นางสาวอัมพวัน เจริญกุล ผู้อำนวยการสำนักข่าวแห่งชาติ และโฆษกกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า เดิมสำนักข่าวแห่งชาติ คือสำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นมาประมาณปี 2540 และในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามที่จะผลักดันขึ้นให้เป็นสำนักข่าวแห่งชาติ เทียบเท่าช่อง11 โดยมีหน้าที่และปณิธานในการทำหน้าที่เป็นสื่อของประเทศไทยนำเสนอเนื้อหาและสถานการณ์ของประเทศไทย นโยบายและกิจกรรมของรัฐบาล ไปยังสายตาชาวโลก โดยเนื้อหาที่นำเสนอนั้นจะต้องมีความเป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อคนไทย สร้างความสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อนบ้าน และสำนักข่าวต่างๆสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งนี้มองว่าจะไม่ทำหน้าที่ทับซ้อนกับสำนักข่าวไทย เพราะไม่ได้แสวงหารายได้แบบเอกชน
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวแห่งชาติ ได้รับงบประมาณเร่งด่วนในปี 2552 จำนวน 50 ล้านบาท ในการผลักดันให้เกิดสื่อใหม่ขึ้น โดยสื่อแรกที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน คือ สื่อออนไลน์ กับทีวีออนไลน์ ภายใต้เว็บไซต์ที่ชื่อ http://thainews.prd.go.th ที่ให้บริการข่าวสารทั้งภาคภาษาอังกฤษและภาษาไทย
อีกทั้งยังเปิดเป็นสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ 24ชม. ในรูปแบบทีวีออนไลน์บนเว็บไซด์ดังกล่าวด้วย โดยได้เริ่มมาตั้งแต่ ธ.ค. 2551 ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอ จะเป็นข่าว 50% ประกอบด้วย ข่าวต้นชม. ทุกชม. และข่าวประจำภาค 3ครั้ง คือ ข่าวเช้า เที่ยง และค่ำ นำเสนอประมาณครั้งละ 30 นาที โดยมีแผนที่จะนำเสนอข่าวในพระราชสำนักในช่วงเวลา 20.00 น.ต่อไปด้วย และอีก 50%จะเป็นคอนเท้นน์รายการที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย เช่น ท่องเที่ยว อาหาร ศิลปวัฒนธรรม และพระราชกรณียกิจของพระบาทสำเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรามีทีมงานในส่วนของสื่อออนไลน์ประมาณ 92 คน โดยในจำนวนดังกล่าวมี 55คนที่ดูในส่วนทีวีออนไลน์ ภาคภาษาอังกฤษ โดยมีทั้งแบบพนักงานประจำและเอาท์ซอร์ส ซึ่งทางสำนักข่าวแห่งชาติยังคงเดินหน้าต่อเนื่องทั้งในส่วนการจัดซื้ออุปกรณ์และจัดหาพนักงานให้เพียงพอ โดยปีงบประมาณ2553 ได้งบมา 20ล้านบาท จะนำมาใช้พัฒนาสื่อต่อเนื่อง
งนี้เราสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ โดยมองว่าจะเป็นการหารายได้จากโฆษณา ยึดแนวทางหารยได้ตามแบบช่อง11มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มภาครัฐ โดยปีหน้าหากสามารถหารายได้ที่ 10ล้านบาท ก็น่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่ได้ ซึ่งในส่วนของฐานคนเข้าชมนั้น ปีหน้ายังวางไว้ที่ 1ล้านครั้งต่อเดือน จากปัจจุบันอยู่ที่4แสนครั้งต่อเดือน มีทั้งคนไทย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย และสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าวแห่งชาติ ยังมีแผนที่จะต่อยอดนำคอนเท้นท์จากทีวีออนไลน์ ขึ้นไปไว้ในสื่อเคเบิลทีวีต่อไปด้วย คาดว่าต.ค.นี้จะเริ่มเห็นสื่อเคเบิลเกิดขึ้น เบื้องต้นมีแผนที่จะทำ 2 ช่อง เป็นช่องภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เบื้องต้นน่าจะใช้ชื่อว่า NNT News โดยมีแนวทางที่จะทำหลายวิธี เช่น ขอช่องทีวีดาวเทียมจากกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเดิมมีการเช่าสัญญานทีวีดาวเทียมอยู่แล้วประมาณ 10 ช่อง ออกอากาศในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งตรงนี้กรมประชาสัมพันธ์จ่ายต่อปีประมาณ 300ล้านบาท หรืออีกโมเดล คือ การเชิญผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเข้ามาพูดคุยเพิ่มร่วมกันจัดตั้งช่องดังกล่าว
นอกจากนี้ในปีหน้า สำนักข่าวแห่งชาติยังมีแผนที่จะผลักดันให้เกิดสื่อหนังสือพิมพ์ ของภาครัฐ นำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์หรือนโยบายต่างๆของภาครัฐสื่อสารไปยังหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ ในการนำไปต่อยอดพัฒนาประเทศต่อไป โดยมองว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์แจก รายสัปดาห์ ที่สามารถหาสปอนเซอร์มาลงได้เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้เช่นเดียวกันอีกทั้งยังมีแผนที่จะทำสื่อทีวี ออน โมบาย อีกสื่อด้วยในปีหน้า
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวแห่งชาติ ได้รับงบประมาณเร่งด่วนในปี 2552 จำนวน 50 ล้านบาท ในการผลักดันให้เกิดสื่อใหม่ขึ้น โดยสื่อแรกที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน คือ สื่อออนไลน์ กับทีวีออนไลน์ ภายใต้เว็บไซต์ที่ชื่อ http://thainews.prd.go.th ที่ให้บริการข่าวสารทั้งภาคภาษาอังกฤษและภาษาไทย
อีกทั้งยังเปิดเป็นสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ 24ชม. ในรูปแบบทีวีออนไลน์บนเว็บไซด์ดังกล่าวด้วย โดยได้เริ่มมาตั้งแต่ ธ.ค. 2551 ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอ จะเป็นข่าว 50% ประกอบด้วย ข่าวต้นชม. ทุกชม. และข่าวประจำภาค 3ครั้ง คือ ข่าวเช้า เที่ยง และค่ำ นำเสนอประมาณครั้งละ 30 นาที โดยมีแผนที่จะนำเสนอข่าวในพระราชสำนักในช่วงเวลา 20.00 น.ต่อไปด้วย และอีก 50%จะเป็นคอนเท้นน์รายการที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย เช่น ท่องเที่ยว อาหาร ศิลปวัฒนธรรม และพระราชกรณียกิจของพระบาทสำเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรามีทีมงานในส่วนของสื่อออนไลน์ประมาณ 92 คน โดยในจำนวนดังกล่าวมี 55คนที่ดูในส่วนทีวีออนไลน์ ภาคภาษาอังกฤษ โดยมีทั้งแบบพนักงานประจำและเอาท์ซอร์ส ซึ่งทางสำนักข่าวแห่งชาติยังคงเดินหน้าต่อเนื่องทั้งในส่วนการจัดซื้ออุปกรณ์และจัดหาพนักงานให้เพียงพอ โดยปีงบประมาณ2553 ได้งบมา 20ล้านบาท จะนำมาใช้พัฒนาสื่อต่อเนื่อง
งนี้เราสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ โดยมองว่าจะเป็นการหารายได้จากโฆษณา ยึดแนวทางหารยได้ตามแบบช่อง11มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มภาครัฐ โดยปีหน้าหากสามารถหารายได้ที่ 10ล้านบาท ก็น่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่ได้ ซึ่งในส่วนของฐานคนเข้าชมนั้น ปีหน้ายังวางไว้ที่ 1ล้านครั้งต่อเดือน จากปัจจุบันอยู่ที่4แสนครั้งต่อเดือน มีทั้งคนไทย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย และสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าวแห่งชาติ ยังมีแผนที่จะต่อยอดนำคอนเท้นท์จากทีวีออนไลน์ ขึ้นไปไว้ในสื่อเคเบิลทีวีต่อไปด้วย คาดว่าต.ค.นี้จะเริ่มเห็นสื่อเคเบิลเกิดขึ้น เบื้องต้นมีแผนที่จะทำ 2 ช่อง เป็นช่องภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เบื้องต้นน่าจะใช้ชื่อว่า NNT News โดยมีแนวทางที่จะทำหลายวิธี เช่น ขอช่องทีวีดาวเทียมจากกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเดิมมีการเช่าสัญญานทีวีดาวเทียมอยู่แล้วประมาณ 10 ช่อง ออกอากาศในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งตรงนี้กรมประชาสัมพันธ์จ่ายต่อปีประมาณ 300ล้านบาท หรืออีกโมเดล คือ การเชิญผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเข้ามาพูดคุยเพิ่มร่วมกันจัดตั้งช่องดังกล่าว
นอกจากนี้ในปีหน้า สำนักข่าวแห่งชาติยังมีแผนที่จะผลักดันให้เกิดสื่อหนังสือพิมพ์ ของภาครัฐ นำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์หรือนโยบายต่างๆของภาครัฐสื่อสารไปยังหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ ในการนำไปต่อยอดพัฒนาประเทศต่อไป โดยมองว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์แจก รายสัปดาห์ ที่สามารถหาสปอนเซอร์มาลงได้เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้เช่นเดียวกันอีกทั้งยังมีแผนที่จะทำสื่อทีวี ออน โมบาย อีกสื่อด้วยในปีหน้า