นักท่องเที่ยวถนนข้าวสารปีนี้ไม่คึก ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลกและการเมืองในประเทศไทยฉุดอัตราเข้าพักเกสท์เฮ้าส์หดเหลือ 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 70% แถมผู้ที่มาแล้วก็ยังประหยัดการใช้จ่าย
นายสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ฤดูท่องเที่ยวปีนี้(ไฮซีซั่น)ช่วงเดือน พ.ย.52-มี.ค.53 สถานการณ์นักท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสารไม่น่าจะคึกคักเท่ากับทุกๆปีที่ผ่านมา โดยอัตราเข้าพักตามเกสท์เฮ้าส์เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะประมาณ 80-90%
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวมีจำนวนลดลงมาก ขณะที่กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบราคาประหยัด(แบ็คแพ็คเกอร์) ก็มีการใช้จ่ายที่ลดลง ใช้จ่ายอย่างประหยัด
“ตอนนี้นักท่องเที่ยวที่มาพักย่านถนนข้าวสาร จะเน้นหาที่พักราคาย่อมเยา รับประทานอาหารราคาไม่แพง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จึงไม่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้ค้าในถนนข้าวสารมากนัก”
สำหรับสาเหตุที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาน้อยในปีนี้ มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจโลก ความไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย และล่าสุดคือการเผยแพร่ภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวประเทศไทยในเชิงลบ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่มั่นใจที่จะเดินทางมาประเทศไทย สำหรับถนนข้าวสารยอมรับว่าปีนี้นักท่องเที่ยวเงียบเหงามาก ปกติช่วงเดือน ก.ย.จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70-80% แต่ปีนี้ เหลือเพียง 50% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวแต่ไม่ได้พักค้างคืนที่ถนนข้าวสาร จากการสอบถามจากผู้ค้า เช่น ร้านขายของที่ระลึก บริการนวด สปา ร้านอาหาร พบว่า ทุกแห่งนักท่องเที่ยวเบาบางลงมาก
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีองค์กรจากต่างประสานขอความร่วมมือสมาคมฯ ให้ช่วยดูแลปัญหาการใช้แรงงานเด็ก การใช้เด็กเร่ขอทาน หรือขายบริการทางเพศ เพราะเขาเชื่อว่า มีกระบวนการหรือกลุ่มคนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทางสมาคมฯก็ขอความร่วมมือจากผู้ค้าในถนนข้าวสาร พร้อมแจกใบปลิวไปยังเกสท์เฮ้าส์กว่า 500 แห่งย่านถนนข้าวสาร ขอความร่วมมือช่วยสอดส่องดูแล หากพบพฤติกรรมน่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม หรือสำนักงานเขตในแต่ละพื้นที่ทันที โดยแจ้งแก่ผู้ค้าทุกรายว่า ต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อการค้าย่านถนนข้าวสาร ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง
นายสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ฤดูท่องเที่ยวปีนี้(ไฮซีซั่น)ช่วงเดือน พ.ย.52-มี.ค.53 สถานการณ์นักท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสารไม่น่าจะคึกคักเท่ากับทุกๆปีที่ผ่านมา โดยอัตราเข้าพักตามเกสท์เฮ้าส์เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะประมาณ 80-90%
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวมีจำนวนลดลงมาก ขณะที่กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบราคาประหยัด(แบ็คแพ็คเกอร์) ก็มีการใช้จ่ายที่ลดลง ใช้จ่ายอย่างประหยัด
“ตอนนี้นักท่องเที่ยวที่มาพักย่านถนนข้าวสาร จะเน้นหาที่พักราคาย่อมเยา รับประทานอาหารราคาไม่แพง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จึงไม่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้ค้าในถนนข้าวสารมากนัก”
สำหรับสาเหตุที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาน้อยในปีนี้ มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจโลก ความไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย และล่าสุดคือการเผยแพร่ภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวประเทศไทยในเชิงลบ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่มั่นใจที่จะเดินทางมาประเทศไทย สำหรับถนนข้าวสารยอมรับว่าปีนี้นักท่องเที่ยวเงียบเหงามาก ปกติช่วงเดือน ก.ย.จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70-80% แต่ปีนี้ เหลือเพียง 50% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวแต่ไม่ได้พักค้างคืนที่ถนนข้าวสาร จากการสอบถามจากผู้ค้า เช่น ร้านขายของที่ระลึก บริการนวด สปา ร้านอาหาร พบว่า ทุกแห่งนักท่องเที่ยวเบาบางลงมาก
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีองค์กรจากต่างประสานขอความร่วมมือสมาคมฯ ให้ช่วยดูแลปัญหาการใช้แรงงานเด็ก การใช้เด็กเร่ขอทาน หรือขายบริการทางเพศ เพราะเขาเชื่อว่า มีกระบวนการหรือกลุ่มคนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทางสมาคมฯก็ขอความร่วมมือจากผู้ค้าในถนนข้าวสาร พร้อมแจกใบปลิวไปยังเกสท์เฮ้าส์กว่า 500 แห่งย่านถนนข้าวสาร ขอความร่วมมือช่วยสอดส่องดูแล หากพบพฤติกรรมน่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม หรือสำนักงานเขตในแต่ละพื้นที่ทันที โดยแจ้งแก่ผู้ค้าทุกรายว่า ต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อการค้าย่านถนนข้าวสาร ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง