ASTVผู้จัดการรายวัน - "สันติบาล" ยอมรับพบเว็บไซต์ใดกระทำเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนใหญ่พวกเครือข่ายเดิมที่มากระทำผิดซ้ำ เฉลี่ยแต่ละเดือน 1,000 URL ยันเร่งตรวจสอบหาต้นตอลากคอมาดำเนินคดี
วานนี้ (27 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงกรณีมีการกระทำเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ผ่านทางเว็บไซต์ ว่า ตร.ก็มีการหารือเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประชุมทุกเดือน เดือนละ 1-2 ครั้ง ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ โดยจากการตรวจสอบพบว่ายังมีการกระทำเข้าข่ายหมิ่นทางเว็บไซต์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มเดิมๆ เฉลี่ยแต่ละเดือนจะพบมีการกระทำผิดประมาณ 1,000 URL คือ กรณีโพสต์ข้อความ 1 ครั้ง เว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง กระทู้ใดกระทู้ 1 ก็ถือเป็น 1 URL ทำผิด 1 ครั้ง เท่าที่ตรวจสอบก็มักเป็นข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกันพบในหลายเว็บไซต์ หลาย URL อย่างไรก็ตาม สันติบาลกำลังตรวจสอบสืบสวนหาต้นตอที่มาเพื่อดำเนินคดี
“การตรวจสอบ จับกุมทำได้ไม่ง่าย บางกลุ่มใช้เซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ บางกลุ่มกระทรวงไอซีทีก็ตรวจสอบบล๊อกเอาไว้จำนวนมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ตำรวจดำเนินคดี และตรวจสอบป้องกันต่อเนื่อง” ผบช.ส.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นเรศ เทียนกริม รองผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (รอง ผบช.สทส.) เปิดเผยถึงกรณีการกระทำผิดเผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงผ่านเว็บไซต์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญในกรณีเช่นนี้มากเป็นพิเศษอยู่แล้ว โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมาหากษัตริย์ ที่มี พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เป็นประธาน ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีตัวแทนจากทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุมวางแผนงานปราบปราบกันอย่างต่อเนื่อง เช่น ตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ส.) กองปราบปราม และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.)
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะทำหน้าที่รวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับเว็บที่ทำผิดจาบจ้วง หมิ่นเหม่สถาบัน เสนอให้ที่ประชุมดังกล่าวพิจารณากลั่นกรอง เพื่อมอบให้หน่วยงานที่ดูแลในการจับกุม เข้าตรวจสอบดำเนินคดีต่อเว็บที่ทำผิดกฎหมาย พร้อมทั้งประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สกัดกั้นปิดเว็บที่ทำผิดกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือกับเว็บมาสเตอร์ที่มีความชำนาญด้านไอทีโดยเฉพาะมาร่วมงานตรวจสอบกลุ่มขบวนการที่ชอบโพสต์หมิ่นเบื้องสูงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจะเจอปัญหาเว็บหมิ่นสถาบันเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศ ส่วนที่อยู่ในประเทศไทยเราได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนไปแล้ว
“สทส.ตรวจพบเว็บเข้าข่ายหมิ่นสถาบันประมาณ 30 เว็บ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคยทำผิด จะเป็นกลุ่มเครือข่ายเดิมที่เคยเปิดเว็บหมิ่นเบื้องสูงแล้วถูกสั่งปิดไปแล้วก็จะมีผุดขึ้นมาใหม่อีก จัดทำเป็นหน้าเว็บใหม่ ซึ่งทำกันได้ง่าย ซึ่งตรงนี้ สทส.มีเจ้าหน้าที่ประจำหน้าจอเฝ้าคอยตรวจสอบตลอด 24 ชม. เมื่อเจอข้อความหมิ่นจะตอบโต้โพสต์ข้อความกลับไปในสิ่งที่ถูกต้องเป็นจริง พร้อมทั้งทาง สทส.ก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งคอยเผยแพร่พระราชกรณียกิจต่างๆ ในหน้าเว็บของ สทส.มากขึ้น อีกทั้งทำหนังสือเวียนถึงข้าราชการตำรวจและครอบครัว หากพบเห็นข้อความจาบจ้วงหมิ่นเบื้องสูง และมีการโพสต์รูปภาพเผยแพร่ทำผิดกฎหมาย ให้แจ้งเบาะแสได้ทันที” พล.ต.ต.นเรศ กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.นเรศ กล่าวว่า สทส.ได้ตรวจสอบสถานวิทยุชุมชน 49 สถานีทั่้วประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดักฟังวิทยุตลอดเวลา ซึ่งยังไม่เจอเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ซึ่งตรงนี้จับผิดได้ชัดเจนคงไม่กล้ากันเท่าไหร่ โดยตนเห็นว่าสังคมไทยไม่ยอมรับกันอยู่แล้วกับการหมิ่นสถาบัน ซึ่ง สทส.ก็ไม่เคยนิ่งนอนใจตื่นตัวดูแลเรื่องนี้เต็มที่อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการทำผิดหมิ่นสถาบัน พล.ต.ท.ธีระเดช ไม่ได้มอบหมายให้รอง ผบช.ส.คนใดดูแล โดยเป็นคนรับผิดชอบติดตามงานด้วยตัวเองทั้งหมด
