รอยเตอร์/เอเอฟพี – อุซามะห์ บินลาดิน ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ เผยแพร่เทปเสียงวิพากษ์สหรัฐฯ ครั้งล่าสุดทางเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ (14) เตือนประชาชนอเมริกันเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯ ผูกพันใกล้ชิดกับอิสราเอล และบอกอีกว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่แท้จริงแต่อย่างใด โดย “ไร้อำนาจ”ที่จะยุติสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก เพราะทำเนียบขาวยังอยู่ใต้อิทธิพลของพวกกลุ่มกดดันต่างๆ โดยเฉพาะพวกอนุรักษนิยมใหม่
“ถึงเวลาที่พวกคุณจะต้องปลดปล่อยตนเองจากความกลัวและการก่อการร้ายเชิงอุดมการณ์ของพวกอนุรักษนิยมใหม่(Neo-Conservative) และจากการล็อบบี้ของพวกสนับสนุนอิสราเอลเสียที” บิน ลาดินกล่าวในเทปเสียง และว่า “เหตุผลที่เราขัดแย้งกับพวกคุณก็เพราะว่าพวกคุณยังสนับสนุนอิสราเอลในการยึดครองแผ่นดินของเราในปาเลสไตน์”
ข้อความเสียงดังกล่าวใช้ชื่อว่า “แถลงการณ์ถึงประชาชนอเมริกัน” มีความยาว 11 นาที และมีผู้โพสต์ลงในเว็บไซต์ของพวกอิสลามิสต์ ในภายหลังจากวันครบรอบ 8 ปีของเหตุการณ์โจมตีสหรัฐฯ “11 กันยายน 2001” ไม่กี่วัน
บินลาดินกล่าวอีกว่านโยบายของสหรัฐฯ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เพราะโอบามายังคงให้รอเบิร์ต เกตส์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม รวมทั้ง พล.อ.รอเบิร์ต เพเทรอัส ก็ยังคงเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารเขตกลาง (Central aCommand) ของสหรัฐฯ ทำหน้าที่ดำเนินสงครามทั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก
“บุคคลผู้มีเหตุผลทราบดีว่า โอบามานั้นเป็นคนที่ไร้อำนาจซึ่งจะไม่สามารถยุติสงครามลงได้ดังที่เขาสัญญาไว้ แต่จะยังคงดำเนินสงครามต่อไปจนถึงขีดสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้” หัวหน้าของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์บอก
“หากมองสถานการณ์ในประเทศให้ดี พวกคุณจะพบว่าทำเนียบขาวนั้นยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มกดดันต่างๆ ... ดังนั้น แทนที่ (ทำเนียบขาว) จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอิรักตามที่บุชเคยบอก ก็ควรกลับไปปลดปล่อยตนเองจะดีกว่า”
ทว่าพวกนักวิเคราะห์มองว่ากลุ่มอัลกออิดะห์กำลังถูกกดดันจากคนในกลุ่มที่ต้องการโจมตีอิสราเอลให้ได้ หลังจากมีเสียงวิจารณ์จากโลกอาหรับว่าเครือข่ายก่อการร้ายนี้ไม่เคยโจมตีรัฐยิวโดยตรงได้สำเร็จ แถลงการณ์ครั้งนี้จึงเป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งที่จะเบี่ยงเบนข้อวิจารณ์ดังกล่าว
อาลี จาลาลี ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเอเชียใต้และเอเชียกลางแห่งมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า บินลาดินพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากความระส่ำระสายเกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถานในยุโรปและสหรัฐฯให้เป็นประโยชน์
“เขาคิดว่าโลกตะวันตกเบื่อหน่ายสงครามเต็มทีและหากกดดันอีกเล็กน้อยและขู่สำทับอีกหน่อยก็อาจเร่งให้ฝ่ายตนได้เปรียบ” เป็นความเห็นของจาลาลี ผู้เคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของอัฟกานิสถานในระหว่างปี 2003-2005
“พวกเขาต้องการส่งสารถึงพวกก่อการร้ายในอัฟกานิสถานและปากีสถานด้วยว่าอย่าเพิ่งเสียขวัญแม้ว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปอีก และว่าในที่สุดพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะ”
ข้อความในเทปเสียงล่าสุดนี้ อ้างถึงสุนทรพจน์ของโอบามาที่กรุงไคโรเมื่อเดือนมิถุนายนด้วย ซึ่งแสดงว่าการบันทึกเสียงของบินลาดินจะต้องทำหลังจากนั้น และผู้พูดยังพยายามอ้างถึงอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ซึ่งออกมากล่าววิจารณ์เมื่อเดือนมิถุนายนเกี่ยวกับการที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาในช่วงต้นปีนี้ด้วย
บินลาดินยังกล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานเพื่อสนับสนุนรัฐบาลอัฟกันต่อต้านกลุ่มตอลิบัน และสนับสนุนปากีสถานในการสู้รบกับกลุ่มก่อความไม่สงบ
“หากพวกคุณ(ประชาชนอเมริกัน)ยุติสงครามได้ นั่นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้นแล้วเราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดแนวรบทุกๆ แนวรบต่อไป ... และหากพวกคุณเลือกความปลอดภัยและหยุดสงครามเสียอย่างที่มีการสำรวจความเห็นกันในประเทศของพวกคุณ เราก็พร้อมจะสนองตอบกับเรื่องนี้เช่นกัน”
“ถึงเวลาที่พวกคุณจะต้องปลดปล่อยตนเองจากความกลัวและการก่อการร้ายเชิงอุดมการณ์ของพวกอนุรักษนิยมใหม่(Neo-Conservative) และจากการล็อบบี้ของพวกสนับสนุนอิสราเอลเสียที” บิน ลาดินกล่าวในเทปเสียง และว่า “เหตุผลที่เราขัดแย้งกับพวกคุณก็เพราะว่าพวกคุณยังสนับสนุนอิสราเอลในการยึดครองแผ่นดินของเราในปาเลสไตน์”
ข้อความเสียงดังกล่าวใช้ชื่อว่า “แถลงการณ์ถึงประชาชนอเมริกัน” มีความยาว 11 นาที และมีผู้โพสต์ลงในเว็บไซต์ของพวกอิสลามิสต์ ในภายหลังจากวันครบรอบ 8 ปีของเหตุการณ์โจมตีสหรัฐฯ “11 กันยายน 2001” ไม่กี่วัน
บินลาดินกล่าวอีกว่านโยบายของสหรัฐฯ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เพราะโอบามายังคงให้รอเบิร์ต เกตส์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม รวมทั้ง พล.อ.รอเบิร์ต เพเทรอัส ก็ยังคงเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารเขตกลาง (Central aCommand) ของสหรัฐฯ ทำหน้าที่ดำเนินสงครามทั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก
“บุคคลผู้มีเหตุผลทราบดีว่า โอบามานั้นเป็นคนที่ไร้อำนาจซึ่งจะไม่สามารถยุติสงครามลงได้ดังที่เขาสัญญาไว้ แต่จะยังคงดำเนินสงครามต่อไปจนถึงขีดสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้” หัวหน้าของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์บอก
“หากมองสถานการณ์ในประเทศให้ดี พวกคุณจะพบว่าทำเนียบขาวนั้นยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มกดดันต่างๆ ... ดังนั้น แทนที่ (ทำเนียบขาว) จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอิรักตามที่บุชเคยบอก ก็ควรกลับไปปลดปล่อยตนเองจะดีกว่า”
ทว่าพวกนักวิเคราะห์มองว่ากลุ่มอัลกออิดะห์กำลังถูกกดดันจากคนในกลุ่มที่ต้องการโจมตีอิสราเอลให้ได้ หลังจากมีเสียงวิจารณ์จากโลกอาหรับว่าเครือข่ายก่อการร้ายนี้ไม่เคยโจมตีรัฐยิวโดยตรงได้สำเร็จ แถลงการณ์ครั้งนี้จึงเป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งที่จะเบี่ยงเบนข้อวิจารณ์ดังกล่าว
อาลี จาลาลี ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเอเชียใต้และเอเชียกลางแห่งมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า บินลาดินพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากความระส่ำระสายเกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถานในยุโรปและสหรัฐฯให้เป็นประโยชน์
“เขาคิดว่าโลกตะวันตกเบื่อหน่ายสงครามเต็มทีและหากกดดันอีกเล็กน้อยและขู่สำทับอีกหน่อยก็อาจเร่งให้ฝ่ายตนได้เปรียบ” เป็นความเห็นของจาลาลี ผู้เคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของอัฟกานิสถานในระหว่างปี 2003-2005
“พวกเขาต้องการส่งสารถึงพวกก่อการร้ายในอัฟกานิสถานและปากีสถานด้วยว่าอย่าเพิ่งเสียขวัญแม้ว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปอีก และว่าในที่สุดพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะ”
ข้อความในเทปเสียงล่าสุดนี้ อ้างถึงสุนทรพจน์ของโอบามาที่กรุงไคโรเมื่อเดือนมิถุนายนด้วย ซึ่งแสดงว่าการบันทึกเสียงของบินลาดินจะต้องทำหลังจากนั้น และผู้พูดยังพยายามอ้างถึงอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ซึ่งออกมากล่าววิจารณ์เมื่อเดือนมิถุนายนเกี่ยวกับการที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาในช่วงต้นปีนี้ด้วย
บินลาดินยังกล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานเพื่อสนับสนุนรัฐบาลอัฟกันต่อต้านกลุ่มตอลิบัน และสนับสนุนปากีสถานในการสู้รบกับกลุ่มก่อความไม่สงบ
“หากพวกคุณ(ประชาชนอเมริกัน)ยุติสงครามได้ นั่นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้นแล้วเราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดแนวรบทุกๆ แนวรบต่อไป ... และหากพวกคุณเลือกความปลอดภัยและหยุดสงครามเสียอย่างที่มีการสำรวจความเห็นกันในประเทศของพวกคุณ เราก็พร้อมจะสนองตอบกับเรื่องนี้เช่นกัน”
