ยู.เอส.ฯ ชี้เครื่องมือแพทย์โตพรวด รับอานิสงส์ไข้หวัด 2009 รุกเปิดตัวหน้ากากอนามัย นาโน ปรับยุทธ์ศาสตร์สินค้าเด็กเพียวรีน ชูนวัตกรรม-คุณภาพ ควักคาแรกเตอร์ก้านกล้วย หวังสิ้นปีรายได้โต 5-6%
นายเดเนียล เหมา รองประธานบริหาร บริษัท ยู.เอส.สัมมิท คัมพานี แอล.พี. ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียวรีนจากประเทศอเมริกา เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้เปิดตัวหน้ากากอนามัยภายใต้แบรนด์ “เพียวรีน” นาโน ลงตลาด ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องมือแพทย์ 1 ใน 3 ธุรกิจของบริษัท คือ กลุ่มเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ทั้งนี้การเปิดตัวหน้ากากอนามัย เนื่องจากพบว่าตลาดมีความต้องการในช่วง 3-4 เดือนนี้ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 โดยเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคม นี้ ราคา 10บาทต่อชิ้น
“เราได้ส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังประเทศมาเลเซีย มียอดขาย 10 ล้านบาท อีกทั้งยังคาดว่ากลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์จะได้รับอานิสงส์ จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 เช่นกัน และมีการเติบโต 20-30% จากปกติโต 10% ส่วนเวชภัณฑ์ปีนี้คาดว่า 1,200 ล้านบาท”
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียวรีน บริษัทปรับยุทธศาสตร์การทำตลาด มุ่งเน้นนวัตกรรมควบคู่กับคุณภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดภายใน 2-3 ปี ล่าสุดได้ซื้อไลเซนส์คาแรกเตอร์ก้านกล้วยสำหรับผลิตภัณฑ์เด็กเพียวรีนทุกรายการ อาทิ แชมพู สบู่ โลชั่น เพิ่มเติมหลังจากที่ผ่านมามีเฉพาะขวดนมและแผ่นยางปูนอน หลังจากนำคาแรกเตอร์ก้านกล้วยในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 3 เท่าตัว
ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กปีนี้ เติบโต 2-3% กลุ่มสินค้าพรีเมียมเป็นเซกเมนต์ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าเฮาส์แบรนด์เป็นเซกเมนต์ที่การเติบโต อย่างไรก็ตามพบว่าในช่วงที่ผ่านมาอัตราการเกิดของเด็กไทยลดลง จากเดิม 8 แสนคนต่อปี บริษัทจึงเน้นขยายกลุ่มแม่ของเด็กเพิ่มเติมด้วย หลังจากก่อนหน้านี้โฟกัสกลุ่มเด็กแรกเกิดเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดมียาสีฟันสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์
นายเดเนียล กล่าวว่า ในช่วง 4-5 เดือน บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ จากปัจจุบันมีมากว่า 100 รายการ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 5-6% จากในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมานี้ บริษัทมีการเติบโต 5-6% เกินเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้า สำหรับรายได้รวมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 2,000 ล้านบาท
นายเดเนียล เหมา รองประธานบริหาร บริษัท ยู.เอส.สัมมิท คัมพานี แอล.พี. ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียวรีนจากประเทศอเมริกา เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้เปิดตัวหน้ากากอนามัยภายใต้แบรนด์ “เพียวรีน” นาโน ลงตลาด ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องมือแพทย์ 1 ใน 3 ธุรกิจของบริษัท คือ กลุ่มเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ทั้งนี้การเปิดตัวหน้ากากอนามัย เนื่องจากพบว่าตลาดมีความต้องการในช่วง 3-4 เดือนนี้ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 โดยเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคม นี้ ราคา 10บาทต่อชิ้น
“เราได้ส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังประเทศมาเลเซีย มียอดขาย 10 ล้านบาท อีกทั้งยังคาดว่ากลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์จะได้รับอานิสงส์ จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 เช่นกัน และมีการเติบโต 20-30% จากปกติโต 10% ส่วนเวชภัณฑ์ปีนี้คาดว่า 1,200 ล้านบาท”
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียวรีน บริษัทปรับยุทธศาสตร์การทำตลาด มุ่งเน้นนวัตกรรมควบคู่กับคุณภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดภายใน 2-3 ปี ล่าสุดได้ซื้อไลเซนส์คาแรกเตอร์ก้านกล้วยสำหรับผลิตภัณฑ์เด็กเพียวรีนทุกรายการ อาทิ แชมพู สบู่ โลชั่น เพิ่มเติมหลังจากที่ผ่านมามีเฉพาะขวดนมและแผ่นยางปูนอน หลังจากนำคาแรกเตอร์ก้านกล้วยในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 3 เท่าตัว
ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กปีนี้ เติบโต 2-3% กลุ่มสินค้าพรีเมียมเป็นเซกเมนต์ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าเฮาส์แบรนด์เป็นเซกเมนต์ที่การเติบโต อย่างไรก็ตามพบว่าในช่วงที่ผ่านมาอัตราการเกิดของเด็กไทยลดลง จากเดิม 8 แสนคนต่อปี บริษัทจึงเน้นขยายกลุ่มแม่ของเด็กเพิ่มเติมด้วย หลังจากก่อนหน้านี้โฟกัสกลุ่มเด็กแรกเกิดเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดมียาสีฟันสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์
นายเดเนียล กล่าวว่า ในช่วง 4-5 เดือน บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ จากปัจจุบันมีมากว่า 100 รายการ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 5-6% จากในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมานี้ บริษัทมีการเติบโต 5-6% เกินเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้า สำหรับรายได้รวมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 2,000 ล้านบาท