ข่าวปัญหาการถ่ายทอดสดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2552 ที่เมืองทองธานี ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่น่าตกใจและน่าเป็นห่วงไม่น้อย
สาเหตุที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องน่าตกใจก็เพราะปัญหาการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าวที่มีเจ้าของรายการคือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้ว
โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เมื่อทีมงานช่อง 11 มีปัญหาความล่าช้าในการถ่ายทอดสดการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการเผาเมือง จนกลุ่มเสื้อแดงสามารถเดินทางมาล้อมกรอบและบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทยเข้าไปทำลายทรัพย์สินและรุมทำร้ายผู้คนต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ โดยครั้งนั้นคุณอภิสิทธิ์รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
ต่อมาอีกเพียงเดือนกว่าๆ ในวันที่ 24 พฤษภาคม ก็เกิดปัญหาการถ่ายทอดสดโดยทีมงานช่อง 11 ขึ้นอีก โดยคราวนี้เป็นปัญหาการถ่ายทอดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” จากทำเนียบรัฐบาล โดยขณะออกอากาศ อยู่ๆ สัญญาณภาพก็ขาดหายไป และกว่าจะแก้ไขให้กลับคืนมาได้ต้องใช้เวลาร่วม 45 นาที ซึ่งครั้งนั้นมีการอ้างว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากฝ่ายเทคนิค เนื่องจากแบตเตอรี่เสื่อม!?!
ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก 2-3 ครั้งติดๆ กันในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน หากบอกว่าเกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดาที่กำลังย่างเข้าวัย “เบญจเพส” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะอาจสามารถแก้ไขได้ด้วยการไปบวช หรือการไปทำบุญล้างซวยสัก 9 วัด 7 วัด
ทว่า สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วัย 45 ปีต้องประสบนั้นถือว่าหนักหนาสาหัสกว่ามาก เพราะวันนี้เขามีสถานะเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศ และเป็นผู้กุมอำนาจฝ่ายบริหารสูงสุดไว้ในมือ
แท้จริงแล้ว “การลักขโมยอำนาจ” และ “การท้าทายอำนาจ” ของคุณอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เกิดขึ้นมาตลอดนับตั้งแต่เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการที่มี “คนหน้าดำ” บางคนไปต่อรอง ... ตกลง ยกเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเสียหมด รวมไปถึงการไปต่อรองยกเก้าอี้ของฝ่ายความมั่นคงให้กับ “กลุ่มขั้วอำนาจใหม่”
ผลจากการไป “ต่อรอง” ของ “คนหน้าดำ” ซึ่งหวังผลทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว โดยปราศจากความคำนึงถึงชาติ ประชาชน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการบริหารประเทศชาตินั้นได้ปรากฏความพินาศ-ฉิบหาย ให้บ้านเมืองมาแล้วอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของประเทศชาติจากการต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยา, ความเสียหายของบ้านเมืองจากการเผาเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์, ปัญหาในการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกจากตำแหน่ง, ความวิปริตในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ...
รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คือ การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่แม้แต่คนใกล้ชิดนายกฯ รวมถึง รมว.มหาดไทยเองก็ยังยกมือค้าน ทั้งๆ ที่สิทธิ์ในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ นั้นถือเป็นสิทธิ์ขาดของนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว!
ว่ากันตามตรง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณอภิสิทธิ์ทุกวันนี้ ทำเอาผมอดที่จะรู้สึกสงสารคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้ และอดที่จะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณอภิสิทธิ์ ไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง Home Alone ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่โด่งดังมากเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ไม่ได้เช่นกัน
Home Alone หรือในชื่อภาษาไทยคือ โดดเดี่ยวผู้น่ารัก (ออกฉายใน ค.ศ. 1990) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งชื่อ เควิน แมคคัลลิสเตอร์ (แสดงโดย แมคคอลีย์ คัลกิน) ซึ่งถูกคนในครอบครัวลืมทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวในช่วงคริสต์มาส โดยทุกคนต่างเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสกันหมด
ในตอนแรกที่ได้อยู่บ้านแต่เพียงลำพัง ด.ช.เควิน รู้สึกเป็นสุขและมีอิสระอย่างยิ่ง เพราะการอยู่บ้านคนเดียวทำให้เขาไม่ต้องทะเลาะแย่งของเล่นของกินกับพี่น้อง ทว่า ในเวลาต่อมาเขาก็ได้เรียนรู้ว่า การอยู่บ้านคนเดียวในช่วงคริสต์มาสนั้นเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายยิ่ง เพราะบ้านของเขากำลังถูกหัวขโมยกลุ่มหนึ่งหวังจะบุกเข้ามายกเค้า
เจ้าหนูเควินรับมือและพยายามต่อสู้อย่างสุดใจขาดดิ้น โดยใช้อุปกรณ์-ของเล่นที่มีทั้งหมดในบ้าน เพื่อปกป้องตัวเขาและบ้านของเขาจากโจรร้าย จนที่สุด Home Alone ก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ตามสไตล์ของภาพยนตร์ครอบครัวจากฮอลลีวูด โดยเจ้าหนูเควินกลายเป็นฮีโร่ที่สามารถปกป้องบ้านจากเหล่าร้ายเอาไว้ได้
กลับมาถึงกรณีคุณอภิสิทธิ์ ...
