เอเอฟพี/เอเจนซี-อัยการสหรัฐฯส่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คนในข้อหาขโมยข้อมูลบัตรเครดิต และบัตรเดบิต มากกว่า130ล้านใบซึ่งถือเป็นการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
เมื่อวันจันทร์ (17) อัยการในมหานครนิวยอร์กเปิดเผยว่า ได้ส่งฟ้องอัลเบิร์ต กอนซาเลซ วัย 28 ปี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานจัดเก็บข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้สมคบคิดชาวรัสเซีย 2 คน ในข้อหาเจาะเข้าระบบการชำระเงินของเครือข่ายร้านค้าปลีกหลายแห่ง เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น และแฮนนาฟอร์ด บราเธอร์ส เพื่อขโมยข้อมูลจากหมายเลขบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมากกว่า130 ล้านใบระหว่างเดือนตุลาคม 2006 ถึงต้นปี 2008 ก่อนนำข้อมูลที่ได้ไปขายต่อให้ลูกค้าในแคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ รวมทั้งลูกค้าในประเทศเนเธอร์แลนด์ ยูเครน และลัตเวีย ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุว่า กอนซาเลซใช้เทคนิคที่เรียกว่า"เอสคิวแอล อินเจคชัน แอคแทค" ซึ่งเป็นการบิดเบือนคำสั่งสำหรับเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล เพื่อบังคับให้ฐานข้อมูลทำงานตามที่ตนต้องการ เช่น ลบข้อมูล หยุดให้บริการ หรือหยุดการทำงานของเครื่องแม่ข่าย
หากกอนซาเลซถูกตัดสินว่าผิดจริงเขาอาจต้องรับโทษจำคุกถึง 20 ปี จากข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และอีก5 ปีสำหรับข้อหาสมคบคิดกันก่ออาชญากรรม และอาจต้องจ่ายค่าปรับอีกข้อหาละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 8.5 ล้านบาทด้วย
เมื่อวันจันทร์ (17) อัยการในมหานครนิวยอร์กเปิดเผยว่า ได้ส่งฟ้องอัลเบิร์ต กอนซาเลซ วัย 28 ปี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานจัดเก็บข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้สมคบคิดชาวรัสเซีย 2 คน ในข้อหาเจาะเข้าระบบการชำระเงินของเครือข่ายร้านค้าปลีกหลายแห่ง เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น และแฮนนาฟอร์ด บราเธอร์ส เพื่อขโมยข้อมูลจากหมายเลขบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมากกว่า130 ล้านใบระหว่างเดือนตุลาคม 2006 ถึงต้นปี 2008 ก่อนนำข้อมูลที่ได้ไปขายต่อให้ลูกค้าในแคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ รวมทั้งลูกค้าในประเทศเนเธอร์แลนด์ ยูเครน และลัตเวีย ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุว่า กอนซาเลซใช้เทคนิคที่เรียกว่า"เอสคิวแอล อินเจคชัน แอคแทค" ซึ่งเป็นการบิดเบือนคำสั่งสำหรับเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล เพื่อบังคับให้ฐานข้อมูลทำงานตามที่ตนต้องการ เช่น ลบข้อมูล หยุดให้บริการ หรือหยุดการทำงานของเครื่องแม่ข่าย
หากกอนซาเลซถูกตัดสินว่าผิดจริงเขาอาจต้องรับโทษจำคุกถึง 20 ปี จากข้อหาฉ้อโกงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และอีก5 ปีสำหรับข้อหาสมคบคิดกันก่ออาชญากรรม และอาจต้องจ่ายค่าปรับอีกข้อหาละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 8.5 ล้านบาทด้วย