ASTVผู้จัดการรายวัน – ไวตามิ้ลค์ เดินเกมเซกเมนต์เทชัน อัดฉีดงบกว่า 120 ล้านบาท รีลอนช์ “ไวตามิ้ลค์ พลัส” ขนาด 200 มล. ครั้งแรกในรอบ 10 ปี สลัดคราบกลุ่มแมสทิ้ง หวังแชร์เพิ่มจาก 3% เป็น 5% ในตลาดถั่วเหลืองขนาด 200 มล. ลั่นภาษีน้ำตาล กระทบราคาน้ำตาลพุ่งไม่กระทบกำไร
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาด บริษัทวางกลุ่มนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ให้มีเซกเมนต์เทชั่นหรือเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น โดยทุ่มงบมากกว่า 100 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อรีลอนช์ “ไวตามิ้ลค์ พลัส”ขนาด 200 มล. ครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยปรับสูตรและบรรจุภัณฑ์ใหม่ มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์ ดนตรี กีฬา และนำออกจากตลาด จากเดิมไวตามิ้ลค์ พลัส 200มล. เป็นแมส กลุ่มเป้าหมายอายุ 25-35 ปี
“ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้วางตำแหน่งไวตามิ้ลค์ให้มีความชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เปิดตัวนมถั่วเหลือง ทูโก อิน แบล็ก ขนาด 300 มล. ขึ้นไป เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย ขณะที่ไวตามิ้ลค์ โลว์ซูการ์ เจาะกลุ่มผู้หญิง ส่วนขนาด 250 มล. เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว”
บริษัทใช้งบ 20 ล้านบาท ทำตลาดไวตตามิ้ลค์พลัสส ครบวงจร โดยเฉพาะกิจกรรมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่นำไลฟ์สไตล์มาดำเนินการตลาด นำร่องด้วยการจัดกิจกรรมจับร่วมกับดิจิตอล เกทเวย์ สร้างถนนไวตามิ้ลค์ ฟัน สตรีท ขึ้น ที่ บริเวณทางเชื่อมระหว่างสยามสแควร์ ซอย 3 และ 4
ในระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เป็นเวทีที่คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ และเป็นแหล่งรวมสไตล์ เป็นต้น
นายชนิต กล่าวว่า ตลาดนมถั่วเหลืองขนาด 180-200 มล. มีมูลค่า 856 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% จากตลาดนมถั่วเหลือง 10,500 ล้านบาท เติบโต 27% ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นตลาดที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อเทียบกับขนาด 300 มล. ราคา 13 บาท โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการในตลาดขนาด 200 มล. คือ ดัชมิลค์ และโฟร์โมสต์
จากการทำตลาดไวตามิ้ลค์ พลัส ขนาด 200 มล. คาดว่าจะขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเพิ่มส่วนแบ่งจาก 3% เป็น 5% จากตลาด 856 ล้านบาท และผลักดันรายได้สิ้นปีนี้เติบโต 13% เท่ากับตลาดนมถั่วเหลืองเติบโต 13% ทำให้ไวตามิ้ลค์รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเท่ากับปีที่ผ่านมา 50% แลคตาซอยเพิ่มจาก 35% เป็น 40% โดยชิงส่วนแบ่งจากไฮไฟว์ที่เลิกทำตลาดไป
และดีน่า 10%
ส่วนด้านภาษีน้ำตาล ที่จะส่งผลกระทบให้ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น สำหรับไวตามิ้ลค์มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อกำไรหรือรายได้ที่ลดลง หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา ต้นทุนจากราคาน้ำมัน นมผง และน้ำตาล ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรหายไป 70 ล้านบาท
โดยบริษัทได้บริหารจัดการและวางราคาต้นทุนมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรองรับกับต้นทุนการผลิตที่มีการผันผวนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ด้วยการตั้งราคาต้นทุนไว้สูงสุด
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาด บริษัทวางกลุ่มนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ให้มีเซกเมนต์เทชั่นหรือเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น โดยทุ่มงบมากกว่า 100 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อรีลอนช์ “ไวตามิ้ลค์ พลัส”ขนาด 200 มล. ครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยปรับสูตรและบรรจุภัณฑ์ใหม่ มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์ ดนตรี กีฬา และนำออกจากตลาด จากเดิมไวตามิ้ลค์ พลัส 200มล. เป็นแมส กลุ่มเป้าหมายอายุ 25-35 ปี
“ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้วางตำแหน่งไวตามิ้ลค์ให้มีความชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เปิดตัวนมถั่วเหลือง ทูโก อิน แบล็ก ขนาด 300 มล. ขึ้นไป เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย ขณะที่ไวตามิ้ลค์ โลว์ซูการ์ เจาะกลุ่มผู้หญิง ส่วนขนาด 250 มล. เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว”
บริษัทใช้งบ 20 ล้านบาท ทำตลาดไวตตามิ้ลค์พลัสส ครบวงจร โดยเฉพาะกิจกรรมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่นำไลฟ์สไตล์มาดำเนินการตลาด นำร่องด้วยการจัดกิจกรรมจับร่วมกับดิจิตอล เกทเวย์ สร้างถนนไวตามิ้ลค์ ฟัน สตรีท ขึ้น ที่ บริเวณทางเชื่อมระหว่างสยามสแควร์ ซอย 3 และ 4
ในระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เป็นเวทีที่คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ และเป็นแหล่งรวมสไตล์ เป็นต้น
นายชนิต กล่าวว่า ตลาดนมถั่วเหลืองขนาด 180-200 มล. มีมูลค่า 856 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% จากตลาดนมถั่วเหลือง 10,500 ล้านบาท เติบโต 27% ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นตลาดที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อเทียบกับขนาด 300 มล. ราคา 13 บาท โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการในตลาดขนาด 200 มล. คือ ดัชมิลค์ และโฟร์โมสต์
จากการทำตลาดไวตามิ้ลค์ พลัส ขนาด 200 มล. คาดว่าจะขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเพิ่มส่วนแบ่งจาก 3% เป็น 5% จากตลาด 856 ล้านบาท และผลักดันรายได้สิ้นปีนี้เติบโต 13% เท่ากับตลาดนมถั่วเหลืองเติบโต 13% ทำให้ไวตามิ้ลค์รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเท่ากับปีที่ผ่านมา 50% แลคตาซอยเพิ่มจาก 35% เป็น 40% โดยชิงส่วนแบ่งจากไฮไฟว์ที่เลิกทำตลาดไป
และดีน่า 10%
ส่วนด้านภาษีน้ำตาล ที่จะส่งผลกระทบให้ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น สำหรับไวตามิ้ลค์มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อกำไรหรือรายได้ที่ลดลง หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา ต้นทุนจากราคาน้ำมัน นมผง และน้ำตาล ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรหายไป 70 ล้านบาท
โดยบริษัทได้บริหารจัดการและวางราคาต้นทุนมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรองรับกับต้นทุนการผลิตที่มีการผันผวนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ด้วยการตั้งราคาต้นทุนไว้สูงสุด