วานนี้ (27 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงกรณีมีการกระทำเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ผ่านทางเว็บไซต์ ว่า ตร.ก็มีการหารือเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประชุมทุกเดือน เดือนละ 1-2 ครั้ง ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ โดยจากการตรวจสอบพบว่ายังมีการกระทำเข้าข่ายหมิ่นทางเว็บไซต์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มเดิมๆ เฉลี่ยแต่ละเดือนจะพบมีการกระทำผิดประมาณ 1,000 URL คือ กรณีโพสต์ข้อความ 1 ครั้ง เว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง กระทู้ใดกระทู้ 1 ก็ถือเป็น 1 URL ทำผิด 1 ครั้ง เท่าที่ตรวจสอบก็มักเป็นข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกันพบในหลายเว็บไซต์ หลาย URL อย่างไรก็ตาม สันติบาลกำลังตรวจสอบสืบสวนหาต้นตอที่มาเพื่อดำเนินคดี
“การตรวจสอบ จับกุมทำได้ไม่ง่าย บางกลุ่มใช้เซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ บางกลุ่มกระทรวงไอซีทีก็ตรวจสอบบล๊อกเอาไว้จำนวนมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ตำรวจดำเนินคดี และตรวจสอบป้องกันต่อเนื่อง” ผบช.ส.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นเรศ เทียนกริม รองผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (รอง ผบช.สทส.) เปิดเผยถึงกรณีการกระทำผิดเผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงผ่านเว็บไซต์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญในกรณีเช่นนี้มากเป็นพิเศษอยู่แล้ว โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมาหากษัตริย์ ที่มี พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เป็นประธาน ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีตัวแทนจากทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุมวางแผนงานปราบปราบกันอย่างต่อเนื่อง เช่น ตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ส.) กองปราบปราม และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.)
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะทำหน้าที่รวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับเว็บที่ทำผิดจาบจ้วง หมิ่นเหม่สถาบัน เสนอให้ที่ประชุมดังกล่าวพิจารณากลั่นกรอง เพื่อมอบให้หน่วยงานที่ดูแลในการจับกุม เข้าตรวจสอบดำเนินคดีต่อเว็บที่ทำผิดกฎหมาย พร้อมทั้งประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สกัดกั้นปิดเว็บที่ทำผิดกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือกับเว็บมาสเตอร์ที่มีความชำนาญด้านไอทีโดยเฉพาะมาร่วมงานตรวจสอบกลุ่มขบวนการที่ชอบโพสต์หมิ่นเบื้องสูงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจะเจอปัญหาเว็บหมิ่นสถาบันเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศ ส่วนที่อยู่ในประเทศไทยเราได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนไปแล้ว
“สทส.ตรวจพบเว็บเข้าข่ายหมิ่นสถาบันประมาณ 30 เว็บ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคยทำผิด จะเป็นกลุ่มเครือข่ายเดิมที่เคยเปิดเว็บหมิ่นเบื้องสูงแล้วถูกสั่งปิดไปแล้วก็จะมีผุดขึ้นมาใหม่อีก จัดทำเป็นหน้าเว็บใหม่ ซึ่งทำกันได้ง่าย ซึ่งตรงนี้ สทส.มีเจ้าหน้าที่ประจำหน้าจอเฝ้าคอยตรวจสอบตลอด 24 ชม. เมื่อเจอข้อความหมิ่นจะตอบโต้โพสต์ข้อความกลับไปในสิ่งที่ถูกต้องเป็นจริง พร้อมทั้งทาง สทส.ก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งคอยเผยแพร่พระราชกรณียกิจต่างๆ ในหน้าเว็บของ สทส.มากขึ้น อีกทั้งทำหนังสือเวียนถึงข้าราชการตำรวจและครอบครัว หากพบเห็นข้อความจาบจ้วงหมิ่นเบื้องสูง และมีการโพสต์รูปภาพเผยแพร่ทำผิดกฎหมาย ให้แจ้งเบาะแสได้ทันที” พล.ต.ต.นเรศ กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.นเรศ กล่าวว่า สทส.ได้ตรวจสอบสถานวิทยุชุมชน 49 สถานีทั่้วประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดักฟังวิทยุตลอดเวลา ซึ่งยังไม่เจอเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ซึ่งตรงนี้จับผิดได้ชัดเจนคงไม่กล้ากันเท่าไหร่ โดยตนเห็นว่าสังคมไทยไม่ยอมรับกันอยู่แล้วกับการหมิ่นสถาบัน ซึ่ง สทส.ก็ไม่เคยนิ่งนอนใจตื่นตัวดูแลเรื่องนี้เต็มที่อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการทำผิดหมิ่นสถาบัน พล.ต.ท.ธีระเดช ไม่ได้มอบหมายให้รอง ผบช.ส.คนใดดูแล โดยเป็นคนรับผิดชอบติดตามงานด้วยตัวเองทั้งหมด