ASTVผู้จัดการรายวัน - “นายกฯ” มั่นใจนโยบายแก้ปัญหา “ปราสาทพระวิหาร” บอกไม่รู้สึกกดดัน ตอก “เสื้อแดง” ปัญหาการก่อสร้างถนนเข้ามายังบริเวณไทย เกิดก่อนเข้ามาเป็นรัฐบาล วอน “แดง-เหลือง” หวังรักษาอธิปไตย เหมือนรัฐบาล อย่ามาขัดแย้งกันเอง “วีระ สมความคิด”พร้อมคุย “กษิต”ผ่านจอทั่วประเทศ แจงเหตุผลที่ไม่ใช้ชื่อพันธมิตรฯไปที่เขาเพราะมีหลายเครือข่าย "สุเทพ" เผย เตรียมหารือ"นายกฯ"ถก"ฮุนเซน"กล่อมร่วมพัฒนาพื้น ที่ทับซ้อนทางทะเล
**ไม่ต้องห่วงเรื่องเขาพระวิหาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดง ออกมากล่าวหาว่า ระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้กัมพูชา สร้างถนนเข้ามา 2 เส้น ปราสาทในพระวิหาร โดยอ้างว่ามีหนังสือเตือนจากกองทัพ 9 ครั้ง แต่ไม่ทำอะไร และเป็นประเด็นที่คนเสื้อแดงจะชุมนุมแตกหักในเดือนตุลาคมนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ไว้วางใจได้ เพราะตัวถนนก่อสร้างกันตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ามา และเมื่อมีการรายงานจากพื้นที่ขึ้นมา ก็มีการประท้วงไป ขณะนี้ก็มีการนำไปสู่กรอบของการจรจา ซึ่งกำลังเสนอต่อสภาฯในเรื่องที่จะให้ทุกฝ่ายออกจากพื้นที่ และกลับไปสู่ข้อตกลงเมื่อปี 2543
ฉะนั้นคิดว่าไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล เรื่องนี้เดินต่อตามแนวทาง ซึ่งเราจะรักษาสิทธิดินแดนอธิปไตยทุกประการ เพียงแต่วิธีการที่รัฐบาลทำนั้น ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ การสูญเสียเท่านั้นเอง
**ยันเขมรเข้ามาก่อน ปชป.เป็นรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า การเข้ามาในพื้นที่ของกัมพูชา ไม่ได้เข้ามาในช่วงที่ท่านเป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ จริงๆแล้วคงจะจำได้ว่ามันมีการปะทะกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เรื่องการมีกองกำลังอะไรต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากที่มีการออกแถลงการณ์ร่วม เรื่องของมรดกโลก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น และมีปัญหาในขณะนี้ว่า คนที่ไปทำขณะนั้นมีความผิดหรือเปล่า ในเรื่องของการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีชุมชน การค้าขายต่างๆ ย้อนกลับไปไกลกว่านั้นอีก คือ เกิดขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์ในกัมพูชาสงบ ก็มีการเปิดให้ท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีทั้งคนไทย และกัมพูชาเข้าไปขายของละมีชุมชนขึ้นมา ตอนนี้เราพยายามที่จะช่วยกันจัดระเบียบอยู่
เมื่อถามว่า กรณีรอบๆ ปราสาทพระวิหาร เสื้อแดงกดดันทางหนึ่ง เสื้อเหลือง ต้องการให้รัฐบาลผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ เหมือนรัฐบาลอยู่ท่ามกลางแรงกดดันของสองสี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากความมุ่งหมายเราตรงกัน เราก็อย่าขัดแย้งกันเอง ไม่มีคนไหนที่ต้องการให้ประเทศไทยเสียสิทธิ เสียอธิปไตย เสียดินแดน เพียงแต่แนวทางในการแก้ปัญหาตกลงกับทางกัมพูชากัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องในฐานะเพื่อนบ้าน เป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน คือแก้กันด้วยสันติวิธี
**เทือกโวพร้อมกล่อมฮุนเซ็น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีหนังสือพิมพ์กัมพูชาระบุว่ามีการให้บริษัทญี่ปุ่นให้เข้าไปสำรวจ ขุดเจาะน้ำมันพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา และกลุ่มคนเสื้อแดงนำภาพมา เผยแพร่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้มีการสร้างถนนเข้ามาในพื้นที่ของไทย ว่า เรื่องการ สร้างถนนเข้าพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตร.กม. สร้างมานานแล้ว มีถนนอยู่ก่อน ที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าคนเสื้อแดงออกมาโจมตีเรื่องนี้ระวังจะเข้าเนื้อตัวเอง เพราะเสื้อแดงเคยเป็นรัฐบาลก่อนที่พวกตนจะมาเป็นรัฐบาล ส่วนที่ทำมานั้นกระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงแล้วมีเอกสารหลักฐานลงวันนี้ชัดเจน ตนสามารถ เอามาแสดงได้ ตนจึงรอนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศเมื่อเดินทางกลับมาจากสหรัฐฯ แล้วจะชวนมาออกทีวีชี้แจงต่อประชาชน
ส่วนเรื่องที่กัมพูชาให้สัมปทานแก่บริษัทต่างๆ เข้าสำรวจขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลนั้นก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และคงยังต้องเกิดอีก เพราะเขมร ก็อ้างว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขา ขณะเดียวกันเราก็อ้างว่าเป็นของเราซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็อนุมัติให้สัมปทานไปหลายบริษัทเหมือนกัน ต่างคนต่างให้ แต่ไม่ว่าอนุมัติไป อย่างไรก็ทำไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายก็ไม่ยอมให้เข้าไปขุดเจาะ จะอนุมัติก็ให้อนุมัติไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจนขณะนี้ยังไม่มีบริษัทเอกชนรายใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเข้าไปใช้ไม่ได้ ยังต้องตกลงกันให้ได้เสียก่อน คิดว่าเดี๋ยวงานบางเบาลงหน่อยก็จะลองไปพูดคุยกับผู้นำของกัมพูชา เพราะที่ผ่านมาได้เคยมีการเจรจากันมาแล้ว แต่หยุดชะงักไป ซึ่งตนจะชวนมาคุยกันใหม่ เมื่อถามว่า ท่านจะไปพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ดูก่อนถ้านายกฯกลับมา แล้วเห็นว่าตนสมควรไปพูดคุย ตนก็จะไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องพระวิหารมีทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลือง และเสื้อแดงเกิดขึ้นพร้อมๆ กันจะยิ่งทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อยากจะเห็นประเทศพัฒนาไปได้ด้วยความราบรื่น เราก็อย่าช่วยสร้างปัญหา และหลักทั่วไป เราอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างคน ที่มีมิตรไมตรีต่อกันดีกว่า ทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ละฝ่ายก็อย่าพยายาม ไปกดดันยั่วยุให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้านเลย เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่เพราะกลุ่มเสื้อแดงเตรียมนำประเด็นพระวิหารไปเป็นประเด็นใหญ่ จุดชนวนการชุมนุมใหญ่ในช่วงเดือนต.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลก็จะชี้แจงอธิบายกับพี่น้องประชาชนให้ชัดเจน
**วีระพร้อมออกทีวีคู่กษิต
นายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะขอให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงกรณีเขาพระวิหารผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ พร้อมกับนายวีระ ว่า ให้พูดคุยต่อหน้าคนทั้งประเทศได้เลย ตนจะให้นายกษิต ได้ถามและตนจะตอบ จะได้ไม่ต้องมีอะไรปกปิดกันอีกต่อไป
ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบของทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.)จะเริ่มตรวจสอบตั้งแต่ข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศก่อน ถือว่ามาถูกทางแล้วหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ถูกทางเพียงส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่ตน ทำอยู่ขณะนี้มีทั้งคณะรัฐมนตรีในหลายรัฐบาล ทหาร และเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน ที่รับผิดชอบในบริเวณเขาพระวิหาร
ถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยืดยื้อนั้นเกิดจากทหารเข้าไปมีส่วนผลประโยชน์ ในการค้าบริเวณเขาพระวิหารใช่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า มีผลประโยชน์ โดยเริ่มจาก คนในพื้นที่ก่อน จากทหารที่เข้าไปดูแล ข้าราชการร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองในจังหวัดศรีสะเกษ ออกมายังนโยบายระดับชาติ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา เห็นว่านักการเมืองไทย ข้าราชการไทยตระกะตระกาม จึงให้ประโยชน์แลกเปลี่ยน พวกนี้จึงต้องปกป้องปกปิดให้กัมพูชามาตลอดเวลา จนกลายเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขแล้ว
ส่วนนักการเมืองที่เกี่ยวข้องมีทั้งนักการเมืองทั้งก่อนหน้าและหลังรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนไม่ต้องการให้มองเพียงแค่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากปัญหาเพียงเล็กๆ เช่นทหารยศพันเอกเท่านั้น ต่อมาก็มากขึ้นและเมื่อเจ้านายบอกให้พันเอกคนนี้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องจึงไปกันใหญ่
**แจงทำไมไม่ทำในนาม พธม.
เมื่อถามว่ามีการติดต่อกับทางแกนนำพธม.อยู่ตลอดใช่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ตนติดต่อกับทางแกนนำ พธม.อยู่ตลอด แต่แกนนำกลุ่มพธม.จะให้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผู้ประสานพธม.เป็นคนกลางติดต่อกับตนอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลต่างๆ ทางพธม.ร่วมด้วยมาโดยตลอด แต่ว่าพธม.เห็นว่าตนเป็นคนจับเรื่องเขาพระวิหารมาตั้งแต่ต้นจึงให้เครดิตให้รับผิดชอบ และเชื่อว่าตนสามารถรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ใช้ชื่อ พธม.เนื่องจากตนร่วมกับหลายภาคี เครือข่าย มีทั้งกลุ่ม พธม. และภาคีผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร และเครือข่ายประชาชนรักชาติเมื่อปี 2551 จึงใช้ว่าภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์การเสียดินแดน รอบประสาทพระวิหาร ไม่ใช่เฉพาะพธม. เพราะถ้าตีกรอบเป็นพธม.เครือข่ายอื่นจะอึดอัดจะไม่กล้าเข้ามาร่วม แต่ส่วนใหญ่มวลชนในการขับเคลื่อนก็เป็นพธม.เกินครึ่ง
เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมา บอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาแก้ไม่ใช่ 1-2 ปีแต่เป็น 10 ปี นายวีระ กล่าวว่า ไม่ต้องใช้เวลา นายสุเทพ ห่วงแต่ผลประโยชน์และของพรรคร่วมรัฐบาล คือกลัวเก้าอี้จะหลุด
**ไม่ต้องห่วงเรื่องเขาพระวิหาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดง ออกมากล่าวหาว่า ระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้กัมพูชา สร้างถนนเข้ามา 2 เส้น ปราสาทในพระวิหาร โดยอ้างว่ามีหนังสือเตือนจากกองทัพ 9 ครั้ง แต่ไม่ทำอะไร และเป็นประเด็นที่คนเสื้อแดงจะชุมนุมแตกหักในเดือนตุลาคมนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ไว้วางใจได้ เพราะตัวถนนก่อสร้างกันตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ามา และเมื่อมีการรายงานจากพื้นที่ขึ้นมา ก็มีการประท้วงไป ขณะนี้ก็มีการนำไปสู่กรอบของการจรจา ซึ่งกำลังเสนอต่อสภาฯในเรื่องที่จะให้ทุกฝ่ายออกจากพื้นที่ และกลับไปสู่ข้อตกลงเมื่อปี 2543
ฉะนั้นคิดว่าไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล เรื่องนี้เดินต่อตามแนวทาง ซึ่งเราจะรักษาสิทธิดินแดนอธิปไตยทุกประการ เพียงแต่วิธีการที่รัฐบาลทำนั้น ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ การสูญเสียเท่านั้นเอง
**ยันเขมรเข้ามาก่อน ปชป.เป็นรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า การเข้ามาในพื้นที่ของกัมพูชา ไม่ได้เข้ามาในช่วงที่ท่านเป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ จริงๆแล้วคงจะจำได้ว่ามันมีการปะทะกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เรื่องการมีกองกำลังอะไรต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากที่มีการออกแถลงการณ์ร่วม เรื่องของมรดกโลก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น และมีปัญหาในขณะนี้ว่า คนที่ไปทำขณะนั้นมีความผิดหรือเปล่า ในเรื่องของการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีชุมชน การค้าขายต่างๆ ย้อนกลับไปไกลกว่านั้นอีก คือ เกิดขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์ในกัมพูชาสงบ ก็มีการเปิดให้ท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีทั้งคนไทย และกัมพูชาเข้าไปขายของละมีชุมชนขึ้นมา ตอนนี้เราพยายามที่จะช่วยกันจัดระเบียบอยู่
เมื่อถามว่า กรณีรอบๆ ปราสาทพระวิหาร เสื้อแดงกดดันทางหนึ่ง เสื้อเหลือง