นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมนิติบัญญัติ โดยให้สภาเป็นเจ้าภาพว่า ไม่ใช่ว่าเมื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ สรุปว่าให้แก้ไขใน 6 ประเด็น แล้วจะรวบรัดแก้ไขเลย เพราะจะทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้านได้ โดยต้องไม่ลืมว่าเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมใหญ่มาครั้งหนึ่งแล้ว จึงห่วงว่าอาจเกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองรอบใหม่ อยากให้รอบคอบ และกว้างขวางมากกว่านี้ โดยควรเปิดให้ศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย โดยอาจมีการตั้ง ส.ส.ร.3 หรือการตั้งคณะกรรมการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนขึ้นมาก่อนก็ได้
นายเทพไท ยังกล่าวถึงผลโพลที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความโดดเด่นคนละด้านโดยนายอภิสิทธิ์ มีความซื่อสัตย์ สุจริต ที่เหนือกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าสังคมต้องการคนที่ซื่อสัตย์สุจริตมาเป็นผู้นำ ส่วนที่ระบุว่า ฝีมือความสามารถของพ.ต.ท.ทักษิณ มีมากกว่านายอภิสิทธิ์ นั้นเมื่อดูจากสัดส่วนแล้วห่างกันไม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ จะต้องพัฒนาฝีมือ และมุมานะทำงานให้เป็นที่ยอมรับ
ที่น่าสังเกตคือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต หรือทุจริต เป็นนิสัย และกำพืดของนักการเมืองที่ยากจะแก้ไข ส่วนเรื่องฝีมือการบริหารเป็นเรื่องที่สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน
นายเทพไท ยังกล่าวถึงผลโพลที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความโดดเด่นคนละด้านโดยนายอภิสิทธิ์ มีความซื่อสัตย์ สุจริต ที่เหนือกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าสังคมต้องการคนที่ซื่อสัตย์สุจริตมาเป็นผู้นำ ส่วนที่ระบุว่า ฝีมือความสามารถของพ.ต.ท.ทักษิณ มีมากกว่านายอภิสิทธิ์ นั้นเมื่อดูจากสัดส่วนแล้วห่างกันไม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ จะต้องพัฒนาฝีมือ และมุมานะทำงานให้เป็นที่ยอมรับ
ที่น่าสังเกตคือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต หรือทุจริต เป็นนิสัย และกำพืดของนักการเมืองที่ยากจะแก้ไข ส่วนเรื่องฝีมือการบริหารเป็นเรื่องที่สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน