เอเอฟพี/เอเจนซี - ชาวฟิลิปปินส์จำนวนกว่า 100,000 คน พร้อมใจออกมาร่วมแสดงความไว้อาลัยแด่อดีตประธานาธิบดีกอราซอน อากิโน ผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนศพของเธอผ่านไปตามถนนสายหลักใจกลางกรุงมะนิลา เพื่อไปฝังที่สุสานของตระกูลเมื่อวานนี้ (5) แม้สภาพอากาศในเมืองหลวงของของฟิลิปปินส์จะมีฝนตกอย่างหนักก็ตาม
กองทัพฟิลิปปินส์ได้จัดทหารกองเกียรติยศในเครื่องแบบเต็มยศ เคลื่อนศพอดีตประธานาธิบดีซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในวัย 76 ปีเมื่อวันเสาร์ (1)ที่ผ่านมา ออกจากมหาวิหารเก่าแก่อายุ 400 ปีของชาวคาทอลิกกลางกรุงมะนิลา เพื่อนำไปฝังที่สุสานส่วนตัวของตระกูลอากิโน ขณะที่ตลอดสองข้างทางมีผู้คนมากกว่า 100,000 คนรอต้อนรับและร่วมเดินไปกับขบวนแห่ศพของอดีตผู้นำ
ส่วนชาวฟิลิปปินส์ที่อยู่ในตัวอาคารต่างๆ ตลอดเส้นทาง ต่างร่วมแสดงความอาลัยด้วยการห้อยแผ่นผ้าสีเหลือง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของขบวนการพลังประชาชนในการโค่นล้มระบอบเผด็จการของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ในปี1986 รวมทั้งมีการโปรยปรายกระดาษสีเดียวกันลงมาตามท้องถนน และมีการปล่อยนกพิราบพร้อมด้วยลูกโป่งสีเหลืองจำนวนมากเช่นเดียวกัน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเมืองหลวง
ก่อนหน้านั้นในช่วงรุ่งเช้าวานนี้(5) ประธานาธิบดีกลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ซึ่งยุติภารกิจการเยือนสหรัฐฯ และเดินทางกลับประเทศหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีอากิโนเมื่อวันเสาร์ (1) ได้เดินทางมาพบกับสมาชิกครอบครัวอากิโน ที่มหาวิหารกรุงมะนิลา เพื่อเคารพศพนางอากิโนและแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเวลาประมาณ 10 นาที โดยอาร์โรโยได้จับมือทักทายกับเบนินโญ อากิโน จูเนียร์วุฒิสมาชิกฝ่ายค้านซึ่งเป็นบุตรชายของอากิโนด้วย
ด้านกริสตินา เบร์นาเด็ตต์ อากิโน บุตรสาวคนสุดท้องของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ ออกมากล่าวแสดงความขอบคุณประชาชนชาวฟิลิปปินส์ทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันออกมาแสดงความอาลัยต่อการจากไปของมารดาของเธอ พร้อมกับเปิดเผยคำพูดสุดท้ายของนางอากิโนที่ระบุว่า "ขอให้ลูกๆ ทุกคนดูแลซึ่งกันและกัน และให้ช่วยดูแลประเทศชาติด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า เมื่อขบวนศพได้เคลื่อนถึงสุสานมะนิลา เมโมเรียล พาร์ค ซึ่งเป็นสุสานส่วนตัวของตระกูลอากิโน ทางครอบครัวของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์จะร่วมพิธีฝังศพที่จัดขึ้นเป็นการภายใน โดยร่างของอดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฟิลิปปินส์ จะถูกฝังเคียงข้างกับหลุมศพของเบนินโญ อากิโน สามีของเธอ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1983
กองทัพฟิลิปปินส์ได้จัดทหารกองเกียรติยศในเครื่องแบบเต็มยศ เคลื่อนศพอดีตประธานาธิบดีซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในวัย 76 ปีเมื่อวันเสาร์ (1)ที่ผ่านมา ออกจากมหาวิหารเก่าแก่อายุ 400 ปีของชาวคาทอลิกกลางกรุงมะนิลา เพื่อนำไปฝังที่สุสานส่วนตัวของตระกูลอากิโน ขณะที่ตลอดสองข้างทางมีผู้คนมากกว่า 100,000 คนรอต้อนรับและร่วมเดินไปกับขบวนแห่ศพของอดีตผู้นำ
ส่วนชาวฟิลิปปินส์ที่อยู่ในตัวอาคารต่างๆ ตลอดเส้นทาง ต่างร่วมแสดงความอาลัยด้วยการห้อยแผ่นผ้าสีเหลือง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของขบวนการพลังประชาชนในการโค่นล้มระบอบเผด็จการของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ในปี1986 รวมทั้งมีการโปรยปรายกระดาษสีเดียวกันลงมาตามท้องถนน และมีการปล่อยนกพิราบพร้อมด้วยลูกโป่งสีเหลืองจำนวนมากเช่นเดียวกัน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเมืองหลวง
ก่อนหน้านั้นในช่วงรุ่งเช้าวานนี้(5) ประธานาธิบดีกลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ซึ่งยุติภารกิจการเยือนสหรัฐฯ และเดินทางกลับประเทศหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีอากิโนเมื่อวันเสาร์ (1) ได้เดินทางมาพบกับสมาชิกครอบครัวอากิโน ที่มหาวิหารกรุงมะนิลา เพื่อเคารพศพนางอากิโนและแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเวลาประมาณ 10 นาที โดยอาร์โรโยได้จับมือทักทายกับเบนินโญ อากิโน จูเนียร์วุฒิสมาชิกฝ่ายค้านซึ่งเป็นบุตรชายของอากิโนด้วย
ด้านกริสตินา เบร์นาเด็ตต์ อากิโน บุตรสาวคนสุดท้องของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ ออกมากล่าวแสดงความขอบคุณประชาชนชาวฟิลิปปินส์ทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันออกมาแสดงความอาลัยต่อการจากไปของมารดาของเธอ พร้อมกับเปิดเผยคำพูดสุดท้ายของนางอากิโนที่ระบุว่า "ขอให้ลูกๆ ทุกคนดูแลซึ่งกันและกัน และให้ช่วยดูแลประเทศชาติด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า เมื่อขบวนศพได้เคลื่อนถึงสุสานมะนิลา เมโมเรียล พาร์ค ซึ่งเป็นสุสานส่วนตัวของตระกูลอากิโน ทางครอบครัวของอดีตผู้นำฟิลิปปินส์จะร่วมพิธีฝังศพที่จัดขึ้นเป็นการภายใน โดยร่างของอดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฟิลิปปินส์ จะถูกฝังเคียงข้างกับหลุมศพของเบนินโญ อากิโน สามีของเธอ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1983
