เอเอฟพี – เกาหลีเหนือระบุในวันศุกร์ (4) ว่า ขณะนี้ตนเองเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมได้จนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว อันจะเป็นหนทางที่สองที่ตนจะใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ หลังจากทำ “นุก” ด้วยแร่พลูโตเนียมได้สำเร็จมาแล้ว นอกจากนั้นทางการเปียงยางยังสำทับว่ากำลังสกัดแร่พลูโตเนียมเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้นับเป็นการท้าทายสหประชาชาติอย่างแรง หลังจากที่ยูเอ็นออกมาตรการลงโทษอย่างเข้มข้นเมื่อโสมแดงทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำนักข่าวของทางการโสมแดงรายงาน โดยอ้างหนังสือของผู้แทนถาวรเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติที่ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ซึ่งระบุว่า “การทดลองเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ประสบความสำเร็จอย่างดี และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์”
นอกจากนั้น หนังสือฉบับนี้บอกอีกว่า “กระบวนการเพิ่มสมรรถนะแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว ก็กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย และกำลังสกัดเอาพลูโตเนียมมาเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ด้วย”
ในรายงานข่าวนี้พูดด้วยว่า เกาหลีเหนือเตรียมพร้อมที่จะรับมือ “ทั้งการเจรจาและมาตรการลงโทษ”
พวกนักวิเคราะห์บางรายเห็นว่าการอ้างเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายที่จะกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เปิดการเจรจาโดยตรงกับตน
หลายๆ ปีที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ มาตลอด ว่าไม่ได้มีโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ยอมรับว่าได้สกัดแร่พลูโตเนียมเป็นเชื้อเพลิงทำอาวุธนิวเคลียร์ที่ได้นำออกมาทดลองแล้วสองครั้ง
แต่หลังจากที่สหประชาชาติประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรอันเข้มข้นในวันที่ 13 มิถุนายน ทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจและประกาศว่าจะเริ่มโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อีกทั้งจะสกัดพลูโตเนียมเพิ่มขึ้นจากแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมืองยองเบียนด้วย
ภายหลังการแถลงล่าสุดของฝ่ายเกาเหลีเหนือ เมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้กล่าวประณามการกระทำของโสมแดงว่า “เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” และจะตอบโต้การคุกคามและการยั่วยุของเกาหลีเหนืออย่างสาสม
พวกผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือมีพลูโตเนียมมากพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 6-8 ลูก แต่การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอย่างสมบูรณ์ยังไม่น่าจะเป็นจริงได้ในเร็ววัน นอกเสียจากว่าเกาหลีเหนือแอบทำโครงการดังกล่าวมาระยะหนึ่งโดยรอดพ้นสายตาของดาวเทียมสอดแนมไปได้
คิมเยียนชุล แห่งสถาบันวิจัยสันติภาพฮันโคเรห์ บอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของเกาหลีเหนือ เขาคิดว่า “เกาหลีเหนือต้องการเตือนสหรัฐฯ ว่าจะผลักดันโครงการนิวเคลียร์ต่อไปหากยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเจรจากัน”
ขณะเดียวกัน สตีเฟน บอสเวิร์ธ เอกอัครราชทูตพิเศษของสหรัฐฯดูแลเรื่องเกาหลีเหนือ กล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า “เราพร้อมที่จะให้มีการเจรจาแบบทวีภาคีด้วย แต่จะต้องอยู่ในกรอบการดำเนินการของการเจรจาหกฝ่าย และเป็นการผลักดันให้มีการฟื้นการเจรจาหกฝ่ายรอบใหม่ขึ้น”
บอสเวิร์ธมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงโซลในวันศุกร์และจะเดินทางไปกรุงโตเกียวเพื่อหนหนทางเปิดการเจรจาหกฝ่ายอีกครั้ง
สำนักข่าวของทางการโสมแดงรายงาน โดยอ้างหนังสือของผู้แทนถาวรเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติที่ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ซึ่งระบุว่า “การทดลองเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ประสบความสำเร็จอย่างดี และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์”
นอกจากนั้น หนังสือฉบับนี้บอกอีกว่า “กระบวนการเพิ่มสมรรถนะแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว ก็กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย และกำลังสกัดเอาพลูโตเนียมมาเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ด้วย”
ในรายงานข่าวนี้พูดด้วยว่า เกาหลีเหนือเตรียมพร้อมที่จะรับมือ “ทั้งการเจรจาและมาตรการลงโทษ”
พวกนักวิเคราะห์บางรายเห็นว่าการอ้างเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายที่จะกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เปิดการเจรจาโดยตรงกับตน
หลายๆ ปีที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ มาตลอด ว่าไม่ได้มีโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ยอมรับว่าได้สกัดแร่พลูโตเนียมเป็นเชื้อเพลิงทำอาวุธนิวเคลียร์ที่ได้นำออกมาทดลองแล้วสองครั้ง
แต่หลังจากที่สหประชาชาติประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรอันเข้มข้นในวันที่ 13 มิถุนายน ทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจและประกาศว่าจะเริ่มโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อีกทั้งจะสกัดพลูโตเนียมเพิ่มขึ้นจากแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมืองยองเบียนด้วย
ภายหลังการแถลงล่าสุดของฝ่ายเกาเหลีเหนือ เมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้กล่าวประณามการกระทำของโสมแดงว่า “เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” และจะตอบโต้การคุกคามและการยั่วยุของเกาหลีเหนืออย่างสาสม
พวกผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือมีพลูโตเนียมมากพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 6-8 ลูก แต่การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอย่างสมบูรณ์ยังไม่น่าจะเป็นจริงได้ในเร็ววัน นอกเสียจากว่าเกาหลีเหนือแอบทำโครงการดังกล่าวมาระยะหนึ่งโดยรอดพ้นสายตาของดาวเทียมสอดแนมไปได้
คิมเยียนชุล แห่งสถาบันวิจัยสันติภาพฮันโคเรห์ บอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของเกาหลีเหนือ เขาคิดว่า “เกาหลีเหนือต้องการเตือนสหรัฐฯ ว่าจะผลักดันโครงการนิวเคลียร์ต่อไปหากยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเจรจากัน”
ขณะเดียวกัน สตีเฟน บอสเวิร์ธ เอกอัครราชทูตพิเศษของสหรัฐฯดูแลเรื่องเกาหลีเหนือ กล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า “เราพร้อมที่จะให้มีการเจรจาแบบทวีภาคีด้วย แต่จะต้องอยู่ในกรอบการดำเนินการของการเจรจาหกฝ่าย และเป็นการผลักดันให้มีการฟื้นการเจรจาหกฝ่ายรอบใหม่ขึ้น”
บอสเวิร์ธมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงโซลในวันศุกร์และจะเดินทางไปกรุงโตเกียวเพื่อหนหนทางเปิดการเจรจาหกฝ่ายอีกครั้ง