เอเอฟพี – อดีตประธานาธิบดีวาเลรี ชิสการ์ เดสแตง ของฝรั่งเศส ซึ่งเวลานี้อายุ 83 ปี เติมความซาบซ่าให้แก่ชีวิตวัยเกษียณมายาวนานของตัวเอง ด้วยการเขียนนวนิยายสุดโรแมนติกสุดอีโรติก ซึ่งเป็นเรื่องราวของประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่แอบเป็นกิ๊กกับเจ้าหญิงอังกฤษ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เลอ ฟิกาโร ฉบับวันจันทร์(21) นวนิยายเรื่องนี้ที่ใช้ชื่อว่า “The Princess and the President” เล่าเรื่องราวความรักลับๆ ที่ร้อนแรงระหว่างตัวเอกทั้งสอง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการจำลองภาพของตัวชิสการ์เอง กับอดีตเจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
นวนิยายเล่มนี้ตั้งชื่อตัวเอกทั้ง 2 เสียใหม่ว่า ประธานาธิบดีฌาคส์-อองรี ลองแบร์ตี และเจ้าหญิงแพทริเซีย แห่งคาร์ดิฟฟ์ โดยให้ทั้งคู่ได้พบกันในงานเลี้ยงดินเนอร์ปิดการประชุมซัมมิตกลุ่มจี 7 ภายหลังจากเจ้าหญิงวัยเยาว์ของอังกฤษพระองค์นี้ ถูกทอดทิ้งให้จมอยู่กับความขมขื่นจากการที่พระราชสวามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น
เลอ ฟิกาโรบอกว่า หนังสือของชิสการ์จัดอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่านวนิยายโรแมนติกที่เขียนได้ดีทั่วๆ ไป ตรงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยรายละเอียดที่เขาสามารถนำมาเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทั้งที่เป็นฝรั่งเศสและอังกฤษ ตลอดจนพระราชวังที่ตัวเอกได้มาพบกัน
อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ซึ่งควรที่จะจัดเป็นเล่มล่าสุดในบรรดาหนังสือที่มุ่งเกาะกระแส “ไดอานาฟีเวอร์” เพื่อสร้างยอดขาย อาจจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนและการถกเถียงกันมากกว่าธรรมดา โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากลูกเล่นของผู้เขียนที่ทำให้ดูราวกับว่า มีเรื่องจริงแฝงฝังอยู่ในนวนิยาย
ทั้งนี้นวนิยายเล่มนี้ให้ตัวเอกที่เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นผู้เล่าเรื่อง มีการระบุถึงตัวละครที่แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำลองจากบุคคลมีชีวิตจริงๆ ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคใกล้ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ แถมตามรายงานของ เลอ ฟิกาโร หนังสือเล่มนี้เปิดฉากด้วยวลีว่า “ทำตามสัญญาแล้ว” และจบด้วยย่อหน้าที่ว่า “คุณขอให้ฉันอนุญาตให้คุณเขียนเรื่องราวของคุณ” เธอบอกกับข้าพเจ้า “ฉันอนุญาต แต่คุณต้องให้สัญญากับฉันนะ ...”
