เอเอฟพี -รายงานวิจัย 2 ชิ้น พบว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะแพร่เชื้อไวรัสไปสู่บุคคลอื่นได้อีกมากกว่า 8 วันภายหลังจากที่หายป่วยแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานกว่าที่คาดกันไว้มาก
ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ให้คำแนะนำกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดเอ(เอช1เอ็น1) ที่หายไข้แล้วว่าควรพักผ่อนอีก 1 วันก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปสู่บุคคลอื่น
ทว่า จากผลการวิจัยสองชิ้นที่จัดทำในแคนาดาและในสิงคโปร์ สรุปตรงกันว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ราวร้อยละ 19-30 จะยังแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้อีกถึง 8 วันหรือมากกว่านั้นหลังจากที่หายป่วยแล้ว
ผลการวิจัยของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติในเมืองควิเบกของแคนาดา ระบุว่าคนไข้ 8 คนจากทั้งหมด 43 คน หรือร้อยละ 19 ยังคงมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนและทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้อีกหลังจากที่คนไข้กลุ่มนี้หายป่วยแล้วเป็นเวลา 8 วัน แต่หลังจากผ่านไป 10 วันแล้วไม่พบว่ามีไวรัสอยู่ในร่างกายผู้ป่วยเหล่านี้อีก
ส่วนงานวิจัยอีกชุดหนึ่งจัดทำโดยเดวิด ไล แห่งโรงพยาบาลตันต็อกเซ็งในสิงคโปร์ พบว่าในจำนวนคนไข้ 70 คน จะมีราวร้อยละ 20-30 ที่ยังคงมีไวรัสอยู่ในร่างกายในระดับที่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้หลังจากที่หายป่วยแล้ว 8 วัน และมีอีกสองสามรายที่ไวรัสแพร่กระจายได้ถึง 16 วันหลังหายป่วย การศึกษานี้ระบุด้วยว่าระยะเวลาในการแพร่กระจายจะสั้นลงหากผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัส
"การแพร่กระจายหลังหายป่วยไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองวัน แต่อาจนานถึงราวหนึ่งสัปดาห์" กาสตง เดอ เซอเรส กล่าวในที่ประชุมประจำปีของสมาคมจุลชีววิทยาอเมริกันครั้งที่ 49 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ และว่าขณะนี้กำลังศึกษาเพื่อวัดปริมาณความหนาแน่นของไวรัสในร่างกายคนไข้ในวันที่แปด เพราะข้อมูลดังกล่าวจะสำคัญต่อการควบคุมการแพร่กระจายโรคต่อไป
ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ให้คำแนะนำกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดเอ(เอช1เอ็น1) ที่หายไข้แล้วว่าควรพักผ่อนอีก 1 วันก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปสู่บุคคลอื่น
ทว่า จากผลการวิจัยสองชิ้นที่จัดทำในแคนาดาและในสิงคโปร์ สรุปตรงกันว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ราวร้อยละ 19-30 จะยังแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้อีกถึง 8 วันหรือมากกว่านั้นหลังจากที่หายป่วยแล้ว
ผลการวิจัยของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติในเมืองควิเบกของแคนาดา ระบุว่าคนไข้ 8 คนจากทั้งหมด 43 คน หรือร้อยละ 19 ยังคงมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนและทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้อีกหลังจากที่คนไข้กลุ่มนี้หายป่วยแล้วเป็นเวลา 8 วัน แต่หลังจากผ่านไป 10 วันแล้วไม่พบว่ามีไวรัสอยู่ในร่างกายผู้ป่วยเหล่านี้อีก
ส่วนงานวิจัยอีกชุดหนึ่งจัดทำโดยเดวิด ไล แห่งโรงพยาบาลตันต็อกเซ็งในสิงคโปร์ พบว่าในจำนวนคนไข้ 70 คน จะมีราวร้อยละ 20-30 ที่ยังคงมีไวรัสอยู่ในร่างกายในระดับที่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้หลังจากที่หายป่วยแล้ว 8 วัน และมีอีกสองสามรายที่ไวรัสแพร่กระจายได้ถึง 16 วันหลังหายป่วย การศึกษานี้ระบุด้วยว่าระยะเวลาในการแพร่กระจายจะสั้นลงหากผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัส
"การแพร่กระจายหลังหายป่วยไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองวัน แต่อาจนานถึงราวหนึ่งสัปดาห์" กาสตง เดอ เซอเรส กล่าวในที่ประชุมประจำปีของสมาคมจุลชีววิทยาอเมริกันครั้งที่ 49 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ และว่าขณะนี้กำลังศึกษาเพื่อวัดปริมาณความหนาแน่นของไวรัสในร่างกายคนไข้ในวันที่แปด เพราะข้อมูลดังกล่าวจะสำคัญต่อการควบคุมการแพร่กระจายโรคต่อไป