ASTVผู้จัดการรายวัน - มหาดไทยยังยื้อที่ดินอัลไพน์ ไม่เพิกถอนคำอุทธรณ์ "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" แต่ให้ประชาชนมาฟ้องเอง โยนศาลตัดสิน อ้างไม่ว่าจะทำแบบไหน เรื่องก็ไปจบที่ศาลอยู่แล้ว ด้านภูมิใจไทยปล่อยข่าวจี้มาร์คปรับ ครม.เขี่ย "ถาวร" ฐานขุดคุ้ยคดีอัลไพน์ "เทือก" ไม่ห่วงขัดแย้งภูมิใจไทย เฉไฉเป็นฝ่ายค้านนาน ส.ส.ปชป.ลืมว่าเป็นรัฐบาล เลยค้านพวกเดียวกันเอง
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดินร่วมแถลงข่าว ถึงกรณีที่ 25 ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องที่ดินอัลไพน์ ตามมาตรา 157
นายวิชัย กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงนามเพิกถอนการอุทธรณ์ กรณีที่ดินอัลไพน์ในสมัยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย และเห็นว่าเพื่อให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปตามแนวทางแก้ไขปัญหาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอด้วยความรอบคอบ เป็นธรรม จึงให้กรมที่ดินตรวจสอบว่า การดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมที่ดินแปลงดังกล่าวว่า จะมีผู้ได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายจากการเพิกถอนหรือไม่ จำนวนเท่าใด รวมทั้งมูลค่าเสียหายที่ทางราชการต้องชดใช้ และให้รายงานผลการผลการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมให้ประสานกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการโอนที่ธรณีสงฆ์ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
"เรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา ยืนยันว่าผมคงไม่มีการซื้อเวลาใดๆทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ต้องพิจารณาหลายๆด้าน ต้องใช้เวลาในการพิจารณา และคิดว่าไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาสั่งมาเท่านั้น" นายวิชัย กล่าว
ขณะที่นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด เป็นเรื่องของขั้นตอนตามมติกฤษฎีกาให้เพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ จนกระทั่งมายื่นอุทธรณ์จากประชาชน ก็มีการออกคำสั่งยุติการเพิกถอน เหตุเกิดเมื่อปี 2545 ซึ่งใช้อำนาจทางการปกครอง ปี 2539 และเรื่องก็ค้างคามาถึงปัจจุบัน ต่อมา 25 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ ตรวจสอบเรื่องที่ดินอัลไพน์ให้ถูกต้อง และเมื่อกรมที่ดินทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเรื่องนี้ ล่าสุดปลัดกระทรวงมหาดไทย เห็นว่ายังมีข้อมูลบางเรื่องไม่ครบถ้วน จึงส่งคืนกรมที่ดิน ให้รายงานเรื่องมาใหม่ ทางกรมที่ดินได้ทำหนังสือฉบับที่ 3 เมื่อต้นเดือนกันยายน มายังปลัดกระทรวง โดยอ้างอิงข้อเสนอแนะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ทางออกของเรื่องนี้มี 3 แนวทาง คือ
1. การเพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์ แล้วให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์อัลไพน์ 2. ให้สำนักพระพุทธศาสนาเป็นผู้ฟ้องร้องคดี ซึ่งกรมที่ดินจะรอผลของคดี และ3. สำหรับประชาชน หรือผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ปัจจุบัน มีความรู้สึกกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถฟ้องกรมที่ดินได้
"เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ตามแง่กฎหมายมี 3 ฝ่าย คือฝ่ายบ้านเมืองต้องทำหน้าที่ ฝ่ายผู้เป็นเจ้าของเดิมถ้าอยากจะได้สิทธิ์ ก็ต้องฟ้องร้อง และฝ่ายผู้เสียหาย หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ปัจจุบัน ก็อาจจะฟ้องร้องได้ ดังนั้นอยากให้เรื่องมาจบที่ศาลมากกกว่า เพราะว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เรื่องยุติได้เร็ว และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะในที่สุดไม่ว่ากระทรวงจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะต้องมีผู้เสียหายเกิดขึ้น และต้องมีการฟ้องร้องตามมาอยู่แล้ว และก็มาจบที่ศาลเช่นกัน ดังนั้นหากใครคิดว่าเป็นผู้เสียหาย ก็ขอให้ใช้สิทธิ์ทางศาล เพราะตรงนี้น่าจะเป็นข้อยุติที่ประชาชนทั่วไปยอมรับ และเชื่อว่ากระบวนนี้จะใช้เวลาสั้นกว่าให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ด้วยซ้ำ และเรื่องกฎหมายที่เป็นปัญหาคนที่ชี้ขาดต้องเป็นศาลเท่านั้น" นายอนุวัฒน์ กล่าว
**"เทือก" ไม่ห่วงขัดแย้งภูมิใจไทย
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ดินอัลไพน์ ที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ยังคงเดินหน้าให้คืนที่ดินอัลไพน์กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ว่า นายถาวร ก็ทำตามหน้าที่ แต่บังเอิญมีคนไปถามมาก ก็เลยพูดเยอะ ก็เลยทำให้กระทบกันบ้างก็ธรรมดา ถ้าต่างคน ต่างพูดน้อยๆ ก็คงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องธรรมดาของพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
"บังเอิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมานาน เลยลืมไปว่า ตอนนี้เป็นรัฐบาลแล้ว บางทีก็ค้านไปเรื่อย ลืมไปว่าค้านพวกเดียวกันเอง ผมก็คงต้องคุยๆกันในพรรคบ้าง เป็นธรรมดา" นายสุเทพ กล่าว
**เห็นใจ "ถาวร" ต้องทำคดีอัลไพน์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแล้ว และประชาชนสวนใหญ่ ก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอาที่วัดมาจำหน่ายจ่ายแจก และไม่ใช่ว่า นายถาวร เสนเนียม จะอยู่ดีๆ ก็หยิบเรื่องนี้มาพูด มันมีการสืบสวนสอบสวน ว่าเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากนายถาวร ไม่ดำเนินการ ก็อาจจะถูกหาว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ได้ เมื่อคดีทั้งหลายเกิดมาชัดเจนขึ้นในช่วงนี้ รมช.มหาดไทย ก็ต้องทำ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ เพราะการตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี เหมือนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ที่มีสิทธิในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นๆ
"เรื่องความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล เดี๋ยวก็เข้าใจกัน ผมเคยบอกแล้วว่า ในทะเลก็มีคลื่นลม แต่จะเป็นลูกใหญ่ หรือลูกเล็กเท่านั้นเอง แต่พรรคร่วมรัฐบาล นั่งในเรือด้วยกันก็อย่าไปเจาะเรือให้มันล่มก็แล้วกัน ทุกรัฐบาลที่มีพรรคร่วม ก็มักจะระหองระแหง แต่เมื่อถึงเวลาก็พาเรือไปได้ ไม่เหมือนกับรัฐบาลพรรคเดียวที่ลำบากนั่นแหละเผด็จการ ไม่มีใครขัดขวางได้" พล.ต.สนั่นกล่าว
***ภูมิใจไทยจี้ "มาร์ค" เขี่ย "ถาวร"
มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลมีความคลื่อนไหวที่จะเสนอให้มีการปรับครม.ใหม่ หลังจากเกิดปัญหาความไม่ลงรอยของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจากปัญหาการแต่งตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่พอใจอย่างมากที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เล่นเกมโดยการขุดคุ้ยคดีที่ดินอัลไพน์ ขึ้นมาต่อรองกับพรรคภูมิใจไทย จึงทำให้พรรคภูมิใจไทยเตรียมจะนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการเสนอปรับครม. โดยจะเสนอให้มีการปรับในส่วนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ของนายถาวร เสนเนียม เนื่องจากเห็นว่าทำงานไม่เข้าขากับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเป็นตัวตั้งตัวตีขุดคุ้ยที่ดินอัลไพน์ ขึ้นมา
นอกจากนี้ทางพรรคภูมิใจไทยยังเตรียมเสนอให้มีการปรับนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยอ้างว่าที่ผ่านมานายอลงกรณ์มักจะทำงานคนเดียวโดยไม่มีการปรึกษากับรัฐมนตรี ว่าการ ที่สำคัญเป็นอุปสรรคในการแต่งตั้งนายยรรยง พวงลาภ อธิบดีกรมการค้าภายใน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพราะมีข้อมูลบางอย่างอยู่ในมือ ทำให้การดำเนินนโยบายของนางพรทิวาไม่ราบรื่น
"การเสนอปรับครม.ครั้งนี้ทางพรคภูมิ ใจไทยต้องการนำมาเป็นเกมต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแลกกับเสถียรภาพรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี ที่เคย รับปากตอนก่อตั้งรัฐบาลไว้หลายเรื่อง รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้สัญญาร่วมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่นายสุเทพเคยไปตกลงไว้ต้องล่าช้า ดังนั้นจึงเสนอเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อให้บีบให้ยุบสภา หรือไม่ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นนายสุเทพ จำต้องยอมเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลเอาไว้ นอกจากนี้ข้อเสนอการปรับ ครม.ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเร่งให้นายกฯตัดสินใจยุบสภาเร็วขึ้น หลังจากที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 53 จะผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาในเร็วๆ นี้"
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดินร่วมแถลงข่าว ถึงกรณีที่ 25 ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องที่ดินอัลไพน์ ตามมาตรา 157
นายวิชัย กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงนามเพิกถอนการอุทธรณ์ กรณีที่ดินอัลไพน์ในสมัยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย และเห็นว่าเพื่อให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปตามแนวทางแก้ไขปัญหาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอด้วยความรอบคอบ เป็นธรรม จึงให้กรมที่ดินตรวจสอบว่า การดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมที่ดินแปลงดังกล่าวว่า จะมีผู้ได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายจากการเพิกถอนหรือไม่ จำนวนเท่าใด รวมทั้งมูลค่าเสียหายที่ทางราชการต้องชดใช้ และให้รายงานผลการผลการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมให้ประสานกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการโอนที่ธรณีสงฆ์ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
"เรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา ยืนยันว่าผมคงไม่มีการซื้อเวลาใดๆทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ต้องพิจารณาหลายๆด้าน ต้องใช้เวลาในการพิจารณา และคิดว่าไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาสั่งมาเท่านั้น" นายวิชัย กล่าว
ขณะที่นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด เป็นเรื่องของขั้นตอนตามมติกฤษฎีกาให้เพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ จนกระทั่งมายื่นอุทธรณ์จากประชาชน ก็มีการออกคำสั่งยุติการเพิกถอน เหตุเกิดเมื่อปี 2545 ซึ่งใช้อำนาจทางการปกครอง ปี 2539 และเรื่องก็ค้างคามาถึงปัจจุบัน ต่อมา 25 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ ตรวจสอบเรื่องที่ดินอัลไพน์ให้ถูกต้อง และเมื่อกรมที่ดินทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเรื่องนี้ ล่าสุดปลัดกระทรวงมหาดไทย เห็นว่ายังมีข้อมูลบางเรื่องไม่ครบถ้วน จึงส่งคืนกรมที่ดิน ให้รายงานเรื่องมาใหม่ ทางกรมที่ดินได้ทำหนังสือฉบับที่ 3 เมื่อต้นเดือนกันยายน มายังปลัดกระทรวง โดยอ้างอิงข้อเสนอแนะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ทางออกของเรื่องนี้มี 3 แนวทาง คือ
1. การเพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์ แล้วให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์อัลไพน์ 2. ให้สำนักพระพุทธศาสนาเป็นผู้ฟ้องร้องคดี ซึ่งกรมที่ดินจะรอผลของคดี และ3. สำหรับประชาชน หรือผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ปัจจุบัน มีความรู้สึกกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถฟ้องกรมที่ดินได้
"เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ตามแง่กฎหมายมี 3 ฝ่าย คือฝ่ายบ้านเมืองต้องทำหน้าที่ ฝ่ายผู้เป็นเจ้าของเดิมถ้าอยากจะได้สิทธิ์ ก็ต้องฟ้องร้อง และฝ่ายผู้เสียหาย หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ปัจจุบัน ก็อาจจะฟ้องร้องได้ ดังนั้นอยากให้เรื่องมาจบที่ศาลมากกกว่า เพราะว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เรื่องยุติได้เร็ว และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะในที่สุดไม่ว่ากระทรวงจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะต้องมีผู้เสียหายเกิดขึ้น และต้องมีการฟ้องร้องตามมาอยู่แล้ว และก็มาจบที่ศาลเช่นกัน ดังนั้นหากใครคิดว่าเป็นผู้เสียหาย ก็ขอให้ใช้สิทธิ์ทางศาล เพราะตรงนี้น่าจะเป็นข้อยุติที่ประชาชนทั่วไปยอมรับ และเชื่อว่ากระบวนนี้จะใช้เวลาสั้นกว่าให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ด้วยซ้ำ และเรื่องกฎหมายที่เป็นปัญหาคนที่ชี้ขาดต้องเป็นศาลเท่านั้น" นายอนุวัฒน์ กล่าว