ต้องการให้รัฐบาลผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ เหมือนรัฐบาลอยู่ท่ามกลางแรงกดดันของสองสี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากความมุ่งหมายเราตรงกัน เราก็อย่าขัดแย้งกันเอง ไม่มีคนไหนที่ต้องการให้ประเทศไทยเสียสิทธิ เสียอธิปไตย เสียดินแดน เพียงแต่แนวทางในการแก้ปัญหาตกลงกับทางกัมพูชากัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องในฐานะเพื่อนบ้าน เป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน คือแก้กันด้วยสันติวิธี
**เทือกโวพร้อมกล่อมฮุนเซ็น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีหนังสือพิมพ์กัมพูชาระบุว่ามีการให้บริษัทญี่ปุ่นให้เข้าไปสำรวจ ขุดเจาะน้ำมันพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา และกลุ่มคนเสื้อแดงนำภาพมา เผยแพร่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้มีการสร้างถนนเข้ามาในพื้นที่ของไทย ว่า เรื่องการ สร้างถนนเข้าพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตร.กม. สร้างมานานแล้ว มีถนนอยู่ก่อน ที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าคนเสื้อแดงออกมาโจมตีเรื่องนี้ระวังจะเข้าเนื้อตัวเอง เพราะเสื้อแดงเคยเป็นรัฐบาลก่อนที่พวกตนจะมาเป็นรัฐบาล ส่วนที่ทำมานั้นกระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงแล้วมีเอกสารหลักฐานลงวันนี้ชัดเจน ตนสามารถ เอามาแสดงได้ ตนจึงรอนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศเมื่อเดินทางกลับมาจากสหรัฐฯ แล้วจะชวนมาออกทีวีชี้แจงต่อประชาชน
ส่วนเรื่องที่กัมพูชาให้สัมปทานแก่บริษัทต่างๆ เข้าสำรวจขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลนั้นก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และคงยังต้องเกิดอีก เพราะเขมร ก็อ้างว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขา ขณะเดียวกันเราก็อ้างว่าเป็นของเราซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็อนุมัติให้สัมปทานไปหลายบริษัทเหมือนกัน ต่างคนต่างให้ แต่ไม่ว่าอนุมัติไป อย่างไรก็ทำไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายก็ไม่ยอมให้เข้าไปขุดเจาะ จะอนุมัติก็ให้อนุมัติไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจนขณะนี้ยังไม่มีบริษัทเอกชนรายใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเข้าไปใช้ไม่ได้ ยังต้องตกลงกันให้ได้เสียก่อน คิดว่าเดี๋ยวงานบางเบาลงหน่อยก็จะลองไปพูดคุยกับผู้นำของกัมพูชา เพราะที่ผ่านมาได้เคยมีการเจรจากันมาแล้ว แต่หยุดชะงักไป ซึ่งตนจะชวนมาคุยกันใหม่ เมื่อถามว่า ท่านจะไปพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ดูก่อนถ้านายกฯกลับมา แล้วเห็นว่าตนสมควรไปพูดคุย ตนก็จะไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องพระวิหารมีทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลือง และเสื้อแดงเกิดขึ้นพร้อมๆ กันจะยิ่งทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อยากจะเห็นประเทศพัฒนาไปได้ด้วยความราบรื่น เราก็อย่าช่วยสร้างปัญหา และหลักทั่วไป เราอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างคน ที่มีมิตรไมตรีต่อกันดีกว่า ทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ละฝ่ายก็อย่าพยายาม ไปกดดันยั่วยุให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้านเลย เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่เพราะกลุ่มเสื้อแดงเตรียมนำประเด็นพระวิหารไปเป็นประเด็นใหญ่ จุดชนวนการชุมนุมใหญ่ในช่วงเดือนต.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลก็จะชี้แจงอธิบายกับพี่น้องประชาชนให้ชัดเจน
