ปชป. ถอนหงอก "เสนาะ" ย้อนถามใครกันแน่มีพฤติกรรมเลวทราม ซัดเป็นนักการเมืองไร้หลักการ อยู่ ทรท.ก็โจมตี "ทักษิณ"จนต้องหนีมาตั้งพรรคเล็กๆ แต่พอไม่มีที่ไปก็จะหวงกลับไปซบตัก "ทักษิณ"อีก ยันที่ดินอัลไพน์ทำตาม กม.ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ถ้าไม่ดำเนินการก็จะถูกเล่นงานฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ จวก พท.ปากกล้าขาสั่น ยุให้ยุบสภาทั้งที่ตัวเองยังเป็นพรรคหัวขาด
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคกล่าวกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งพัวพันอยู่กับปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ให้สัมภาษณ์พาดพิงมายังพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพรรคที่เลวทราม ไม่รู้ว่าเอาคนเลวมาอยู่พรรคนี้ได้อย่างไร มีแต่หาเรื่องพรรคอื่นนั้น ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นพรรคที่เลวทรามตามที่นายเสนาะกล่าวหา หากเป็นพรรคที่เลวทรามจริง ตามที่นายเสนาะกล่าว ก็คงไม่ยืนยาวมาได้ถึง 63 ปี และคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนดี แม้แต่คนบางคนออกจากประชาธิปัตย์ไปแล้วหลายคนก็ยังไปประสบความสำเร็จในหลายด้าน
"อยากถามว่า นักการเมืองแบบนายเสนาะซึ่งได้เปลี่ยนพรรคมาแล้ว หลายพรรค ไม่ทราบว่าพรรคที่นายเสนาะสังกัดเป็นพรรคที่เลวทราม หรือตัวเสนคุณเสนาะเป็นคนเลวทรามกันแน่ ถึงได้ย้ายพรรคมาอยู่พรรคเล็ก ๆ อย่างนี้ ความจริงคำพูดแบบนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากของนักการเมืองอาวุโสอย่างคุณเสนาะ แต่ก็เชื่อว่า คำพูดของคุณเสนาะก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าคุณเสนาะเป็นคนที่ไม่มีหลักการเหมือนไม้หลักปักขี้เลน วันที่อยู่กับพรรคไทยรักไทยก็ออกมาโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนออกจากพรรคไทยรักไทยมาตั้งพรรคเล็กอย่างประชาราช จนไม่มีที่ไป แล้วก็คิดจะหวนกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยอีก ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อตัวเองจะเข้าไปอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่" นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนที่นายเสนาะบอกว่าไม่อยากจะถามพวก เกี่ยวกุ๊ยนั้น จริงๆ แล้ว นายเสนาะน่าจะเป็นคนฉาวฉุ่ยมากกว่าที่ออกมาสัมภาษณ์ในลักษณะให้ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ข้อกล่าวหาที่นายเสนาะบอกว่าเพียงแต่ได้ข่าวว่า ไปอยู่เพื่อไทย ก็ตามมาเล่นงานในกรณีเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น ขอชี้แจงว่า ความจริงเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำตามกฎหมาย ซึ่งยังต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คดีความยังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ดินหลวงจะนำเป็นของเอกชนไปไม่ได้เหมือนกับทรัพย์สินที่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายถ้ารัฐบาล ไม่ทำตามกฎหมายก็จะมีความผิดในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือเพื่อกระทบชิ่งไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่นายเสนาะกล่าวหา
ส่วนการบอกว่าที่รัฐบาลหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อกลบข่าวเรื่องคลิปเสียงนั้น นายเทพไท กล่าวว่าตนก็อยากจะชี้แจงว่า เรื่องคลิปเสียงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตตรี ได้ชี้อย่างชัดเจนแล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องมากลบข่าวเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้คนที่ได้รับความเสียหายนั้นน่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยมากกว่าที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองทั้ง ๆ ที่สังคมไม่เชื่อถือ
สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีไม่ตั้งธงแก้รัฐธรรมนูญนั้น นายเทพไท ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจอยู่แล้ว และเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องการให้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจึงมีแนวคิดที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภา โดยจะเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุน ส่วนเรื่อง 6 ประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่นำเสนอนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งและเป็นความเห็นหนึ่งที่คณะกรรมการฯ ชี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อสรุปทั้งหมด ส่วนข้อสรุปทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นข้อสรุปที่มาจากความเห็นของทุกภาคส่วนมากกว่า
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาท้าทายว่าตัวเองพร้อมที่จะลงเลือกตั้งถ้าหากมีการ ยุบสภานั้น นายเทพไทกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรรีบเร่งให้มีการยุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่พร้อมรับสถานการณ์การเลือกตั้ง
"อยากจะบอกกับพรรคเพื่อไทยว่า ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งให้มีการเลือกตั้งขอให้ เตรียมพร้อมในพรรคตัวเองเสียก่อน ไม่ไช่เป็นพรรคการเมืองผีหัวขาด เหมือนปัจจุบันนี้ ให้หาหัวหน้าพรรคเพื่อจะนำทัพเลือกตั้งให้ได้เสียก่อน ถึงจะมาท้าทายให้มีการ ยุบสภา ไม่อยากจะให้พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมที่ต้องบอกว่า ปากกล้า ขาสั่น ท้าทาย ให้มีการยุบสภา ทั้ง ๆที่ตัวเองไม่มีความพร้อม ไม่อยากจะให้ทำในลักษณะใจดีสู้เสือ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องเรียกหาการยุบสภาซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบ"
