นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง อนาคตประเทศไทย ในงานธรรมศาสตร์วิชาการ 52 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีนายกนกรัตน์ วงศ์สกุล ทำหน้าที่ดำเนินรายการและได้นำคำถามจากนักเรียนนักศึกษาที่เขียนขึ้นมาถามนายกรัฐมนตรี
โดยนายกนก ได้ถามถึงข่าวที่ว่า การที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเวลาน้อย จนทำให้ไม่ได้กินข้าวกลางวัน และต้องอ่านวาระ ครม.จนหลับ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาบ้านเมืองเยอะ ดังนั้นคนที่มาอยู่ตรงนี้ต้องมีความรับผิดชอบสูง เป็นพิเศษ ตราบที่ตนอยู่ตรงนี้จะทุ่มเทเต็มที่ ต้องทำงานหนัก 8 เดือนที่ผ่านมาก็จะทำงานโดยตลอดเวลา ต้องยอมรับว่ามีเรื่องราวมีปัญหา บางวันตนอยากจัดประชุม 10.00- 12.00 น. แต่มีคนอยากแสดงความเห็นเยอะก็อาจจะใช้เวลานาน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีทำงานทุกเรื่องมากเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่งานของนายกฯไทยเยอะอยู่แล้ว ซึ่งตนและรองนายกรัฐมนตรี 3 คน เป็นประธานกรรมการรวมร้อยชุด ลองคิดดูว่าถ้าประชุมทุกวันวันละชุด กว่าจะเสร็จใช้เวลาเป็นปี ซึ่งบางคณะไม่ได้ประชุมมาสองปี ถือเป็นเรื่องหนักแต่กำลังปรับปรุง อาทิ เรื่องของการนำเข้า ครม.ก็ลดว่าบางเรื่องไม่ต้องเข้า และกรรมการชุดใดยุบได้ ก็ยุบ แต่ไม่ใช่ว่า 8 เดือนก็จะไปยุบตั้งแต่ต้นไม่ได้ ก็ต้องฟังเขาก่อน และปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้คิดว่าเป็นธรรมดาทำงานการเมืองเป็นอย่างนี้ที่ต้องทำงานหนัก
ต่อข้อถามว่าจะปรับครม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยัง ถ้าปรับแล้วจะเรียนให้ทราบ และถ้าเหมาะสมก็จะดำเนินการ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการทำการบ้านในการจัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ในวันที่ไปตรวจสนามบินสุวรรณภูมิว่า ทุกอย่าง ต้องทำการบ้าน เราต้องทราบข้อมูลก่อนที่จะทำอะไร และในที่ประชุมตนต่อว่าเป็นประจำเพราะเข้าหลายที่ประชุมหลายคนไม่อ่านวาระการประชุม ก็เข้าไปนั่งอยู่ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ทำให้เสียเวลา และถามในสิ่งที่มีคำตอบในเอกสารอยู่แล้ว ตนรู้ว่าจะโทษคนเข้าประชุมไม่ได้ ก็ต้องโทษคนจัดการประชุมที่เอาเอกสารกองโตมาตั้งก่อนประชุม ก็ต้องแก้ไข ดังนั้นตนก็ต้องทำการบ้าน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ ที่มีข้อมูลแตกต่างกัน เพราะข้อมูลแบบราชการมีข้อจำกัดมีมุมมองที่ต่างออกไป ดังนั้นเราต้องรับฟังและตนก็มีช่องทางในการรับฟัง ทั้งนี้ที่สุวรรณภูมิมีข่าวไม่ดีและกลัวว่าจะกระทบชื่อเสียง อาทิ เรื่องการจับกุมคนไม่ถูกต้องการสอบสวน การรีดไถ เราก็ค้นข้อมูลเพิ่มเติมและเขาก็ให้มุมมองของเขา
ส่วนคำถามที่ว่านายกฯเป็นคนรุ่นใหม่ มีการทำงานแบบใหม่ๆ แต่ปัจจัยรอบด้านยังเหมือนเดิมนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอายุ 45 ปีแล้วก็ไม่ถือว่าเด็กเท่าไร ตนพยายามทำหน้าตาสีผมให้เหมาะกับวัย ซึ่งตนก็ภูมิใจเมื่อมีคนมาบอกว่าตนเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งก็นำเรื่องนี้มาโจมตี เช่น หาว่าตนอายุน้อยยังเป็นเด็ก ซึ่งทุกเรื่องก็มี 2 ด้าน แต่ถ้าถามเรื่องคนรอบตัวก็ต้องยอมรับว่าระบบหลายอย่างยังไม่เปลี่ยนตนก็ต้องเข้าไปเปลี่ยน เช่น นักการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบันประมาณ 2,000 คนก็วนเวียนอยู่ 2,000 คน ไม่มีคนรุนใหม่เข้ามา ตนก็ชวนคนที่มีแววจะเป็นนักการเมืองได้ก็ไม่มีใครอยากมา ถามว่าคนใหม่ๆจะเข้ามาอย่างไรเมือคนนอกไม่อยากเข้ามา คนที่เป็นนักการเมืองอยู่แล้วก็ต้องอยู่เพราะหาทางออกไม่ได้ แต่คนที่ยังไม่เข้ามาถ้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเข้ามา
