ASTVผู้จัดการรายวัน- สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น คณะแพทย์ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป ขณะที่พสกนิกรชาวไทยยังคงเดินทางไปลงนามถวายพระพรเป็นจำนวนมาก
วานนี้(27 ก.ย.) สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 8 ความว่าคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปดี เสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป และถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ในนาม @PM_Abhisit ว่า "ขอเชิญร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ที่http://king.ilovethailand.org " ซึ่งพสกนิกรชาวไทยสามารถลงนามถวายพระพรได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจร่วมถวายพระพรทั้งเป็นหมู่คณะ ครอบครัว และบุคคลจำนวนมากในเว็บไซด์ดังกล่าวนี้
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายพระพรที่ศาลาศิริราช 100 ปีในช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนมารอลงนามถวายพระพร ตั้งแต่ก่อนเวลา 08.00 น. ที่เริ่มเปิดให้ลงนามถวายพระพร เนื่องจากเป็นวันหยุด ทำให้ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว นอกจากนั้นยังมีชาวต่างชาติ รวมทั้งแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชมาร่วมลงนามด้วย ส่วนที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ยังมีประชาชนเดินทางมาลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน
ส่วนช่วงบ่าย บรรยากาศการลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนทุกเพศทุกวัยเดินทางมาลงนามถวายพระพรอย่างไม่ขาดสาย และค่อนข้างหนาตากว่าช่วงเช้า โดยในช่วงเที่ยงด.ช.พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ หรือ น้องเดียว เด็กอัจฉริยะแชมป์รายการเกมส์ทศกัณฐ์ พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ และน้องสาว ได้มาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น้องเดียว กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ต้องการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่ออยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยทุกคนตลอดไป
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร และเฝ้าติดตามพระอาการในวันนี้ หลังจากทราบแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 7 ว่า พระอาการประชวรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดีขึ้น และพระวรกายแข็งแรงขึ้น ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกคลายความห่วงใย และความกังวลไปได้บ้าง แต่จะเฝ้าติดตามพระอาการประชวรต่อไปจนกว่าจะหายเป็นปกติ
วานนี้(27 ก.ย.) สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 8 ความว่าคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปดี เสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อไป และถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ในนาม @PM_Abhisit ว่า "ขอเชิญร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ที่http://king.ilovethailand.org " ซึ่งพสกนิกรชาวไทยสามารถลงนามถวายพระพรได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจร่วมถวายพระพรทั้งเป็นหมู่คณะ ครอบครัว และบุคคลจำนวนมากในเว็บไซด์ดังกล่าวนี้
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายพระพรที่ศาลาศิริราช 100 ปีในช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนมารอลงนามถวายพระพร ตั้งแต่ก่อนเวลา 08.00 น. ที่เริ่มเปิดให้ลงนามถวายพระพร เนื่องจากเป็นวันหยุด ทำให้ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว นอกจากนั้นยังมีชาวต่างชาติ รวมทั้งแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชมาร่วมลงนามด้วย ส่วนที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ยังมีประชาชนเดินทางมาลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กันอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน
ส่วนช่วงบ่าย บรรยากาศการลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนทุกเพศทุกวัยเดินทางมาลงนามถวายพระพรอย่างไม่ขาดสาย และค่อนข้างหนาตากว่าช่วงเช้า โดยในช่วงเที่ยงด.ช.พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ หรือ น้องเดียว เด็กอัจฉริยะแชมป์รายการเกมส์ทศกัณฐ์ พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ และน้องสาว ได้มาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น้องเดียว กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ต้องการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่ออยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยทุกคนตลอดไป
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร และเฝ้าติดตามพระอาการในวันนี้ หลังจากทราบแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 7 ว่า พระอาการประชวรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดีขึ้น และพระวรกายแข็งแรงขึ้น ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกคลายความห่วงใย และความกังวลไปได้บ้าง แต่จะเฝ้าติดตามพระอาการประชวรต่อไปจนกว่าจะหายเป็นปกติ