เอเอฟพี - สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) เตือนเมื่อวันจันทร์ (3) ว่าภาวะพลังงานตึงตัวอย่างร้ายแรง กำลังทำท่าจะเกิดขึ้นมาภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากขณะนี้แหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ของโลกส่วนมากมีการผลิตน้ำมันเกินกว่าระดับสูงสุดของตนไปแล้ว
ฟาติห์ ไบรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไออีเอซึ่งเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยด้านพลังงานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ระบุว่า "ภาวะน้ำมันตึงตัว" จะส่งผลร้ายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากราคาน้ำมันจะพุ่งสูงลิ่ว จากการที่อุปสงค์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อุปทานกลับชะงักหรือกระทั่งลดปริมาณลง
ไบรอลกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ของอังกฤษด้วยว่า รัฐบาลของประเทศจำนวนมากดูเหมือนยังไม่ตระหนักว่าน้ำมันจะหมดไปจากโลกเร็วกว่าที่คาดกันไว้ อย่างน้อยที่สุดก็ 10 ปี เพราะการผลิตน้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดภายใน 10 ปีต่อจากนี้ไป
"ถึงจะไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่วันหนึ่งวันใดข้างหน้ามันจะหมดไป เราจึงต้องทิ้งน้ำมันไปเสียก่อนที่น้ำมันจะทิ้งเรา ... ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะระบบเศรษฐกิจและสังคมของเราทั้งหมดต้องพึ่งพาน้ำมัน การจะเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยทั้งเวลาและใช้เงินอย่างมาก จึงควรถือว่านี่เป็นเรื่องจริงจัง"
ฟาติห์ ไบรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไออีเอซึ่งเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยด้านพลังงานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ระบุว่า "ภาวะน้ำมันตึงตัว" จะส่งผลร้ายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากราคาน้ำมันจะพุ่งสูงลิ่ว จากการที่อุปสงค์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อุปทานกลับชะงักหรือกระทั่งลดปริมาณลง
ไบรอลกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ของอังกฤษด้วยว่า รัฐบาลของประเทศจำนวนมากดูเหมือนยังไม่ตระหนักว่าน้ำมันจะหมดไปจากโลกเร็วกว่าที่คาดกันไว้ อย่างน้อยที่สุดก็ 10 ปี เพราะการผลิตน้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดภายใน 10 ปีต่อจากนี้ไป
"ถึงจะไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่วันหนึ่งวันใดข้างหน้ามันจะหมดไป เราจึงต้องทิ้งน้ำมันไปเสียก่อนที่น้ำมันจะทิ้งเรา ... ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะระบบเศรษฐกิจและสังคมของเราทั้งหมดต้องพึ่งพาน้ำมัน การจะเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยทั้งเวลาและใช้เงินอย่างมาก จึงควรถือว่านี่เป็นเรื่องจริงจัง"