเคยู แบ่งเป็น เมคอัพ 70% สกินแคร์ 30% ราคาสินค้าเฉลี่ยระดับกลางที่ 500 บาท รองรับได้ทุกกลุ่ม ขณะที่รายได้ส่วนหนึ่งก็ยังมาจากการทำตลาดต่างประเทศด้วย ขณะนี้มีการส่งบีเอสซีคอสเมโตโลจีไปที่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้แล้วเช่นที่ เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น
ส่วนการแข่งขันในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2552 นี้ นางบุษบาประเมินว่า จะมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นช่วงเทศกาล โดยแนวทางจะแข่งกันที่การจัดกี๊ฟท์เซ็ท และการออกสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชั่น ซึ่งในส่วนของบีเอสซีเองก็มีทำเช่นกัน ล่าสุดออกสินค้าใหม่คือ บีเอสซีมิราเคิลบิวตี้ โซลูชั่น ครีมบำรุงผิวเข้มข้น โดยมีพรีเซ็นเตอร์ใหม่คือ “ชุติมา ดุรงค์เดช” มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแพคเกจจิ้งตกแต่งด้วยสวารอฟสกี้จากออสเตรีย เป็นครั้งแรก การใช้งบโฆษณาสูงขึ้น 50%
นอกจากนั้นยังมีแผนในการสร้างสมาชิกใหม่ผ่านสมาชิกของ ฮิสแอนด์เฮอร์ที่มีฐานลูกค้ากว่า 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งปัจจุบันบีเอสซีคอสเมโตโลจีมีสมาชิกเป็นอันดับ 1 ของบริษัทคือ 200,000 กว่ารายชื่อ การจัดเครื่องเช็คผิวบริการลูกค้ากว่า 30 จุด และจุดบริการนวดหน้ากว่า 150 จุด
นางบุษบา มิ่งขวัญยืน รองผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางบีเอสซี คอสเมโตโลจี, อาร์ตี้โปรเฟสชันนอล, เพียวแคร์, ชีเน่, เซนต์แอนดรูว์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนาตาลีบายบีเอสซี เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในเครือทั้งหมดอย่างจริงจังโดยเฉพาะในทำเลคอมมูนิตี้มอล์และดิสเคานท์สโตร์ หลังจากที่ได้เริ่มทดลองมาระยะหนึ่งแล้วและได้รบผลตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะแผนการเปิดร้านแบบชอปอินชอปซึ่งมีทั้งหมด 3 แบรนด์คือ 1.ร้านบลิส (BLISS) จะจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางทุกแบรนด์ของเครือไอ.ซี.ซี. โดยเน้นจับกลุ่มเป้าหมายระดับบนและครอบครัว มีบริการที่ดี ปริมาณสินค้ามาก ทดลองเปิดร้านมาปีเศษแล้วที่ศูนย์การค้าดิเอสพละนาด รัชดาภิเษก 2.ร้านโททอลบิวตี้ (TOTAL BEAUTY) เป็นร้านที่จำหน่ายทุกแบรนด์เช่นเดียวกัน แต่จับกลุ่มระดับรองลงมา ปริมาณสินค้าน้อยกว่า ซึ่งเปิดไปแล้วที่พลัสโลตัสศรีนครินทร์ และ 3.ร้านฮิสแอนด์เฮอร์ ( HIS & HER) เป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าทั้งหมดที่ไอ.ซี.ซี.จำหน่าย รวมทั้งเรื่องสำอางด้วย เปิดไปหลายแห่งแล้ว เช่นที่ พลัสโลตัสศรีนครินทร์
แผนปีนี้วางเป้าหมายจะเปิดรวมกันทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 50 จุด ลงทุนเฉลี่ยแห่งละ 2 ล้านบาท เน้นเปิดตามคอมมูนิตี้มอลล์และย่านชุมชน นอกจากนั้นในส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์หรือสินค้าที่วางจำหน่ายในช่องทางดิสเคานท์สโตร์และห้างสรรพสินค้าก็ยังคงขยายอีกเช่นกัน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 400 กว่าจุด ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางเคานเตอร์ 88% และช่องทางดิสเคานท์สโตร์ 12% เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส วัตสัน เป็นต้น (ซึ่งสินค้าที่วางในดิสเคานท์สโตร์จะมีระดะบราคาเฉลี่ย 300-500 บาท เน้นสินค้าทั่วไป ) โดยสัดส่วนจุดขายอยู่ในกรุงเทพฯ 15% แต่อยู่ในต่างจังหวัด 85% ส่วนอนาคตจะมีสัดส่วนตามช่องทางชอปในคอมมูนิตี้มอลล์ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังน้อยมาก
นางบุษบากล่าวด้วยว่า สำหรับยอดขายรวมเครื่องสำอางแบรนด์บีเอสซีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต5% จากที้ตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 10% ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน โดยยังเติบโตมากกว่าตลาดรวมของเคาน์เตอร์เซลส์ที่โตเพียงแค่ 2% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้เครื่องสำอางเครือไอ.ซี.ซี.มีแชร์ในตลาดรวม 13% โดยตลาดต่างจังหวัดมีอัตราการเติบโตประมาณ 7% มากกว่าตลาดในกรุงเทพฯ และกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุดคือกลุ่มสกินแคร์ โดยสินค้าของบีเอสซีคอสเมโตโลจีมีประมาณ 1,000 เอสเคยู แบ่งเป็น เมคอัพ 70% สกินแคร์ 30% ราคาสินค้าเฉลี่ยระดับกลางที่ 500 บาท รองรับได้ทุกกลุ่ม ขณะที่รายได้ส่วนหนึ่งก็ยังมาจากการทำตลาดต่างประเทศด้วย ขณะนี้มีการส่งบีเอสซีคอสเมโตโลจีไปที่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้แล้วเช่นที่ เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น
ส่วนการแข่งขันในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2552 นี้ นางบุษบาประเมินว่า จะมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นช่วงเทศกาล โดยแนวทางจะแข่งกันที่การจัดกี๊ฟท์เซ็ท และการออกสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชั่น ซึ่งในส่วนของบีเอสซีเองก็มีทำเช่นกัน ล่าสุดออกสินค้าใหม่คือ บีเอสซีมิราเคิลบิวตี้ โซลูชั่น ครีมบำรุงผิวเข้มข้น โดยมีพรีเซ็นเตอร์ใหม่คือ “ชุติมา ดุรงค์เดช” มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแพคเกจจิ้งตกแต่งด้วยสวารอฟสกี้จากออสเตรีย เป็นครั้งแรก การใช้งบโฆษณาสูงขึ้น 50%
นอกจากนั้นยังมีแผนในการสร้างสมาชิกใหม่ผ่านสมาชิกของ ฮิสแอนด์เฮอร์ที่มีฐานลูกค้ากว่า 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งปัจจุบันบีเอสซีคอสเมโตโลจีมีสมาชิกเป็นอันดับ 1 ของบริษัทคือ 200,000 กว่ารายชื่อ การจัดเครื่องเช็คผิวบริการลูกค้ากว่า 30 จุด และจุดบริการนวดหน้ากว่า 150 จุด