โดยนายกนก ได้ถามถึงข่าวที่ว่า การที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเวลาน้อย จนทำให้ไม่ได้กินข้าวกลางวัน และต้องอ่านวาระ ครม.จนหลับ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาบ้านเมืองเยอะ ดังนั้นคนที่มาอยู่ตรงนี้ต้องมีความรับผิดชอบสูง เป็นพิเศษ ตราบที่ตนอยู่ตรงนี้จะทุ่มเทเต็มที่ ต้องทำงานหนัก 8 เดือนที่ผ่านมาก็จะทำงานโดยตลอดเวลา ต้องยอมรับว่ามีเรื่องราวมีปัญหา บางวันตนอยากจัดประชุม 10.00- 12.00 น. แต่มีคนอยากแสดงความเห็นเยอะก็อาจจะใช้เวลานาน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีทำงานทุกเรื่องมากเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่งานของนายกฯไทยเยอะอยู่แล้ว ซึ่งตนและรองนายกรัฐมนตรี 3 คน เป็นประธานกรรมการรวมร้อยชุด ลองคิดดูว่าถ้าประชุมทุกวันวันละชุด กว่าจะเสร็จใช้เวลาเป็นปี ซึ่งบางคณะไม่ได้ประชุมมาสองปี ถือเป็นเรื่องหนักแต่กำลังปรับปรุง อาทิ เรื่องของการนำเข้า ครม.ก็ลดว่าบางเรื่องไม่ต้องเข้า และกรรมการชุดใดยุบได้ ก็ยุบ แต่ไม่ใช่ว่า 8 เดือนก็จะไปยุบตั้งแต่ต้นไม่ได้ ก็ต้องฟังเขาก่อน และปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้คิดว่าเป็นธรรมดาทำงานการเมืองเป็นอย่างนี้ที่ต้องทำงานหนัก
ต่อข้อถามว่าจะปรับครม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยัง ถ้าปรับแล้วจะเรียนให้ทราบ และถ้าเหมาะสมก็จะดำเนินการ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการทำการบ้านในการจัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ในวันที่ไปตรวจสนามบินสุวรรณภูมิว่า ทุกอย่าง ต้องทำการบ้าน เราต้องทราบข้อมูลก่อนที่จะทำอะไร และในที่ประชุมตนต่อว่าเป็นประจำเพราะเข้าหลายที่ประชุมหลายคนไม่อ่านวาระการประชุม ก็เข้าไปนั่งอยู่ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ทำให้เสียเวลา และถามในสิ่งที่มีคำตอบในเอกสารอยู่แล้ว ตนรู้ว่าจะโทษคนเข้าประชุมไม่ได้ ก็ต้องโทษคนจัดการประชุมที่เอาเอกสารกองโตมาตั้งก่อนประชุม ก็ต้องแก้ไข ดังนั้นตนก็ต้องทำการบ้าน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ ที่มีข้อมูลแตกต่างกัน เพราะข้อมูลแบบราชการมีข้อจำกัดมีมุมมองที่ต่างออกไป ดังนั้นเราต้องรับฟังและตนก็มีช่องทางในการรับฟัง ทั้งนี้ที่สุวรรณภูมิมีข่าวไม่ดีและกลัวว่าจะกระทบชื่อเสียง อาทิ เรื่องการจับกุมคนไม่ถูกต้องการสอบสวน การรีดไถ เราก็ค้นข้อมูลเพิ่มเติมและเขาก็ให้มุมมองของเขา
ส่วนคำถามที่ว่านายกฯเป็นคนรุ่นใหม่ มีการทำงานแบบใหม่ๆ แต่ปัจจัยรอบด้านยังเหมือนเดิมนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอายุ 45 ปีแล้วก็ไม่ถือว่าเด็กเท่าไร ตนพยายามทำหน้าตาสีผมให้เหมาะกับวัย ซึ่งตนก็ภูมิใจเมื่อมีคนมาบอกว่าตนเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งก็นำเรื่องนี้มาโจมตี เช่น หาว่าตนอายุน้อยยังเป็นเด็ก ซึ่งทุกเรื่องก็มี 2 ด้าน แต่ถ้าถามเรื่องคนรอบตัวก็ต้องยอมรับว่าระบบหลายอย่างยังไม่เปลี่ยนตนก็ต้องเข้าไปเปลี่ยน เช่น นักการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบันประมาณ 2,000 คนก็วนเวียนอยู่ 2,000 คน ไม่มีคนรุนใหม่เข้ามา ตนก็ชวนคนที่มีแววจะเป็นนักการเมืองได้ก็ไม่มีใครอยากมา ถามว่าคนใหม่ๆจะเข้ามาอย่างไรเมือคนนอกไม่อยากเข้ามา คนที่เป็นนักการเมืองอยู่แล้วก็ต้องอยู่เพราะหาทางออกไม่ได้ แต่คนที่ยังไม่เข้ามาถ้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเข้ามา