ณ วันนี้ ผมยังคงยืนยันเหมือนกับที่เคยเขียนถึง คุณอภิสิทธิ์ เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่า ในสายตาของผม คุณอภิสิทธิ์ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนุ่ม ที่มีความตั้งใจจริงในการบริหารประเทศ ทั้งยังมีความซื่อสัตย์ ใจซื่อมือสะอาด ทว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนหนุ่มคนนี้ยังขาดไปก็คือ “ความเด็ดขาด” และ “ความกล้าหาญ”
จากข่าวปัญหาการขัดข้องของการถ่ายทอดสดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้อ่านข่าวทางเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการ คนหนึ่งเขียนความคิดเห็นของเขาต่อกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า
“เทียบสำนวนฝรั่ง ...
ปัญหาครั้งแรก ความผิดอยู่ที่สาทิตย์
แต่ปัญหาครั้งที่สอง ความผิดอยู่กับมาร์ค เพราะยังปล่อยให้สาทิตย์ทำงาน”
ลงชื่อ ไม่ใช่เด็กอังกฤษ
สารภาพกันตามตรง ผมไม่ทราบจริงๆ ว่า สำนวนฝรั่งดั้งเดิมที่ “คุณไม่ใช่เด็กอังกฤษ” ระบุนั้น เขาว่ากันว่าอะไร แต่เชื่อว่า ศิษย์เก่าออกซฟอร์ดอย่างคุณอภิสิทธิ์คงทราบแน่นอน และคงรู้ด้วยว่า “ความหมายที่แท้จริง” ของมันแปลว่าอะไร
สาเหตุที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องน่าตกใจก็เพราะปัญหาการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าวที่มีเจ้าของรายการคือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้ว
โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เมื่อทีมงานช่อง 11 มีปัญหาความล่าช้าในการถ่ายทอดสดการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการเผาเมือง จนกลุ่มเสื้อแดงสามารถเดินทางมาล้อมกรอบและบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทยเข้าไปทำลายทรัพย์สินและรุมทำร้ายผู้คนต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ โดยครั้งนั้นคุณอภิสิทธิ์รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
ต่อมาอีกเพียงเดือนกว่าๆ ในวันที่ 24 พฤษภาคม ก็เกิดปัญหาการถ่ายทอดสดโดยทีมงานช่อง 11 ขึ้นอีก โดยคราวนี้เป็นปัญหาการถ่ายทอดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” จากทำเนียบรัฐบาล โดยขณะออกอากาศ อยู่ๆ สัญญาณภาพก็ขาดหายไป และกว่าจะแก้ไขให้กลับคืนมาได้ต้องใช้เวลาร่วม 45 นาที ซึ่งครั้งนั้นมีการอ้างว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากฝ่ายเทคนิค เนื่องจากแบตเตอรี่เสื่อม!?!
ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก 2-3 ครั้งติดๆ กันในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน หากบอกว่าเกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดาที่กำลังย่างเข้าวัย “เบญจเพส” ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะอาจสามารถแก้ไขได้ด้วยการไปบวช หรือการไปทำบุญล้างซวยสัก 9 วัด 7 วัด
ทว่า สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วัย 45 ปีต้องประสบนั้นถือว่าหนักหนาสาหัสกว่ามาก เพราะวันนี้เขามีสถานะเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศ และเป็นผู้กุมอำนาจฝ่ายบริหารสูงสุดไว้ในมือ
แท้จริงแล้ว “การลักขโมยอำนาจ” และ “การท้าทายอำนาจ” ของคุณอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เกิดขึ้นมาตลอดนับตั้งแต่เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการที่มี “คนหน้าดำ” บางคนไปต่อรอง ... ตกลง ยกเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเสียหมด รวมไปถึงการไปต่อรองยกเก้าอี้ของฝ่ายความมั่นคงให้กับ “กลุ่มขั้วอำนาจใหม่”
ผลจากการไป “ต่อรอง” ของ “คนหน้าดำ” ซึ่งหวังผลทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว โดยปราศจากความคำนึงถึงชาติ ประชาชน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการบริหารประเทศชาตินั้นได้ปรากฏความพินาศ-ฉิบหาย ให้บ้านเมืองมาแล้วอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของประเทศชาติจากการต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยา, ความเสียหายของบ้านเมืองจากการเผาเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์, ปัญหาในการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกจากตำแหน่ง, ความวิปริตในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ...
รวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คือ การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่แม้แต่คนใกล้ชิดนายกฯ รวมถึง รมว.มหาดไทยเองก็ยังยกมือค้าน ทั้งๆ ที่สิทธิ์ในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ นั้นถือเป็นสิทธิ์ขาดของนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว!
ว่ากันตามตรง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณอภิสิทธิ์ทุกวันนี้ ทำเอาผมอดที่จะรู้สึกสงสารคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้ และอดที่จะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณอภิสิทธิ์ ไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง Home Alone ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่โด่งดังมากเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ไม่ได้เช่นกัน
Home Alone หรือในชื่อภาษาไทยคือ โดดเดี่ยวผู้น่ารัก (ออกฉายใน ค.ศ. 1990) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งชื่อ เควิน แมคคัลลิสเตอร์ (แสดงโดย แมคคอลีย์ คัลกิน) ซึ่งถูกคนในครอบครัวลืมทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวในช่วงคริสต์มาส โดยทุกคนต่างเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสกันหมด
ในตอนแรกที่ได้อยู่บ้านแต่เพียงลำพัง ด.ช.เควิน รู้สึกเป็นสุขและมีอิสระอย่างยิ่ง เพราะการอยู่บ้านคนเดียวทำให้เขาไม่ต้องทะเลาะแย่งของเล่นของกินกับพี่น้อง ทว่า ในเวลาต่อมาเขาก็ได้เรียนรู้ว่า การอยู่บ้านคนเดียวในช่วงคริสต์มาสนั้นเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายยิ่ง เพราะบ้านของเขากำลังถูกหัวขโมยกลุ่มหนึ่งหวังจะบุกเข้ามายกเค้า
เจ้าหนูเควินรับมือและพยายามต่อสู้อย่างสุดใจขาดดิ้น โดยใช้อุปกรณ์-ของเล่นที่มีทั้งหมดในบ้าน เพื่อปกป้องตัวเขาและบ้านของเขาจากโจรร้าย จนที่สุด Home Alone ก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ตามสไตล์ของภาพยนตร์ครอบครัวจากฮอลลีวูด โดยเจ้าหนูเควินกลายเป็นฮีโร่ที่สามารถปกป้องบ้านจากเหล่าร้ายเอาไว้ได้
กลับมาถึงกรณีคุณอภิสิทธิ์ ...
ณ วันนี้ ผมยังคงยืนยันเหมือนกับที่เคยเขียนถึง คุณอภิสิทธิ์ เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่า ในสายตาของผม คุณอภิสิทธิ์ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนุ่ม ที่มีความตั้งใจจริงในการบริหารประเทศ ทั้งยังมีความซื่อสัตย์ ใจซื่อมือสะอาด ทว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนหนุ่มคนนี้ยังขาดไปก็คือ “ความเด็ดขาด” และ “ความกล้าหาญ”
จากข่าวปัญหาการขัดข้องของการถ่ายทอดสดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้อ่านข่าวทางเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการ คนหนึ่งเขียนความคิดเห็นของเขาต่อกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า
“เทียบสำนวนฝรั่ง ...
ปัญหาครั้งแรก ความผิดอยู่ที่สาทิตย์
แต่ปัญหาครั้งที่สอง ความผิดอยู่กับมาร์ค เพราะยังปล่อยให้สาทิตย์ทำงาน”
ลงชื่อ ไม่ใช่เด็กอังกฤษ
สารภาพกันตามตรง ผมไม่ทราบจริงๆ ว่า สำนวนฝรั่งดั้งเดิมที่ “คุณไม่ใช่เด็กอังกฤษ” ระบุนั้น เขาว่ากันว่าอะไร แต่เชื่อว่า ศิษย์เก่าออกซฟอร์ดอย่างคุณอภิสิทธิ์คงทราบแน่นอน และคงรู้ด้วยว่า “ความหมายที่แท้จริง” ของมันแปลว่าอะไร