นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ผิดวัตถุประสงค์ มีมติ 3 ต่อ 2 ให้พรรคประชาธิปัตย์พ้นผิดว่า หากเป็นจริง ก็น่าจะมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงซ่อนเร้น เพื่อช่วยพรรคประชาธิปัตย์ และกดดันกกต.ในการดำเนินการตัดสินชี้มูลเพื่อยุบพรรค
ทั้งนี้ ตนอยากตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นว่า 1. เมื่อมีกระแสข่าวของคณะอนุกรรมการ จะทำให้การทำงานของ กกต.ลำบากขึ้น และหาก กกต.ตัดสินตามคณะอนุฯ ก็จะถูกกล่าวหาว่า กกต.ถูกชี้นำได้ 2.. กกต. จะต้องตรวจสอบหาผู้ที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกมา เพราะทำให้กกต.เสียหาย และทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาในคดีนี้รวมถึงคดีอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ กกต.ต้องหามาตรการควบคุมความลับในชั้นสอบสวนของคณะอนุกรรมการรวมถึงการประชุมของ กกต.ก่อนที่จะมีข้อสรุปด้วย
3. พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าหลักฐานในกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มีน้ำหนักสามารถเอาผิด และสาวไปถึงผู้กระทำผิด จนน่าจะดำเนินการให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้
**เหน็บปชป.พรรคมีเส้น
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคมีเส้น เพราะหากผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการออกมา 3 ต่อ 2 แสดงว่า คณะอนุกรรมการบางคนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีความผิด และน่าจะมีกระบวนช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรค ดังนั้นคดีนี้เป็นคดีใหญ่ กกต.ทั้ง 5 คน จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ตัดสินคดีโดยปราศจากการชี้นำ หรือถูกกดดันจากกลุ่มต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานว่า ทุกพรรคการเมืองอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ทั้งนี้ ตนอยากตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นว่า 1. เมื่อมีกระแสข่าวของคณะอนุกรรมการ จะทำให้การทำงานของ กกต.ลำบากขึ้น และหาก กกต.ตัดสินตามคณะอนุฯ ก็จะถูกกล่าวหาว่า กกต.ถูกชี้นำได้ 2.. กกต. จะต้องตรวจสอบหาผู้ที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกมา เพราะทำให้กกต.เสียหาย และทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาในคดีนี้รวมถึงคดีอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ กกต.ต้องหามาตรการควบคุมความลับในชั้นสอบสวนของคณะอนุกรรมการรวมถึงการประชุมของ กกต.ก่อนที่จะมีข้อสรุปด้วย
3. พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าหลักฐานในกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มีน้ำหนักสามารถเอาผิด และสาวไปถึงผู้กระทำผิด จนน่าจะดำเนินการให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้
**เหน็บปชป.พรรคมีเส้น
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคมีเส้น เพราะหากผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการออกมา 3 ต่อ 2 แสดงว่า คณะอนุกรรมการบางคนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีความผิด และน่าจะมีกระบวนช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรค ดังนั้นคดีนี้เป็นคดีใหญ่ กกต.ทั้ง 5 คน จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ตัดสินคดีโดยปราศจากการชี้นำ หรือถูกกดดันจากกลุ่มต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานว่า ทุกพรรคการเมืองอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน