โออิชิ เป็นปลื้ม กำไรครึ่งปีแรก 2552 เติบโตสูงสุดรอบ 10 ปี 51% ขณะที่รายได้เติบโต 23% มั่นใจสัญญาณเศรษฐกิจดี ครึ่งปีหลังลุยหนักทุ่มงบตลาด 100 ล้านบาทกระตุ้นตลาด ยันไม่ปรับแผน พร้อมขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 นี้ มีรายได้รวมประมาณ 3,427 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 23% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,795 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 เท่ากับ 426 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 51% จากเดิมที่มีกำไร 282 ล้านบาท
“กำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 51% นี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่โออิชิดำเนินกิจการมาก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาเราจะเติบโตแค่ 20-30% เท่านั้น แต่ครั้งนี้มากขึ้น ทั้งๆที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี อีกทั้งเป็นผลมาจากการทำตลาดต่อเนื่อง การขยายสาขาต่อเนื่อง การที่ต้นทุนวัตดุดิบลดลงอันเนื่องมาจากการสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นนั่นเอง”
ทั้งนี้การเติบโตมาจากธุรกิจอาหารมากขึ้น จากเดิมที่พึ่งพาการเติบโตเครื่องดื่มชาเขียวเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้อยู่ที่ อาหาร 45% และเครื่องดื่ม 55% ซึ่งคาดว่าภายในปีหน้าสัดส่วนรายได้อาหารและเครื่องดื่มจะเท่ากันที่ 50%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถทำรายได้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะเริ่มมีสัญญาณที่ดีบ่งบอกแล้ว ทั้งจากการที่ตลาดหุ้นเริ่มมีตัวเลขซื้อขายมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์มีการซื้อขายมากขึ้น ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเริ่มนิ่งๆบ้างแล้ว
และเงินที่รัฐบาลใส่เข้าไปในมาตรการต่างๆที่กระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นผลดีมากขึ้น
นายตันกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น แต่บริษัทฯก็จะยังไม่มีการปรับแผนการลงทุน โดยจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 20 แห่งในปีหน้าเช่นเดิม ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 200 ล้านบาทเหมือนที่ผ่านมา แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบโดยการขยายสาขาในต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น หากได้ทำเลที่ดีๆ ขณะที่แบรนด์ใหม่ๆที่ไปซื้อแฟรนไชส์มานั้นก็คือ ร้านไมโดะโอกินิและร้านคาโซกูเตะ ก็จะเริ่มเปิดสาขามากขึ้นในปีหน้า ซึ่งปีนี้จะเป็นช่วงของการเริ่มต้น ซึ่งขณะนี้ร้านคาโซกูเตะอยู่ระหว่างการรอพื้นที่ของศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์กับเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ส่วนร้านไมโดะโอกินิเปิดแล้วที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
ปัจจุบันโออิชิมีร้านอาหารในเครือทุกแบรนด์รวมกันมากกว่า 104 สาขาแล้ว ล่าสุดก็คือ ร้านชาบูชิที่เมเจอร์เอกมัย และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมกันทั้งหมดประมาณ 109 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมีรวมประมาณ 97 สาขา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมากกว่า 90% อีก 10% อยู่ในต่างจังหวัดเช่น ร้านชาบูชิ 2 สาขา ร้านโออิชิราเมนอีก 2 สาขา ที่เชียงใหม่
ดังนั้นปีหน้าจะขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นทั้งนี้ร้านชาบูชิเป็นร้านที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในกลุ่ม โดยโออิชิมีแชร์ประมาณ 40% จากมูลค่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นรวมในไทยที่มีมากกว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มี 6,000 ล้านบาท
ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของแบรนด์โออิชิในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ได้จัดแคมเปญ “ซูโก้ย...โซ้ยแหลก” แจกซูชิทองคำน้ำหนักรวม 100 บาท (มี 10 รางวัล รางวัลละน้ำหนัก 10 บาท) รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยช่วง 4 เดือนท้ายของปีนี้จะใช้งบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 นี้ มีรายได้รวมประมาณ 3,427 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 23% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,795 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 เท่ากับ 426 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 51% จากเดิมที่มีกำไร 282 ล้านบาท
“กำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 51% นี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่โออิชิดำเนินกิจการมาก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาเราจะเติบโตแค่ 20-30% เท่านั้น แต่ครั้งนี้มากขึ้น ทั้งๆที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี อีกทั้งเป็นผลมาจากการทำตลาดต่อเนื่อง การขยายสาขาต่อเนื่อง การที่ต้นทุนวัตดุดิบลดลงอันเนื่องมาจากการสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นนั่นเอง”
ทั้งนี้การเติบโตมาจากธุรกิจอาหารมากขึ้น จากเดิมที่พึ่งพาการเติบโตเครื่องดื่มชาเขียวเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้อยู่ที่ อาหาร 45% และเครื่องดื่ม 55% ซึ่งคาดว่าภายในปีหน้าสัดส่วนรายได้อาหารและเครื่องดื่มจะเท่ากันที่ 50%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถทำรายได้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะเริ่มมีสัญญาณที่ดีบ่งบอกแล้ว ทั้งจากการที่ตลาดหุ้นเริ่มมีตัวเลขซื้อขายมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์มีการซื้อขายมากขึ้น ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเริ่มนิ่งๆบ้างแล้ว
และเงินที่รัฐบาลใส่เข้าไปในมาตรการต่างๆที่กระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นผลดีมากขึ้น
นายตันกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น แต่บริษัทฯก็จะยังไม่มีการปรับแผนการลงทุน โดยจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 20 แห่งในปีหน้าเช่นเดิม ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 200 ล้านบาทเหมือนที่ผ่านมา แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบโดยการขยายสาขาในต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น หากได้ทำเลที่ดีๆ ขณะที่แบรนด์ใหม่ๆที่ไปซื้อแฟรนไชส์มานั้นก็คือ ร้านไมโดะโอกินิและร้านคาโซกูเตะ ก็จะเริ่มเปิดสาขามากขึ้นในปีหน้า ซึ่งปีนี้จะเป็นช่วงของการเริ่มต้น ซึ่งขณะนี้ร้านคาโซกูเตะอยู่ระหว่างการรอพื้นที่ของศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์กับเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ส่วนร้านไมโดะโอกินิเปิดแล้วที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
ปัจจุบันโออิชิมีร้านอาหารในเครือทุกแบรนด์รวมกันมากกว่า 104 สาขาแล้ว ล่าสุดก็คือ ร้านชาบูชิที่เมเจอร์เอกมัย และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมกันทั้งหมดประมาณ 109 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมีรวมประมาณ 97 สาขา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมากกว่า 90% อีก 10% อยู่ในต่างจังหวัดเช่น ร้านชาบูชิ 2 สาขา ร้านโออิชิราเมนอีก 2 สาขา ที่เชียงใหม่
ดังนั้นปีหน้าจะขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นทั้งนี้ร้านชาบูชิเป็นร้านที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในกลุ่ม โดยโออิชิมีแชร์ประมาณ 40% จากมูลค่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นรวมในไทยที่มีมากกว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มี 6,000 ล้านบาท
ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของแบรนด์โออิชิในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ได้จัดแคมเปญ “ซูโก้ย...โซ้ยแหลก” แจกซูชิทองคำน้ำหนักรวม 100 บาท (มี 10 รางวัล รางวัลละน้ำหนัก 10 บาท) รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยช่วง 4 เดือนท้ายของปีนี้จะใช้งบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท