“คำตัดสินคดีกล้ายางคงอธิบาย? ให้สังคมไทยได้กระจ่างขึ้นเยอะ เท่ากับ คมช.กล่าวหาเท็จว่า รัฐบาลผมทุจริตโดยใช้ คตส.เป็นเครื่องมือคดีที่ว่าเจ๋ง ยังหลุด...”
นั่นแน่ะ! ถึงแม้ในความเป็นจริงประมาณว่าตัวเองโดนหมัดนี้เข้าไปแทบกระอักเลือด แต่ก็ไม่วายที่จะตีความเข้าข้างหรือปลอบใจตัวเองแบบรักษาฟอร์มสุดๆ..
ครับ ผมหมายถึงอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เล่นบท ทวิตเตอร์เมื่อ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 21 ก.ย.2552 หรือ 5 ชั่วโมงหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ เนวิน ชิดชอบ และอีก 43 ผู้ต้องหาพ้นข้อหาทุจริตกล้ายาง..
ตอนแรกนึกว่า “ทักษิณ” จะฟาดงวงฟาดงาว่าศาลยุติธรรมสองมาตรฐานอย่างที่พวกคนเสื้อแดงหางแดงพยายามสร้างกระแส หรือไม่ก็ปล่อยมุกใหม่ว่าศาลไทยมีมาตรฐานเดียวเท่านั้นคือ คดีทักษิณคุกๆ ส่วนคดีคนอื่นๆ หลุดๆ....อย่างที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มตระเตรียมกันเอาไว้
แต่สุดท้ายก็เลือกมุก...เห็นไหมล่ะว่า รัฐบาลผมสุจริต (แล้วทำไมผมต้องถูกลงโทษติดคุก 2 ปี ด้วยเล่า)
ไม่ว่าใครจะคิดจะรู้สึกอย่างไร แต่กว่าสองชั่วโมงที่องค์คณะผู้พิพากษาฯ นั่งอ่านคำพิพากษาอย่างละเอียด มันคือความงดงามความครบถ้วนสมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็นแห่งรูปคดี และคำพิพากษาซึ่งยากที่จะทำให้ฝ่ายต่างๆ ที่ผลประโยชน์ขัดกัน อุดมการณ์ความคิดต่างกัน รักชอบไม่เหมือนกัน จะรู้สึกถูกใจเหมือนกันหมด...
“ในกระแสแห่งยุติธรรม ยากจะหาความเกษมเปรมใจ” – ร้อยกรองบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เรื่องเวนิสวานิช น่าจะทำให้ทุกฝ่ายมองโลกได้อย่างเป็นจริงและเข้าใจได้...
กลับมาที่ “ทักษิณ” อีกครั้ง..
ทำไมผมจึงทึกทักเอาว่าผลจากคดีกล้ายางที่ “เนวิน” หลุดบ่วงทำให้ทักษิณต้อง “กระอักเลือด”?
มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า คำอธิบายว่า เมื่อมองไปข้างหน้าเส้นทางชีวิตการเมืองของเนวินนั้นค่อนข้างสดใส อุปสรรคขัดขวางแทบไม่มี นอกเหนือจากคดีหวยกับการถูกเว้นวรรคทางการเมืองอีก 2 ปีเศษ และยากที่จะปฏิเสธว่า 8- 9 เดือนกับบทบาทผู้ทรงอิทธิพลแห่งพรรคภูมิใจไทยที่หันมาเล่นบท “เลือดสีน้ำเงิน” มันทำให้เนวินกล้าแกร่ง…
พ้นจากคดีทุจริตกล้ายาง เขาเหมือนพยัคฆ์ติดปีกอีกครั้ง และกล้าหาญถึงขั้นประกาศคำโตว่า “สำหรับตัวผม นับจากวันนี้ไปก็คงเหลือเพียงเรื่องเดียว คือจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
บนเส้นทางการเมืองสายเก่าเขายังมีโอกาสไปถึงดวงดาว คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี..
ต่างจาก “ทักษิณ” ในวันนี้ที่ยังตกอยู่ในหลุมดำและบ่วงกรรม ยังต้องถ่ายรูปตัดผม สระผมโชว์เพื่อลบข่าวลือว่าเป็นโรคมะเร็งไข่เจียว..เอ๊ย มะเร็งต่อมลูกหมาก
ขณะเดียวกันทักษิณยังจะต้องลุ้นระทึกกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบอีกมากมายหลายคดี ตั้งแต่คดีถูกยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท, คดีเอ็กซิมแบงก์, คดีหวยบนดิน...