ประธานาธิบดีลองแบร์ตียังดูเหมือนจะคล้ายคลึงรับกันหมดกับชิสการ์ ยกเว้นรายละเอียดที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเครื่องบ่งบอกว่าผู้เขียนกำลังจินตนาการประวัติศาสตร์เสียใหม่เพื่อให้สวยสดน่าปลาบปลื้มแก่ผู้เขียนมากขึ้น
โดยในนวนิยาย ลองแบร์ตีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ทว่าชิสการ์พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 1981 และทำให้เขาหมดโอกาสที่จะเป็นตัวแทนของฝรั่งเศส ไปในพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เลดี้ ไดอานา กับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในอีก 2 เดือนต่อมา ดังนั้นชิสการ์จึงไม่เคยเป็นประธานาธิบดีในช่วงที่เลดี้ไดอานา กลายเป็นเจ้าหญิงไดอานา
นักวิจารณ์บางคนยังบอกด้วยว่า ชิสการ์กำลังทำให้ตัวเองตกเป็นที่หัวเราะเยาะ ด้วยการเขียนหนังสือที่พูดป็นนัยว่า ตัวเขาซึ่งอายุ 55 ปีในปี 1981 เป็นกิ๊กกับไดอานาที่ตอนนั้นอายุ 19 ปี
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เลอ ฟิกาโร ฉบับวันจันทร์(21) นวนิยายเรื่องนี้ที่ใช้ชื่อว่า “The Princess and the President” เล่าเรื่องราวความรักลับๆ ที่ร้อนแรงระหว่างตัวเอกทั้งสอง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการจำลองภาพของตัวชิสการ์เอง กับอดีตเจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
นวนิยายเล่มนี้ตั้งชื่อตัวเอกทั้ง 2 เสียใหม่ว่า ประธานาธิบดีฌาคส์-อองรี ลองแบร์ตี และเจ้าหญิงแพทริเซีย แห่งคาร์ดิฟฟ์ โดยให้ทั้งคู่ได้พบกันในงานเลี้ยงดินเนอร์ปิดการประชุมซัมมิตกลุ่มจี 7 ภายหลังจากเจ้าหญิงวัยเยาว์ของอังกฤษพระองค์นี้ ถูกทอดทิ้งให้จมอยู่กับความขมขื่นจากการที่พระราชสวามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น
เลอ ฟิกาโรบอกว่า หนังสือของชิสการ์จัดอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่านวนิยายโรแมนติกที่เขียนได้ดีทั่วๆ ไป ตรงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยรายละเอียดที่เขาสามารถนำมาเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทั้งที่เป็นฝรั่งเศสและอังกฤษ ตลอดจนพระราชวังที่ตัวเอกได้มาพบกัน
อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ซึ่งควรที่จะจัดเป็นเล่มล่าสุดในบรรดาหนังสือที่มุ่งเกาะกระแส “ไดอานาฟีเวอร์” เพื่อสร้างยอดขาย อาจจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนและการถกเถียงกันมากกว่าธรรมดา โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากลูกเล่นของผู้เขียนที่ทำให้ดูราวกับว่า มีเรื่องจริงแฝงฝังอยู่ในนวนิยาย
ทั้งนี้นวนิยายเล่มนี้ให้ตัวเอกที่เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นผู้เล่าเรื่อง มีการระบุถึงตัวละครที่แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำลองจากบุคคลมีชีวิตจริงๆ ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคใกล้ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ แถมตามรายงานของ เลอ ฟิกาโร หนังสือเล่มนี้เปิดฉากด้วยวลีว่า “ทำตามสัญญาแล้ว” และจบด้วยย่อหน้าที่ว่า “คุณขอให้ฉันอนุญาตให้คุณเขียนเรื่องราวของคุณ” เธอบอกกับข้าพเจ้า “ฉันอนุญาต แต่คุณต้องให้สัญญากับฉันนะ ...”
ประธานาธิบดีลองแบร์ตียังดูเหมือนจะคล้ายคลึงรับกันหมดกับชิสการ์ ยกเว้นรายละเอียดที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเครื่องบ่งบอกว่าผู้เขียนกำลังจินตนาการประวัติศาสตร์เสียใหม่เพื่อให้สวยสดน่าปลาบปลื้มแก่ผู้เขียนมากขึ้น
โดยในนวนิยาย ลองแบร์ตีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ทว่าชิสการ์พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 1981 และทำให้เขาหมดโอกาสที่จะเป็นตัวแทนของฝรั่งเศส ไปในพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เลดี้ ไดอานา กับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในอีก 2 เดือนต่อมา ดังนั้นชิสการ์จึงไม่เคยเป็นประธานาธิบดีในช่วงที่เลดี้ไดอานา กลายเป็นเจ้าหญิงไดอานา
นักวิจารณ์บางคนยังบอกด้วยว่า ชิสการ์กำลังทำให้ตัวเองตกเป็นที่หัวเราะเยาะ ด้วยการเขียนหนังสือที่พูดป็นนัยว่า ตัวเขาซึ่งอายุ 55 ปีในปี 1981 เป็นกิ๊กกับไดอานาที่ตอนนั้นอายุ 19 ปี