ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลรับอุทธรณ์เรื่อง “จ่าปัญญา” ผู้ต้องหาคดีลอบยิง"สนธิ" ฟ้อง “ธานี-พนักงานสอบสวน” ไว้แล้ว แต่จะพิจารณารับฟ้องเป็นคดีหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันอีก ทนายเผยศาลสั่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเตรียมแก้อุทธรณ์ “ธานี” มีเวลาส่งศาลไม่เกิน 30 วัน ย้ำ “จ่าปัญญา” ยังไม่พร้อมมอบตัว
วานนี้ (17 ส.ค.) นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้องคดียื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวน บช.น. รวม 2 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบว่า หลังจากที่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีไปแล้วนั้น ล่าสุดศาลอาญา มีคำสั่งรับอุทธรณ์ ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไปแล้ว โดยศาลอาญา มีคำสั่งให้สำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองทราบเพื่อยื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งศาล
ทั้งนี้ การยื่นคำแก้อุทธรณ์นั้นหากจำเลยทั้งสองได้รับหมายศาลเองก็จะมีเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งศาลภายใน 15 วัน แต่ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับหมาย แต่ได้มีการปิดหมายแจ้งให้ทราบ จำเลยก็จะมีเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งภายใน 30 วัน โดยกระบวนการหลังจากนี้ จะต้องรอว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป หากศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งยกฟ้องเช่นกัน ตามกฎหมายยังสามารถใช้สิทธิ์ฎีกาได้ แต่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
"ส่วนจ่าปัญญา ในขณะนี้ ผมยังไม่ได้พบหรือพูดคุยกับเขาโดยตรง แต่การดำเนินคดี จะพูดคุยหารือผ่านทางญาติ ซึ่งเรื่องการจะมอบตัวหรือไม่ ตามที่เคยคุยกับญาติของจ่าปัญญานั้น ก็ขอให้ดำเนินกระบวนการฟ้องคดีให้เสร็จสิ้นทราบผลก่อน และอยู่ที่ตัวจ่าปัญญาว่าจะมีความพร้อมเมื่อใดที่จะมอบตัว"นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ จ.ส.อ.ปัญญา มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวน บช.น. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำการอันมิชอบเพื่อจะกลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษทางอาญาโดยไม่เป็นธรรมต่อศาลอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญาพิจารณาคำฟ้องแล้วจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ไม่รับฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(6) และมาตรา 131 ที่จะรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อทราบข้อเท็จจริง พฤติการณ์ และตัวผู้กระทำผิด ซึ่งจำเลยทั้งสองรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิด จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งต่อมา จ.ส.อ.ปัญญา ยื่นอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า จ.ส.อ.ปัญญา และส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในคดีนี้ ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะมีการมอบตัวแต่อย่างใด ตั้งแต่ถูกออกหมายจับมา ในทางตรงกันข้าม จ.ส.อ.ปัญญา กลับดำเนินการตามช่องทางของกฏหมาย โดยฟ้องร้องพล.ต.อ.ธานี และคณะ ในขณะที่ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังพล.ต.อ.ธานี เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ มีรายงานเช่นกันว่า นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญานั้น เป็นทนายความในสังกัดสำนักงานทนายความของนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว ฐานหมิ่นศาลกรณีที่มีถุงขนมเงินสด 2 ล้านบาท ไปปรากฏบนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่จะมีคำพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณในที่สุด.
วานนี้ (17 ส.ค.) นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้องคดียื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวน บช.น. รวม 2 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบว่า หลังจากที่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีไปแล้วนั้น ล่าสุดศาลอาญา มีคำสั่งรับอุทธรณ์ ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไปแล้ว โดยศาลอาญา มีคำสั่งให้สำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองทราบเพื่อยื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งศาล
ทั้งนี้ การยื่นคำแก้อุทธรณ์นั้นหากจำเลยทั้งสองได้รับหมายศาลเองก็จะมีเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งศาลภายใน 15 วัน แต่ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับหมาย แต่ได้มีการปิดหมายแจ้งให้ทราบ จำเลยก็จะมีเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ส่งภายใน 30 วัน โดยกระบวนการหลังจากนี้ จะต้องรอว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป หากศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งยกฟ้องเช่นกัน ตามกฎหมายยังสามารถใช้สิทธิ์ฎีกาได้ แต่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
"ส่วนจ่าปัญญา ในขณะนี้ ผมยังไม่ได้พบหรือพูดคุยกับเขาโดยตรง แต่การดำเนินคดี จะพูดคุยหารือผ่านทางญาติ ซึ่งเรื่องการจะมอบตัวหรือไม่ ตามที่เคยคุยกับญาติของจ่าปัญญานั้น ก็ขอให้ดำเนินกระบวนการฟ้องคดีให้เสร็จสิ้นทราบผลก่อน และอยู่ที่ตัวจ่าปัญญาว่าจะมีความพร้อมเมื่อใดที่จะมอบตัว"นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ จ.ส.อ.ปัญญา มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวน บช.น. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำการอันมิชอบเพื่อจะกลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษทางอาญาโดยไม่เป็นธรรมต่อศาลอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญาพิจารณาคำฟ้องแล้วจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ไม่รับฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(6) และมาตรา 131 ที่จะรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อทราบข้อเท็จจริง พฤติการณ์ และตัวผู้กระทำผิด ซึ่งจำเลยทั้งสองรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิด จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งต่อมา จ.ส.อ.ปัญญา ยื่นอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า จ.ส.อ.ปัญญา และส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในคดีนี้ ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะมีการมอบตัวแต่อย่างใด ตั้งแต่ถูกออกหมายจับมา ในทางตรงกันข้าม จ.ส.อ.ปัญญา กลับดำเนินการตามช่องทางของกฏหมาย โดยฟ้องร้องพล.ต.อ.ธานี และคณะ ในขณะที่ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังพล.ต.อ.ธานี เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ มีรายงานเช่นกันว่า นายบัญญัติ จิตรเย็น ทนายความของ จ.ส.อ.ปัญญานั้น เป็นทนายความในสังกัดสำนักงานทนายความของนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว ฐานหมิ่นศาลกรณีที่มีถุงขนมเงินสด 2 ล้านบาท ไปปรากฏบนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่จะมีคำพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณในที่สุด.