ASTVผู้จัดการรายวัน - “ธานี” ยันคดียิง "สนธิ" คืบหน้า คนร้ายอยู่ในข่ายออกหมายจับอีกหลายคน เชื่อ 40 วันก่อนเกษียณ น่าจะจับตัวได้ ด้าน กลาโหมแจง กองทัพไม่ได้ซ่อนตัวผู้ต้องหาในค่ายทหาร ท้าขอให้ตำรวจชี้เป้าอยู่ที่ไหน เปิดทางมาค้นได้ตามข้อตกลง กห.-มท.
วานนี้ (20 ส.ค.) เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าชุดติดตามผู้ต้องหา, พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.), พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น., พ.ต.อ. ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้า โดยการประชุมทุกครั้งก็คืบหน้าทุกครั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานต่อไปเรื่อยๆส่วนการจะออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมพยานหลักฐานต้องพอเพียง จึงจะออกหมายจับได้ ซึ่งมีคนร้ายอยู่ในข่ายที่จะออกหมายจับหลายคน แต่ยังบอกไม่ได้ตอนนี้ว่าเป็นพลเรือน หรือคนมีสี
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ได้ตั้งชุดสืบสวนติดตามผู้ต้องหาอีก 1 ชุด เพื่อติดตามจับกุม ส.อ.สมชาย บุญนาค หรือ บู่ สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี หลังจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัศวิน ได้ตั้งมาแล้ว 2 ชุด เพื่อติดตามผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถจับกุมคนร้ายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ตนยังเหลือเวลาอีก 40 กว่าวัน ถ้าหากทำงานกันเช่นนี้ และคดีมีความคืบหน้าเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็น่าจะได้ผล
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี เกษียณอายุราชการแล้วจะมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่ต่อ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ตำรวจมีกว่าสองแสนนาย คนมีฝีมือยังมีอีกหลายคน คณะทำงานก็ยังอยู่ มีตนเกษียณเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาก็ทำกันได้ ไม่ใช่เพราะตนคนเดียวคดีถึงคืบหน้า
“ผมเรียกประชุม ทุกคนก็เข้ามาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ก่อนเข้าประชุม พล.ต.ท.อัศวิน ก็เร่งรัดการทำงานทุกวัน ทุกอย่างก็เดินหน้าไปได้ เมื่อเรียกประชุมคดีก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกอย่างก็คงได้ผล”พล.ต.อ.ธานี กล่าว
ต่อข้อถามว่า มีความหวังจะจับผู้ต้องหาได้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ถ้าเราไม่มีความหวัง เราก็คงไม่จัดชุดติดตาม แล้วมาประชุมเร่งรัด ปล่อยมันไปเฉยๆ ไม่ต้องตามจับกัน ที่เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ เราก็หวังที่จะจับให้ได้ ตนไม่ได้หวังลมๆ แล้งๆ ตนหวังว่าฝนจะตก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่ พล.ต.ท.อัศวิน บอกว่า ผู้ต้องหาหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถออกหมายค้นได้ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ก็สืบสวนติดตามกันไป เมื่อถามว่าอยู่ในค่ายทหารหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่รู้สิ เพราะที่ผ่านมาทหารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถามย้ำว่า เมื่อทหารให้ความร่วมมือ ตำรวจก็สามารถจับได้แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน แน่นอนอนขนาดนั้น
เมื่อถามว่า จะตั้งรางวัลนำจับหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่ชอบวิธีนี้ ไม่นิยม เอาเงินไปทำงานไม่ดีกว่าหรือ ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแล้ว การทำงานยังราบรื่นดีหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวต่อว่า ตอนนี้ดูมันปลอดโปร่งดี ส่วนเรื่องตอ ตนไม่เคยบอกเลย ผู้สื่อข่าวว่ากันเองทั้งนั้น ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
**กองทัพแจงไม่ได้ซ่อนผู้ต้องหา**
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กองทัพ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นทหารตามหมายจับในคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่อาจหลบซ่อนตัวในเขตทหาร ว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ทั้งในกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพต่างๆ ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว โดยได้กำชับผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น ดำเนินการตรวจสอบในข้อมูลต่างๆ ของผู้ต้องหา และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกรณี
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงาน กรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา พ.ศ. 2544 ซึ่งระเบียบดังกล่าวเป็นการปรับปรุงในข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ.2499 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกฎหมาย อีกทั้งมีการกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติให้ชัดเจน สะดวกต่อผู้ปฏิบัติ และเกิดความรวดเร็ว ไม่เสียหายต่อรูปคดีโดยคำนึงถึงหลักสามัคคี ปรองดอง ในการร่วมมืออันจะช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อยของสังคมได้ ทั้งนี้ เพื่อจะทำให้ได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นธรรมตามควรแก่กรณี
สำหรับการตรวจค้นนั้น เป็นไปตาม หมวด 4 ข้อ 18 ว่าด้วยการตรวจค้นสถานที่ และที่รโหฐาน โดยเจ้าหน้าที่ต้องร้องขอต่อศาลเพื่อขอหมายศาลในการเข้าตรวจค้นผู้ต้องหาในสถานที่ราชการ และเมื่อได้รับหมายศาล ให้มีการประสานงานกับผู้บังคับบัญชาตามหน่วยทหารนั้นๆ เพื่อที่จะขอเข้าไปตรวจค้นหาหลักฐาน ข้อมูล รวมถึงการสอบสวนต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินการในทางปฏิบัติ กฎหมายก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร แม้บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานมาเพื่อขอเข้าตรวจค้นในบ้านพักค่ายทหาร ก็มีการอนุญาตให้เข้าไปดูได้โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมด้วย ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแส ก็ให้แจ้งมาเพื่อประสานงานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้อตกลงกลาโหมกับมหาดไทย
"กองทัพขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะปกปิด หรือซ่อนเร้นผู้กระทำความผิด และขอชี้แจงว่า ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น มีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตามหาตัวผู้ต้องหา หรือการสนับสนุนข้อมูลหลักฐานต่างๆ ในพื้นที่หน่วยงานที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด" พ.อ.ธนาธิปกล่าว.
วานนี้ (20 ส.ค.) เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าชุดติดตามผู้ต้องหา, พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.), พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น., พ.ต.อ. ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้า โดยการประชุมทุกครั้งก็คืบหน้าทุกครั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานต่อไปเรื่อยๆส่วนการจะออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมพยานหลักฐานต้องพอเพียง จึงจะออกหมายจับได้ ซึ่งมีคนร้ายอยู่ในข่ายที่จะออกหมายจับหลายคน แต่ยังบอกไม่ได้ตอนนี้ว่าเป็นพลเรือน หรือคนมีสี
พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ได้ตั้งชุดสืบสวนติดตามผู้ต้องหาอีก 1 ชุด เพื่อติดตามจับกุม ส.อ.สมชาย บุญนาค หรือ บู่ สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี หลังจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัศวิน ได้ตั้งมาแล้ว 2 ชุด เพื่อติดตามผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถจับกุมคนร้ายก่อนที่จะเกษียณอายุราชการได้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ตนยังเหลือเวลาอีก 40 กว่าวัน ถ้าหากทำงานกันเช่นนี้ และคดีมีความคืบหน้าเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็น่าจะได้ผล
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี เกษียณอายุราชการแล้วจะมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่ต่อ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ตำรวจมีกว่าสองแสนนาย คนมีฝีมือยังมีอีกหลายคน คณะทำงานก็ยังอยู่ มีตนเกษียณเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาก็ทำกันได้ ไม่ใช่เพราะตนคนเดียวคดีถึงคืบหน้า
“ผมเรียกประชุม ทุกคนก็เข้ามาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ก่อนเข้าประชุม พล.ต.ท.อัศวิน ก็เร่งรัดการทำงานทุกวัน ทุกอย่างก็เดินหน้าไปได้ เมื่อเรียกประชุมคดีก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกอย่างก็คงได้ผล”พล.ต.อ.ธานี กล่าว
ต่อข้อถามว่า มีความหวังจะจับผู้ต้องหาได้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ถ้าเราไม่มีความหวัง เราก็คงไม่จัดชุดติดตาม แล้วมาประชุมเร่งรัด ปล่อยมันไปเฉยๆ ไม่ต้องตามจับกัน ที่เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ เราก็หวังที่จะจับให้ได้ ตนไม่ได้หวังลมๆ แล้งๆ ตนหวังว่าฝนจะตก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ที่ พล.ต.ท.อัศวิน บอกว่า ผู้ต้องหาหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถออกหมายค้นได้ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ก็สืบสวนติดตามกันไป เมื่อถามว่าอยู่ในค่ายทหารหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่รู้สิ เพราะที่ผ่านมาทหารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถามย้ำว่า เมื่อทหารให้ความร่วมมือ ตำรวจก็สามารถจับได้แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน แน่นอนอนขนาดนั้น
เมื่อถามว่า จะตั้งรางวัลนำจับหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่ชอบวิธีนี้ ไม่นิยม เอาเงินไปทำงานไม่ดีกว่าหรือ ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแล้ว การทำงานยังราบรื่นดีหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวต่อว่า ตอนนี้ดูมันปลอดโปร่งดี ส่วนเรื่องตอ ตนไม่เคยบอกเลย ผู้สื่อข่าวว่ากันเองทั้งนั้น ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
**กองทัพแจงไม่ได้ซ่อนผู้ต้องหา**
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กองทัพ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นทหารตามหมายจับในคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่อาจหลบซ่อนตัวในเขตทหาร ว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ทั้งในกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพต่างๆ ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว โดยได้กำชับผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น ดำเนินการตรวจสอบในข้อมูลต่างๆ ของผู้ต้องหา และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกรณี
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงาน กรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา พ.ศ. 2544 ซึ่งระเบียบดังกล่าวเป็นการปรับปรุงในข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ.2499 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกฎหมาย อีกทั้งมีการกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติให้ชัดเจน สะดวกต่อผู้ปฏิบัติ และเกิดความรวดเร็ว ไม่เสียหายต่อรูปคดีโดยคำนึงถึงหลักสามัคคี ปรองดอง ในการร่วมมืออันจะช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อยของสังคมได้ ทั้งนี้ เพื่อจะทำให้ได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นธรรมตามควรแก่กรณี
สำหรับการตรวจค้นนั้น เป็นไปตาม หมวด 4 ข้อ 18 ว่าด้วยการตรวจค้นสถานที่ และที่รโหฐาน โดยเจ้าหน้าที่ต้องร้องขอต่อศาลเพื่อขอหมายศาลในการเข้าตรวจค้นผู้ต้องหาในสถานที่ราชการ และเมื่อได้รับหมายศาล ให้มีการประสานงานกับผู้บังคับบัญชาตามหน่วยทหารนั้นๆ เพื่อที่จะขอเข้าไปตรวจค้นหาหลักฐาน ข้อมูล รวมถึงการสอบสวนต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินการในทางปฏิบัติ กฎหมายก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร แม้บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานมาเพื่อขอเข้าตรวจค้นในบ้านพักค่ายทหาร ก็มีการอนุญาตให้เข้าไปดูได้โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมด้วย ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแส ก็ให้แจ้งมาเพื่อประสานงานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้อตกลงกลาโหมกับมหาดไทย
"กองทัพขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะปกปิด หรือซ่อนเร้นผู้กระทำความผิด และขอชี้แจงว่า ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น มีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตามหาตัวผู้ต้องหา หรือการสนับสนุนข้อมูลหลักฐานต่างๆ ในพื้นที่หน่วยงานที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด" พ.อ.ธนาธิปกล่าว.