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคกล่าวกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งพัวพันอยู่กับปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ให้สัมภาษณ์พาดพิงมายังพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพรรคที่เลวทราม ไม่รู้ว่าเอาคนเลวมาอยู่พรรคนี้ได้อย่างไร มีแต่หาเรื่องพรรคอื่นนั้น ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นพรรคที่เลวทรามตามที่นายเสนาะกล่าวหา หากเป็นพรรคที่เลวทรามจริง ตามที่นายเสนาะกล่าว ก็คงไม่ยืนยาวมาได้ถึง 63 ปี และคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนดี แม้แต่คนบางคนออกจากประชาธิปัตย์ไปแล้วหลายคนก็ยังไปประสบความสำเร็จในหลายด้าน
"อยากถามว่า นักการเมืองแบบนายเสนาะซึ่งได้เปลี่ยนพรรคมาแล้ว หลายพรรค ไม่ทราบว่าพรรคที่นายเสนาะสังกัดเป็นพรรคที่เลวทราม หรือตัวเสนคุณเสนาะเป็นคนเลวทรามกันแน่ ถึงได้ย้ายพรรคมาอยู่พรรคเล็ก ๆ อย่างนี้ ความจริงคำพูดแบบนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากของนักการเมืองอาวุโสอย่างคุณเสนาะ แต่ก็เชื่อว่า คำพูดของคุณเสนาะก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าคุณเสนาะเป็นคนที่ไม่มีหลักการเหมือนไม้หลักปักขี้เลน วันที่อยู่กับพรรคไทยรักไทยก็ออกมาโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนออกจากพรรคไทยรักไทยมาตั้งพรรคเล็กอย่างประชาราช จนไม่มีที่ไป แล้วก็คิดจะหวนกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยอีก ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อตัวเองจะเข้าไปอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่" นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนที่นายเสนาะบอกว่าไม่อยากจะถามพวก เกี่ยวกุ๊ยนั้น จริงๆ แล้ว นายเสนาะน่าจะเป็นคนฉาวฉุ่ยมากกว่าที่ออกมาสัมภาษณ์ในลักษณะให้ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ข้อกล่าวหาที่นายเสนาะบอกว่าเพียงแต่ได้ข่าวว่า ไปอยู่เพื่อไทย ก็ตามมาเล่นงานในกรณีเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น ขอชี้แจงว่า ความจริงเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำตามกฎหมาย ซึ่งยังต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คดีความยังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย ที่ธรณีสงฆ์หรือที่ดินหลวงจะนำเป็นของเอกชนไปไม่ได้เหมือนกับทรัพย์สินที่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายถ้ารัฐบาล ไม่ทำตามกฎหมายก็จะมีความผิดในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือเพื่อกระทบชิ่งไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่นายเสนาะกล่าวหา
ส่วนการบอกว่าที่รัฐบาลหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อกลบข่าวเรื่องคลิปเสียงนั้น นายเทพไท กล่าวว่าตนก็อยากจะชี้แจงว่า เรื่องคลิปเสียงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตตรี ได้ชี้อย่างชัดเจนแล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องมากลบข่าวเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้คนที่ได้รับความเสียหายนั้นน่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยมากกว่าที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองทั้ง ๆ ที่สังคมไม่เชื่อถือ
สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีไม่ตั้งธงแก้รัฐธรรมนูญนั้น นายเทพไท ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจอยู่แล้ว และเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องการให้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจึงมีแนวคิดที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภา โดยจะเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุน ส่วนเรื่อง 6 ประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่นำเสนอนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งและเป็นความเห็นหนึ่งที่คณะกรรมการฯ ชี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อสรุปทั้งหมด ส่วนข้อสรุปทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นข้อสรุปที่มาจากความเห็นของทุกภาคส่วนมากกว่า
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาท้าทายว่าตัวเองพร้อมที่จะลงเลือกตั้งถ้าหากมีการ ยุบสภานั้น นายเทพไทกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรรีบเร่งให้มีการยุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่พร้อมรับสถานการณ์การเลือกตั้ง
"อยากจะบอกกับพรรคเพื่อไทยว่า ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งให้มีการเลือกตั้งขอให้ เตรียมพร้อมในพรรคตัวเองเสียก่อน ไม่ไช่เป็นพรรคการเมืองผีหัวขาด เหมือนปัจจุบันนี้ ให้หาหัวหน้าพรรคเพื่อจะนำทัพเลือกตั้งให้ได้เสียก่อน ถึงจะมาท้าทายให้มีการ ยุบสภา ไม่อยากจะให้พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมที่ต้องบอกว่า ปากกล้า ขาสั่น ท้าทาย ให้มีการยุบสภา ทั้ง ๆที่ตัวเองไม่มีความพร้อม ไม่อยากจะให้ทำในลักษณะใจดีสู้เสือ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องเรียกหาการยุบสภาซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบ"
