ASTV ผู้จัดการรายวัน - รัฐงุ่มง่ามแก้ปัญหาเว็บหมิ่นสถาบัน แม้ไอซีทีเป็นเจ้าภาพระดมหน่วยงานทั้งมหาดไทย ยุติธรรม ความมั่นคง ตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต แต่เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน และเว็บไซต์ประชาไทยังเข้าดูได้ตามปกติ ชี้คนร้องเรียนเว็บหมิ่นวันละ 100 URL รองปลัดไอซีทีแจงเตรียมแก้กม.ให้ไอเอสพีปิดเว็บหมิ่นได้เองแต่ไม่รู้เสร็จเมื่อไหร่ ด้าน “สุเทพ” ลั่นใครทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ต้องถูกดำเนินคดี
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตอธิบดีกรมตำรวจ บรรยายพิเศษเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ในงานเปิดเว็บไซต์เผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยชี้ให้เห็นว่าสถาบันกำลังตกเป็นเป้าการลบหลู่ของเว็บไซต์เถื่อนว่า ตนคิดว่าไม่เฉพาะรัฐบาล ทุกฝ่าย ทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงปฏิบัติราชกรณียกิจให้กับประชาชนได้มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องดูแลปกป้อง รัฐบาลจะทำหน้าที่นี้ และตนพยายามจะทำหน้าที่นี้ถึงที่สุด
นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ตนจะให้กระทรวง ทบวง กรมที่มีความสัมพันธ์ในสายงานอยู่กับพี่น้องประชาชน ได้ไปจัดทำโครงการปลูกฝังค่านิยม สำนึกและอุดมการณ์ที่ถูกต้องให้กับคนรุ่นใหม่ ให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่ได้ยึดโยงให้คนไทยทั้งหลายได้อยู่เป็นชาติ เป็นประเทศอยู่ในขณะนี้
เมื่อถามว่ากรณีที่คนชอบเอาสถาบันฯ มาแอบอ้างทำให้คนเข้าใจผิด จะดำเนินการกับคนเหล่านี้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าใครทำอย่างนั้นหากเข้าข่ายผิดกฎหมายตนดำเนินการทั้งนั้น และที่ผ่านมาก็ดำเนินการสอบไปหลายรายแล้ว ซึ่งเราต้องเอาจริงกับทุกฝ่ายที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ตนจะไม่เว้น
ขู่จัดการพวกหมิ่นขั้นเด็ดขาด
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ร่ำไห้พร้อมกับระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีมีพระราชประสงค์ให้คนไทยเลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน ว่า ฟังแล้วก็สะเทือนใจ เพราะพระองค์ทำเพื่อประชาชนมาตลอด และยังมีคนมาลบหลู่ รัฐบาลจะดำเนินตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้ามีเกิดขึ้นมาอีก ก็จะมีมาตรการที่เด็ดขาดมากยิ่งขึ้น
ปิดเว็บหมิ่นแล้ว 9,600 URL
นายอังสุมาล ศุนาลัย รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่า การทำงานของไอซีทีในการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาเมื่อพบเว็บไซต์ที่มีข้อความหรือรูปภาพหมิ่นสถาบัน ไอซีทีจะส่งเรื่องไปถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายย่อย (ไอเอสพี) ดำเนินการปิดกั้นหรือบล็อกเว็บไซต์นั้นก่อน หลังจากนั้นไอซีทีก็จะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อขอคำสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการถาวรทันทีโดนขั้นตอนการฟ้องศาลจะใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์หรือเปิดในต่างประเทศแทบทั้งหมดส่งผลให้การดำเนินการตรวจสอบจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการเปิดเว็บไซต์ใหม่สามารถทำได้ง่ายในทั่วทุกมุมโลก ฉะนั้นเมื่อมีการปิดกั้นเว็บไซต์ไปก็อาจจะมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมาใหม่อีกทันที ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้ว 9,600 URL
สำหรับ เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน และ เว็บไซต์ประชาไท ที่ได้รับร้องเรียนว่ามีข้อความจาบจวงนั้นไอซีทีไม่สามารถดำเนินการปิดกั้นได้เพราะข้อความที่อยู่ในเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ระบุชื่อชัดเจนแต่ใช้นามแฝง ซึ่งการส่งฟ้องศาลจำเป็นจะต้องมีการระบุชื่อหรือขึ้นภาพถ่ายที่ชัดเจน
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ไอซีที จึงได้จัดตั้งโทรศัพท์สายด่วน 1212 จำนวน 5 คู่สาย เพื่อรับฟังเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชน โดยศูนย์ปฏิบัติการสายด่วน 1212 นี้จะตั้งอยู่ที่เดียวกับศูนย์ ISOC และยังจัดทำอีเมล์รับแจ้งข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต คือ 1212@mict.mail.go.th อีกด้วยโดยปัจจุบันไอซีทีได้รับเรื่องร้องเรียนพบเห็นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯถึงวันละ 100 URL
แก้ กม.ให้ไอเอสพีปิดเว็บเอง
นอกจากนี้ ไอซีทีได้พยายามแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 เพื่อให้ไอเอสพีสามารถปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันทันทีที่พบหรือเมื่อมีการร้องเรียนจากประชาชนโดยไม่ต้องรอคำสั่งศาลหรือได้รับคำร้องขอจากกระทรวงไอซีที แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้พ.ร.บ.ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการแก้ไข และไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่
แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีกล่าวว่า ในเรื่องการบล็อกเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้น เมื่อตอน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เข้ารับตำแหน่ง รมว.ไอซีที ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานความมั่นคง และผู้ประกอบการไอเอสพี เพื่อจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center (ISOC) เพื่อกำกับดูแลให้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านระบบไอซีที เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน โดยศูนย์ ISOC นี้มีพันธกิจหลักในการดำเนินงานอยู่ 3 ด้าน คือ ด้านความมั่นคง, ด้านสังคมวัฒนธรรม และด้านเศรษฐกิจ โดยที่กระทรวงไอซีทีได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการบูรณาการ โดยบูรณาการเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน กลั่นกรองเนื้อหาเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมผ่านทางระบบไอซีทีทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการเก็บรวบรวมสถิติเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และจัดระดับความรุนแรง ระดับความสำคัญ ประเภท เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการต่างๆ ที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ทันตามลำดับความสำคัญ ตลอดจนสามารถให้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2.ด้านกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ สอดคล้องกับกติกาสากลโลก และรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์ ISOC เพื่อประสานความร่วมมือในการพิจารณาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ว่ามีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตราใดของกฎหมายหรือไม่และประสานความร่วมมือต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลการกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อตอบสนองต่อการสืบสวน สอบสวน และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานของการเผยแพร่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ทันต่อสถานการณ์
3.ด้านการป้องกันและปราบปรามโดยการกำหนดแนวทางการยับยั้งและระงับการเผยแพร่เนื้อหาเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดเพื่อลดความรุนแรงหรือโอกาสที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและสังคมโดยรวมของประเทศและ 4.ด้านการส่งเสริมความตระหนักรู้ โดยการส่งเสริมความร่วมมือที่ดีในสังคมออนไลน์ให้เกิดความรับผิดชอบต่อเนื้อหาบนเว็บไซต์ มีการนำเสนอข้อมูลที่มีความชัดเจนให้เกิดความเข้าใจอันดี และนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้องรวดเร็วตามลำดับความสำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์การกระทำความผิดโดยมิชอบทางอิเล็กทรอนิกส์ และการกระทำผิดในด้านการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องและเหมาะสม
โดยตอนนั้นไอซีทีได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท แบ่งเป็น 40 ล้านบาทจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ และอีกกว่า 40 ล้านบาท สำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ศูนย์สืบสวนสอบสวน อีกส่วนหนึ่งจะต้องตั้งเป็นวอร์รูมเพื่อรับผิด ชอบงานด้านการดูแลเว็บไซต์ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์จะช่วยติดตามและสกรีนเว็บไซต์ไม่เหมาะสมและศูนย์พิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บพยานหลักฐานฟ้องร้องทางกฎหมาย
ISOC ไอซีทีงุ่มง่าม
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุม ISOC ครั้งแรกมีขึ้นเมื่อราวเดือนกุมภาพันธุ์ 2552 และได้มีการประชุมอีก 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้ประชุมไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการบูรณาการขึ้นมา 1 ชุดโดยมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธาน ซึ่งจะมีหน้าที่บูรณาการระบบ ISOC ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งมีหน้าที่พิจารณาข้อความบนเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นสถาบันแบบไม่เจาะเจาะจงเป็นหลักและในเร็วๆนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีการประชุมใหญ่ร่วมกับไอเอสพีเพื่อหาแนวทางการกำจัดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมร่วมกัน