และเชื่อเถอะว่า แม้ทุกวันนี้จะดูเหมือนว่าแนวรบของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยของทักษิณยังแข็งแกร่ง แต่ผลจากการหลุดคดีของเนวินจะทำให้เกิดแรงกระแทกแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้บรรดานักการเมือง นักเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆ หลั่งไหลมาร่วมร้องเพลง “ภูมิใจไทย” กันอย่างน่าจับตา...
พูดกันง่ายๆ ระหว่างเล่นหุ้นเนวินกับเล่นหุ้นทักษิณ ก็ต้องยอมรับว่าหุ้นเนวินมีอนาคตกว่า น่าซื้อกว่า...
ถามว่าจากนี้ไปแนวรบทักษิณจะเปิดแนวรบ ขยายแนวรบของตัวเองอย่างไร หลังจากล้มเหลวพลาดพลั้งมาจากปฏิบัติการเมษาเลือด และมุกแป้กเมื่อ 19 ก.ย. 52 ที่ผ่านมา..
สำหรับผมยังมองไม่เห็นหนทางที่ทักษิณจะพลิกเกมใดๆ มาเอาชนะกลเกมทางการเมืองในช่วงสั้นๆ นี้ได้
ทางเลือก ทางเล่นของพรรคเพื่อไทย- คนเสื้อแดงและทักษิณ
1) ป่วนบ้านป่วนเมือง กดดันให้รัฐบาลยุบสภาให้เร็วที่สุดต่อไป ด้วยหวังว่า ถ้าเลือกตั้งเร็วตัวเองจะชนะกลับมามีอำนาจจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง
2) รัฐประหาร แม้รัฐประหารยังเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในสังคมการเมืองไทย แต่สำหรับรัฐประหารเพื่อช่วยทักษิณโดยตรง โอกาสและประตูความเป็นไปได้ถูกปิดตายไปแล้ว หากจะทำให้เกิดพวกเขาต้องสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ความปั่นป่วนที่มากกว่าเมษาเลือดเป็นห้าเท่าสิบเท่า...
3) ทักษิณเดินทางกลับบ้านมารับโทษรับกรรมเพื่อรอวันกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง ในข้อนี้แม้จะแว่วๆ ว่ามีผู้เสนอให้ทักษิณกลับมาในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในครั้งหน้าเพื่อหวังเรียกคะแนนสงสารให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบถล่มทลาย แต่เมื่อนั่งบวกลบคูณหารแล้วต้องฟันธงว่า..ขนาดหัวใจของทักษิณไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้...
4)....
5)....
ครับ ช่วยกันเติมคำในช่องว่างทางเลือกที่ 4) ที่ 5) ให้กับทักษิณด้วยเถอะ ผมคิดไม่ออกมองไม่เห็นหนทาง
ร่วมปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทักษิณพยายามเดินไปให้ถึงเป้าหมายก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้สถาบันเบื้องสูงลงมาเป็นตัวกลาง นัยว่าเพื่อหยุดวิกฤตการเมืองและตัวเขาพวกเขาหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ภาพที่พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าฯ เมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เป็นภาพฝันภาพหนึ่งที่ทักษิณและคนเสื้อแดงวาดหวังฝันไกลแต่ไปไม่ถึง..
ไม่แต่เท่านั้น...แนวรบของคนเสื้อแดงที่แตกก๊กแตกเหล่า บางกลุ่มโจมตีจาบจ้วงสถาบันอย่างเหิมเกริม ยิ่งฉุดรั้งทำลายทักษิณในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันแบบเห็นๆ...
กล่าวกันอย่างถึงที่สุด แม้แนวรบทักษิณ แนวรบคนเสื้อแดงจะดูคึกคัก แต่ล้มเหลวทั้งทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี...
เปรียบเทียบกับเพลงดาบเดียวของเนวิน ณ ภูมิใจไทย ที่หันมาปกป้องสถาบันแล้ว ต้องบอกว่า “เนวินกินขาด”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร “เนวิน” เองก็ยังต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อีกยาวนานว่า แท้จริงแล้ว..สิ่งที่เขาและคณะหยิบยกประเด็นของสถาบันมาขับเคลื่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงกลเกมทางการเมือง หากแต่มาจากหัวใจและความรู้สึก ความสำนึกจริงๆ หาไม่แล้วฟ้าดินก็อาจลงโทษ ให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับทักษิณ..
กรรมมีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง..ถ้าเชื่อก็ต้องเชื่อ..อย่าดัดจริตเชื่อ...
samr_rod@hotmail.com
นั่นแน่ะ! ถึงแม้ในความเป็นจริงประมาณว่าตัวเองโดนหมัดนี้เข้าไปแทบกระอักเลือด แต่ก็ไม่วายที่จะตีความเข้าข้างหรือปลอบใจตัวเองแบบรักษาฟอร์มสุดๆ..
ครับ ผมหมายถึงอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เล่นบท ทวิตเตอร์เมื่อ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 21 ก.ย.2552 หรือ 5 ชั่วโมงหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ เนวิน ชิดชอบ และอีก 43 ผู้ต้องหาพ้นข้อหาทุจริตกล้ายาง..
ตอนแรกนึกว่า “ทักษิณ” จะฟาดงวงฟาดงาว่าศาลยุติธรรมสองมาตรฐานอย่างที่พวกคนเสื้อแดงหางแดงพยายามสร้างกระแส หรือไม่ก็ปล่อยมุกใหม่ว่าศาลไทยมีมาตรฐานเดียวเท่านั้นคือ คดีทักษิณคุกๆ ส่วนคดีคนอื่นๆ หลุดๆ....อย่างที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มตระเตรียมกันเอาไว้
แต่สุดท้ายก็เลือกมุก...เห็นไหมล่ะว่า รัฐบาลผมสุจริต (แล้วทำไมผมต้องถูกลงโทษติดคุก 2 ปี ด้วยเล่า)
ไม่ว่าใครจะคิดจะรู้สึกอย่างไร แต่กว่าสองชั่วโมงที่องค์คณะผู้พิพากษาฯ นั่งอ่านคำพิพากษาอย่างละเอียด มันคือความงดงามความครบถ้วนสมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็นแห่งรูปคดี และคำพิพากษาซึ่งยากที่จะทำให้ฝ่ายต่างๆ ที่ผลประโยชน์ขัดกัน อุดมการณ์ความคิดต่างกัน รักชอบไม่เหมือนกัน จะรู้สึกถูกใจเหมือนกันหมด...
“ในกระแสแห่งยุติธรรม ยากจะหาความเกษมเปรมใจ” – ร้อยกรองบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เรื่องเวนิสวานิช น่าจะทำให้ทุกฝ่ายมองโลกได้อย่างเป็นจริงและเข้าใจได้...
กลับมาที่ “ทักษิณ” อีกครั้ง..
ทำไมผมจึงทึกทักเอาว่าผลจากคดีกล้ายางที่ “เนวิน” หลุดบ่วงทำให้ทักษิณต้อง “กระอักเลือด”?
มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า คำอธิบายว่า เมื่อมองไปข้างหน้าเส้นทางชีวิตการเมืองของเนวินนั้นค่อนข้างสดใส อุปสรรคขัดขวางแทบไม่มี นอกเหนือจากคดีหวยกับการถูกเว้นวรรคทางการเมืองอีก 2 ปีเศษ และยากที่จะปฏิเสธว่า 8- 9 เดือนกับบทบาทผู้ทรงอิทธิพลแห่งพรรคภูมิใจไทยที่หันมาเล่นบท “เลือดสีน้ำเงิน” มันทำให้เนวินกล้าแกร่ง…
พ้นจากคดีทุจริตกล้ายาง เขาเหมือนพยัคฆ์ติดปีกอีกครั้ง และกล้าหาญถึงขั้นประกาศคำโตว่า “สำหรับตัวผม นับจากวันนี้ไปก็คงเหลือเพียงเรื่องเดียว คือจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
บนเส้นทางการเมืองสายเก่าเขายังมีโอกาสไปถึงดวงดาว คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี..
ต่างจาก “ทักษิณ” ในวันนี้ที่ยังตกอยู่ในหลุมดำและบ่วงกรรม ยังต้องถ่ายรูปตัดผม สระผมโชว์เพื่อลบข่าวลือว่าเป็นโรคมะเร็งไข่เจียว..เอ๊ย มะเร็งต่อมลูกหมาก
ขณะเดียวกันทักษิณยังจะต้องลุ้นระทึกกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบอีกมากมายหลายคดี ตั้งแต่คดีถูกยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท, คดีเอ็กซิมแบงก์, คดีหวยบนดิน...
