ASTVผู้จัดการรายวัน - อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เล็งสร้างคลังสินค้าที่คู้บอน รองรับการขยายงานและขยายธุรกิจขายส่งในอินโดจีนเพิ่ม คาดผลงานครึ่งปีหลังสดใส เหตุรับรู้รายได้จากงานในมือ เผยรอผลประมูลงาน ก.ย. นี้ประเมินได้งานสูงกว่า 300 ล้านบาท เตรียมยื่นประมูลงานโครงการมูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท ชี้ปีนี้ผลงานเข้าเป้า 1.2 พันล้านบาท
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ILINK) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าซึ่งอยู่ในพื้นที่คู้บอน โดยมีพื้นที่กว่า 5 ไร่ เพื่อรองรับธุรกิจจัดจำหน่ายและวิศวกรรมวางระบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเนื่องจากบริษัทฯ ไม่ต้องการลงทุนโครงการขนาดใหญ่และใช้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก เพราะมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมปีหน้าจะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และยังมีแผนจะขยายสาขาธุรกิจจัดจำหน่ายในต่างจังหวัดเพิ่มหลังพบแนวโน้มเติบโตดี
" ยอมรับว่าการลงทุนช่วงนี้คงต้องเข้มงวดและไม่ลงทุนก้อนโต เนื่องจากเศรษฐกิจปีหน้ายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแวร์เฮ้าส์เพื่อรองรับกับความต้องการที่มากขึ้นทั้งใน 2 ธุรกิจ ซึ่งหากพบว่าปริมาณความต้องการมีสูง ก็ทำแค่ปูพื้นเพื่อวางของก่อน เพื่อประคอง cash flow " นายสมบัติกล่าว
โดยคาดรายได้ไตรมาส 3 และ 4 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 2 เนื่องจาก backlog ที่บริษัทจะทยอยรับรู้ 160 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่างานที่ยื่นประมูลจะประกาศออกมา ก.ย.นี้จะได้รับงานมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และบริษัทยังมีโครงการที่รอประกวดราคารวมมูลค่างาน 6,138 ล้านบาท โดยจะทยอยรู้และรับงานได้ปีนี้และปีหน้า ส่งผลให้งานในมือ ( backlog ) ของบริษัทมีสม่ำเสมอ
นายสมบัติกล่าวว่าการที่บริษัทมองว่าจะเติบโตต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้า เนื่องจากพบว่าจากการสำรวจมูลค่าการตลาดที่เกี่ยวเนื่องไม่ว่าจะเป็นงานธุรกิจด้านสื่อสารที่มีมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท ธุรกิจดาต้าคอมมีมูลค่า 6.7 หมื่นล้านบาท และ Wireline 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลดีต่อธุรกิจ ทำให้บริษัทคาดว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ 1.2 พันล้านบาท ขณะปีก่อนมีรายได้ 1,088 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 666 ล้านบาท ด้านกำไรก็มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาที่ระดับ 110 ล้านบาท และครึ่งแรกทำแล้ว 61.32 ล้านบาท
โดยส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายถือว่าจะเป็นตัวสร้างรายได้ให้บริษัทครึ่งปีหลัง โดยจะมียอดขายต่อเดือนมากกว่า 60 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจขายส่งไปยังแถบอินโดจีนมากขึ้นจากปัจจุบันมีเพียง เวียดนามและลาว ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจจัดจำหน่าย 58.75% และวิศวกรรม 41.25%
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ILINK) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าซึ่งอยู่ในพื้นที่คู้บอน โดยมีพื้นที่กว่า 5 ไร่ เพื่อรองรับธุรกิจจัดจำหน่ายและวิศวกรรมวางระบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเนื่องจากบริษัทฯ ไม่ต้องการลงทุนโครงการขนาดใหญ่และใช้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก เพราะมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมปีหน้าจะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และยังมีแผนจะขยายสาขาธุรกิจจัดจำหน่ายในต่างจังหวัดเพิ่มหลังพบแนวโน้มเติบโตดี
" ยอมรับว่าการลงทุนช่วงนี้คงต้องเข้มงวดและไม่ลงทุนก้อนโต เนื่องจากเศรษฐกิจปีหน้ายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแวร์เฮ้าส์เพื่อรองรับกับความต้องการที่มากขึ้นทั้งใน 2 ธุรกิจ ซึ่งหากพบว่าปริมาณความต้องการมีสูง ก็ทำแค่ปูพื้นเพื่อวางของก่อน เพื่อประคอง cash flow " นายสมบัติกล่าว
โดยคาดรายได้ไตรมาส 3 และ 4 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 2 เนื่องจาก backlog ที่บริษัทจะทยอยรับรู้ 160 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่างานที่ยื่นประมูลจะประกาศออกมา ก.ย.นี้จะได้รับงานมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และบริษัทยังมีโครงการที่รอประกวดราคารวมมูลค่างาน 6,138 ล้านบาท โดยจะทยอยรู้และรับงานได้ปีนี้และปีหน้า ส่งผลให้งานในมือ ( backlog ) ของบริษัทมีสม่ำเสมอ
นายสมบัติกล่าวว่าการที่บริษัทมองว่าจะเติบโตต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้า เนื่องจากพบว่าจากการสำรวจมูลค่าการตลาดที่เกี่ยวเนื่องไม่ว่าจะเป็นงานธุรกิจด้านสื่อสารที่มีมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท ธุรกิจดาต้าคอมมีมูลค่า 6.7 หมื่นล้านบาท และ Wireline 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลดีต่อธุรกิจ ทำให้บริษัทคาดว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ 1.2 พันล้านบาท ขณะปีก่อนมีรายได้ 1,088 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 666 ล้านบาท ด้านกำไรก็มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาที่ระดับ 110 ล้านบาท และครึ่งแรกทำแล้ว 61.32 ล้านบาท
โดยส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายถือว่าจะเป็นตัวสร้างรายได้ให้บริษัทครึ่งปีหลัง โดยจะมียอดขายต่อเดือนมากกว่า 60 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจขายส่งไปยังแถบอินโดจีนมากขึ้นจากปัจจุบันมีเพียง เวียดนามและลาว ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจจัดจำหน่าย 58.75% และวิศวกรรม 41.25%