“จนถึงขณะนี้การทำงานของ ISOC และกระทรวงไอซีทีดูไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเพราะยังคงมีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันกระจายอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถเข้าดูบอร์ดฟ้าเดียวกัน และเว็บไซต์ประชาไทได้ตามปกติเหมือนไม่มีการปิดกั้นใดๆ”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตอธิบดีกรมตำรวจ บรรยายพิเศษเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ในงานเปิดเว็บไซต์เผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยชี้ให้เห็นว่าสถาบันกำลังตกเป็นเป้าการลบหลู่ของเว็บไซต์เถื่อนว่า ตนคิดว่าไม่เฉพาะรัฐบาล ทุกฝ่าย ทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงปฏิบัติราชกรณียกิจให้กับประชาชนได้มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องดูแลปกป้อง รัฐบาลจะทำหน้าที่นี้ และตนพยายามจะทำหน้าที่นี้ถึงที่สุด
นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ตนจะให้กระทรวง ทบวง กรมที่มีความสัมพันธ์ในสายงานอยู่กับพี่น้องประชาชน ได้ไปจัดทำโครงการปลูกฝังค่านิยม สำนึกและอุดมการณ์ที่ถูกต้องให้กับคนรุ่นใหม่ ให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่ได้ยึดโยงให้คนไทยทั้งหลายได้อยู่เป็นชาติ เป็นประเทศอยู่ในขณะนี้
เมื่อถามว่ากรณีที่คนชอบเอาสถาบันฯ มาแอบอ้างทำให้คนเข้าใจผิด จะดำเนินการกับคนเหล่านี้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าใครทำอย่างนั้นหากเข้าข่ายผิดกฎหมายตนดำเนินการทั้งนั้น และที่ผ่านมาก็ดำเนินการสอบไปหลายรายแล้ว ซึ่งเราต้องเอาจริงกับทุกฝ่ายที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ตนจะไม่เว้น
ขู่จัดการพวกหมิ่นขั้นเด็ดขาด
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ร่ำไห้พร้อมกับระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีมีพระราชประสงค์ให้คนไทยเลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน ว่า ฟังแล้วก็สะเทือนใจ เพราะพระองค์ทำเพื่อประชาชนมาตลอด และยังมีคนมาลบหลู่ รัฐบาลจะดำเนินตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้ามีเกิดขึ้นมาอีก ก็จะมีมาตรการที่เด็ดขาดมากยิ่งขึ้น
ปิดเว็บหมิ่นแล้ว 9,600 URL
นายอังสุมาล ศุนาลัย รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่า การทำงานของไอซีทีในการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาเมื่อพบเว็บไซต์ที่มีข้อความหรือรูปภาพหมิ่นสถาบัน ไอซีทีจะส่งเรื่องไปถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายย่อย (ไอเอสพี) ดำเนินการปิดกั้นหรือบล็อกเว็บไซต์นั้นก่อน หลังจากนั้นไอซีทีก็จะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อขอคำสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการถาวรทันทีโดนขั้นตอนการฟ้องศาลจะใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์หรือเปิดในต่างประเทศแทบทั้งหมดส่งผลให้การดำเนินการตรวจสอบจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการเปิดเว็บไซต์ใหม่สามารถทำได้ง่ายในทั่วทุกมุมโลก ฉะนั้นเมื่อมีการปิดกั้นเว็บไซต์ไปก็อาจจะมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมาใหม่อีกทันที ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้ว 9,600 URL
สำหรับ เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน และ เว็บไซต์ประชาไท ที่ได้รับร้องเรียนว่ามีข้อความจาบจวงนั้นไอซีทีไม่สามารถดำเนินการปิดกั้นได้เพราะข้อความที่อยู่ในเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ระบุชื่อชัดเจนแต่ใช้นามแฝง ซึ่งการส่งฟ้องศาลจำเป็นจะต้องมีการระบุชื่อหรือขึ้นภาพถ่ายที่ชัดเจน
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ไอซีที จึงได้จัดตั้งโทรศัพท์สายด่วน 1212 จำนวน 5 คู่สาย เพื่อรับฟังเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชน โดยศูนย์ปฏิบัติการสายด่วน 1212 นี้จะตั้งอยู่ที่เดียวกับศูนย์ ISOC และยังจัดทำอีเมล์รับแจ้งข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต คือ 1212@mict.mail.go.th อีกด้วยโดยปัจจุบันไอซีทีได้รับเรื่องร้องเรียนพบเห็นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯถึงวันละ 100 URL
แก้ กม.ให้ไอเอสพีปิดเว็บเอง
นอกจากนี้ ไอซีทีได้พยายามแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 เพื่อให้ไอเอสพีสามารถปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันทันทีที่พบหรือเมื่อมีการร้องเรียนจากประชาชนโดยไม่ต้องรอคำสั่งศาลหรือได้รับคำร้องขอจากกระทรวงไอซีที แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้พ.ร.บ.ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการแก้ไข และไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่
แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีกล่าวว่า ในเรื่องการบล็อกเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้น เมื่อตอน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เข้ารับตำแหน่ง รมว.ไอซีที ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานความมั่นคง และผู้ประกอบการไอเอสพี เพื่อจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center (ISOC) เพื่อกำกับดูแลให้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านระบบไอซีที เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน โดยศูนย์ ISOC นี้มีพันธกิจหลักในการดำเนินงานอยู่ 3 ด้าน คือ ด้านความมั่นคง, ด้านสังคมวัฒนธรรม และด้านเศรษฐกิจ โดยที่กระทรวงไอซีทีได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการบูรณาการ โดยบูรณาการเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน กลั่นกรองเนื้อหาเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมผ่านทางระบบไอซีทีทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการเก็บรวบรวมสถิติเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และจัดระดับความรุนแรง ระดับความสำคัญ ประเภท เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการต่างๆ ที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ทันตามลำดับความสำคัญ ตลอดจนสามารถให้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2.ด้านกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ สอดคล้องกับกติกาสากลโลก และรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์ ISOC เพื่อประสานความร่วมมือในการพิจารณาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ว่ามีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตราใดของกฎหมายหรือไม่และประสานความร่วมมือต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลการกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อตอบสนองต่อการสืบสวน สอบสวน และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานของการเผยแพร่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ทันต่อสถานการณ์
3.ด้านการป้องกันและปราบปรามโดยการกำหนดแนวทางการยับยั้งและระงับการเผยแพร่เนื้อหาเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดเพื่อลดความรุนแรงหรือโอกาสที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและสังคมโดยรวมของประเทศและ 4.ด้านการส่งเสริมความตระหนักรู้ โดยการส่งเสริมความร่วมมือที่ดีในสังคมออนไลน์ให้เกิดความรับผิดชอบต่อเนื้อหาบนเว็บไซต์ มีการนำเสนอข้อมูลที่มีความชัดเจนให้เกิดความเข้าใจอันดี และนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้องรวดเร็วตามลำดับความสำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์การกระทำความผิดโดยมิชอบทางอิเล็กทรอนิกส์ และการกระทำผิดในด้านการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องและเหมาะสม
โดยตอนนั้นไอซีทีได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท แบ่งเป็น 40 ล้านบาทจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ และอีกกว่า 40 ล้านบาท สำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ศูนย์สืบสวนสอบสวน อีกส่วนหนึ่งจะต้องตั้งเป็นวอร์รูมเพื่อรับผิด ชอบงานด้านการดูแลเว็บไซต์ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์จะช่วยติดตามและสกรีนเว็บไซต์ไม่เหมาะสมและศูนย์พิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บพยานหลักฐานฟ้องร้องทางกฎหมาย
ISOC ไอซีทีงุ่มง่าม
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุม ISOC ครั้งแรกมีขึ้นเมื่อราวเดือนกุมภาพันธุ์ 2552 และได้มีการประชุมอีก 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้ประชุมไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการบูรณาการขึ้นมา 1 ชุดโดยมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธาน ซึ่งจะมีหน้าที่บูรณาการระบบ ISOC ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งมีหน้าที่พิจารณาข้อความบนเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นสถาบันแบบไม่เจาะเจาะจงเป็นหลักและในเร็วๆนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีการประชุมใหญ่ร่วมกับไอเอสพีเพื่อหาแนวทางการกำจัดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมร่วมกัน
“จนถึงขณะนี้การทำงานของ ISOC และกระทรวงไอซีทีดูไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเพราะยังคงมีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันกระจายอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถเข้าดูบอร์ดฟ้าเดียวกัน และเว็บไซต์ประชาไทได้ตามปกติเหมือนไม่มีการปิดกั้นใดๆ”