**"เทือก" ไม่ห่วงขัดแย้งภูมิใจไทย
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ดินอัลไพน์ ที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ยังคงเดินหน้าให้คืนที่ดินอัลไพน์กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ว่า นายถาวร ก็ทำตามหน้าที่ แต่บังเอิญมีคนไปถามมาก ก็เลยพูดเยอะ ก็เลยทำให้กระทบกันบ้างก็ธรรมดา ถ้าต่างคน ต่างพูดน้อยๆ ก็คงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องธรรมดาของพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
"บังเอิญพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมานาน เลยลืมไปว่า ตอนนี้เป็นรัฐบาลแล้ว บางทีก็ค้านไปเรื่อย ลืมไปว่าค้านพวกเดียวกันเอง ผมก็คงต้องคุยๆกันในพรรคบ้าง เป็นธรรมดา" นายสุเทพ กล่าว
**เห็นใจ "ถาวร" ต้องทำคดีอัลไพน์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแล้ว และประชาชนสวนใหญ่ ก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอาที่วัดมาจำหน่ายจ่ายแจก และไม่ใช่ว่า นายถาวร เสนเนียม จะอยู่ดีๆ ก็หยิบเรื่องนี้มาพูด มันมีการสืบสวนสอบสวน ว่าเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากนายถาวร ไม่ดำเนินการ ก็อาจจะถูกหาว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ได้ เมื่อคดีทั้งหลายเกิดมาชัดเจนขึ้นในช่วงนี้ รมช.มหาดไทย ก็ต้องทำ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ เพราะการตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี เหมือนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ที่มีสิทธิในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นๆ
"เรื่องความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล เดี๋ยวก็เข้าใจกัน ผมเคยบอกแล้วว่า ในทะเลก็มีคลื่นลม แต่จะเป็นลูกใหญ่ หรือลูกเล็กเท่านั้นเอง แต่พรรคร่วมรัฐบาล นั่งในเรือด้วยกันก็อย่าไปเจาะเรือให้มันล่มก็แล้วกัน ทุกรัฐบาลที่มีพรรคร่วม ก็มักจะระหองระแหง แต่เมื่อถึงเวลาก็พาเรือไปได้ ไม่เหมือนกับรัฐบาลพรรคเดียวที่ลำบากนั่นแหละเผด็จการ ไม่มีใครขัดขวางได้" พล.ต.สนั่นกล่าว
***ภูมิใจไทยจี้ "มาร์ค" เขี่ย "ถาวร"
มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลมีความคลื่อนไหวที่จะเสนอให้มีการปรับครม.ใหม่ หลังจากเกิดปัญหาความไม่ลงรอยของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจากปัญหาการแต่งตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่พอใจอย่างมากที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เล่นเกมโดยการขุดคุ้ยคดีที่ดินอัลไพน์ ขึ้นมาต่อรองกับพรรคภูมิใจไทย จึงทำให้พรรคภูมิใจไทยเตรียมจะนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในการเสนอปรับครม. โดยจะเสนอให้มีการปรับในส่วนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ของนายถาวร เสนเนียม เนื่องจากเห็นว่าทำงานไม่เข้าขากับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเป็นตัวตั้งตัวตีขุดคุ้ยที่ดินอัลไพน์ ขึ้นมา
นอกจากนี้ทางพรรคภูมิใจไทยยังเตรียมเสนอให้มีการปรับนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยอ้างว่าที่ผ่านมานายอลงกรณ์มักจะทำงานคนเดียวโดยไม่มีการปรึกษากับรัฐมนตรี ว่าการ ที่สำคัญเป็นอุปสรรคในการแต่งตั้งนายยรรยง พวงลาภ อธิบดีกรมการค้าภายใน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพราะมีข้อมูลบางอย่างอยู่ในมือ ทำให้การดำเนินนโยบายของนางพรทิวาไม่ราบรื่น
"การเสนอปรับครม.ครั้งนี้ทางพรคภูมิ ใจไทยต้องการนำมาเป็นเกมต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแลกกับเสถียรภาพรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี ที่เคย รับปากตอนก่อตั้งรัฐบาลไว้หลายเรื่อง รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้สัญญาร่วมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่นายสุเทพเคยไปตกลงไว้ต้องล่าช้า ดังนั้นจึงเสนอเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อให้บีบให้ยุบสภา หรือไม่ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นนายสุเทพ จำต้องยอมเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลเอาไว้ นอกจากนี้ข้อเสนอการปรับ ครม.ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเร่งให้นายกฯตัดสินใจยุบสภาเร็วขึ้น หลังจากที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 53 จะผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาในเร็วๆ นี้"