**วีระพร้อมออกทีวีคู่กษิต
นายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะขอให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงกรณีเขาพระวิหารผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ พร้อมกับนายวีระ ว่า ให้พูดคุยต่อหน้าคนทั้งประเทศได้เลย ตนจะให้นายกษิต ได้ถามและตนจะตอบ จะได้ไม่ต้องมีอะไรปกปิดกันอีกต่อไป
ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบของทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.)จะเริ่มตรวจสอบตั้งแต่ข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศก่อน ถือว่ามาถูกทางแล้วหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ถูกทางเพียงส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่ตน ทำอยู่ขณะนี้มีทั้งคณะรัฐมนตรีในหลายรัฐบาล ทหาร และเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน ที่รับผิดชอบในบริเวณเขาพระวิหาร
ถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยืดยื้อนั้นเกิดจากทหารเข้าไปมีส่วนผลประโยชน์ ในการค้าบริเวณเขาพระวิหารใช่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า มีผลประโยชน์ โดยเริ่มจาก คนในพื้นที่ก่อน จากทหารที่เข้าไปดูแล ข้าราชการร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองในจังหวัดศรีสะเกษ ออกมายังนโยบายระดับชาติ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา เห็นว่านักการเมืองไทย ข้าราชการไทยตระกะตระกาม จึงให้ประโยชน์แลกเปลี่ยน พวกนี้จึงต้องปกป้องปกปิดให้กัมพูชามาตลอดเวลา จนกลายเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขแล้ว
ส่วนนักการเมืองที่เกี่ยวข้องมีทั้งนักการเมืองทั้งก่อนหน้าและหลังรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนไม่ต้องการให้มองเพียงแค่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากปัญหาเพียงเล็กๆ เช่นทหารยศพันเอกเท่านั้น ต่อมาก็มากขึ้นและเมื่อเจ้านายบอกให้พันเอกคนนี้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องจึงไปกันใหญ่
**แจงทำไมไม่ทำในนาม พธม.
เมื่อถามว่ามีการติดต่อกับทางแกนนำพธม.อยู่ตลอดใช่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ตนติดต่อกับทางแกนนำ พธม.อยู่ตลอด แต่แกนนำกลุ่มพธม.จะให้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผู้ประสานพธม.เป็นคนกลางติดต่อกับตนอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลต่างๆ ทางพธม.ร่วมด้วยมาโดยตลอด แต่ว่าพธม.เห็นว่าตนเป็นคนจับเรื่องเขาพระวิหารมาตั้งแต่ต้นจึงให้เครดิตให้รับผิดชอบ และเชื่อว่าตนสามารถรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ใช้ชื่อ พธม.เนื่องจากตนร่วมกับหลายภาคี เครือข่าย มีทั้งกลุ่ม พธม. และภาคีผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร และเครือข่ายประชาชนรักชาติเมื่อปี 2551 จึงใช้ว่าภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์การเสียดินแดน รอบประสาทพระวิหาร ไม่ใช่เฉพาะพธม. เพราะถ้าตีกรอบเป็นพธม.เครือข่ายอื่นจะอึดอัดจะไม่กล้าเข้ามาร่วม แต่ส่วนใหญ่มวลชนในการขับเคลื่อนก็เป็นพธม.เกินครึ่ง
เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมา บอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาแก้ไม่ใช่ 1-2 ปีแต่เป็น 10 ปี นายวีระ กล่าวว่า ไม่ต้องใช้เวลา นายสุเทพ ห่วงแต่ผลประโยชน์และของพรรคร่วมรัฐบาล คือกลัวเก้าอี้จะหลุด