และเชื่อเถอะว่า แม้ทุกวันนี้จะดูเหมือนว่าแนวรบของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยของทักษิณยังแข็งแกร่ง แต่ผลจากการหลุดคดีของเนวินจะทำให้เกิดแรงกระแทกแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้บรรดานักการเมือง นักเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆ หลั่งไหลมาร่วมร้องเพลง “ภูมิใจไทย” กันอย่างน่าจับตา...
พูดกันง่ายๆ ระหว่างเล่นหุ้นเนวินกับเล่นหุ้นทักษิณ ก็ต้องยอมรับว่าหุ้นเนวินมีอนาคตกว่า น่าซื้อกว่า...
ถามว่าจากนี้ไปแนวรบทักษิณจะเปิดแนวรบ ขยายแนวรบของตัวเองอย่างไร หลังจากล้มเหลวพลาดพลั้งมาจากปฏิบัติการเมษาเลือด และมุกแป้กเมื่อ 19 ก.ย. 52 ที่ผ่านมา..
สำหรับผมยังมองไม่เห็นหนทางที่ทักษิณจะพลิกเกมใดๆ มาเอาชนะกลเกมทางการเมืองในช่วงสั้นๆ นี้ได้
ทางเลือก ทางเล่นของพรรคเพื่อไทย- คนเสื้อแดงและทักษิณ
1) ป่วนบ้านป่วนเมือง กดดันให้รัฐบาลยุบสภาให้เร็วที่สุดต่อไป ด้วยหวังว่า ถ้าเลือกตั้งเร็วตัวเองจะชนะกลับมามีอำนาจจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง
2) รัฐประหาร แม้รัฐประหารยังเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในสังคมการเมืองไทย แต่สำหรับรัฐประหารเพื่อช่วยทักษิณโดยตรง โอกาสและประตูความเป็นไปได้ถูกปิดตายไปแล้ว หากจะทำให้เกิดพวกเขาต้องสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ความปั่นป่วนที่มากกว่าเมษาเลือดเป็นห้าเท่าสิบเท่า...
3) ทักษิณเดินทางกลับบ้านมารับโทษรับกรรมเพื่อรอวันกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง ในข้อนี้แม้จะแว่วๆ ว่ามีผู้เสนอให้ทักษิณกลับมาในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในครั้งหน้าเพื่อหวังเรียกคะแนนสงสารให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบถล่มทลาย แต่เมื่อนั่งบวกลบคูณหารแล้วต้องฟันธงว่า..ขนาดหัวใจของทักษิณไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้...
4)....
5)....
ครับ ช่วยกันเติมคำในช่องว่างทางเลือกที่ 4) ที่ 5) ให้กับทักษิณด้วยเถอะ ผมคิดไม่ออกมองไม่เห็นหนทาง
ร่วมปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทักษิณพยายามเดินไปให้ถึงเป้าหมายก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้สถาบันเบื้องสูงลงมาเป็นตัวกลาง นัยว่าเพื่อหยุดวิกฤตการเมืองและตัวเขาพวกเขาหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ภาพที่พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าฯ เมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เป็นภาพฝันภาพหนึ่งที่ทักษิณและคนเสื้อแดงวาดหวังฝันไกลแต่ไปไม่ถึง..
ไม่แต่เท่านั้น...แนวรบของคนเสื้อแดงที่แตกก๊กแตกเหล่า บางกลุ่มโจมตีจาบจ้วงสถาบันอย่างเหิมเกริม ยิ่งฉุดรั้งทำลายทักษิณในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันแบบเห็นๆ...
กล่าวกันอย่างถึงที่สุด แม้แนวรบทักษิณ แนวรบคนเสื้อแดงจะดูคึกคัก แต่ล้มเหลวทั้งทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี...
เปรียบเทียบกับเพลงดาบเดียวของเนวิน ณ ภูมิใจไทย ที่หันมาปกป้องสถาบันแล้ว ต้องบอกว่า “เนวินกินขาด”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร “เนวิน” เองก็ยังต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อีกยาวนานว่า แท้จริงแล้ว..สิ่งที่เขาและคณะหยิบยกประเด็นของสถาบันมาขับเคลื่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงกลเกมทางการเมือง หากแต่มาจากหัวใจและความรู้สึก ความสำนึกจริงๆ หาไม่แล้วฟ้าดินก็อาจลงโทษ ให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับทักษิณ..
กรรมมีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง..ถ้าเชื่อก็ต้องเชื่อ..อย่าดัดจริตเชื่อ...
samr_rod@hotmail.com