xs
xsm
sm
md
lg

“ร้านสวนชื่นสุข” หนุน “พรรค ก.ม.ม.” ทำงานเพื่อประชาชนล้างการเมืองเก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เขมชาติ สุวรรณวัฒนา
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ –ร้านอาหารหัวใจสีเหลือง “สวนชื่นสุข” หนุนพรรคการเมืองใหม่เป็นต้นแบบการเมืองไร้ทุจริต คอร์รัปชัน แนะเร่งลงพื้นที่รุกฐานเสียงในภาคใต้ให้มั่นทุกหมู่บ้าน พร้อมใส่เกียร์หน้าลงอีสานให้ประชาชนหลุดจากภาพมายาของระบอบทักษิณ อ่อนใจระบอบการเมืองเก่าเอื้อผลประโยชน์เพื่อต่ออายุรัฐบาล ชี้เลือกตั้งคราวหน้าจะเกิดจุดเปลี่ยนใหม่ต่อการหาเสียงในภาคใต้

การก้าวเดินของการเมืองภาคประชาชนที่เกิดขึ้นจากการขับไล่ระบอบทรราช ทั้งเมื่อปี 2547 และ 193 วันปี 2550 ประกอบด้วยคนที่เข้าร่วมช่วยเหลือจากหลักหน่วย ทวีขึ้นเป็นหลักแสน และแตะหลักล้านในที่สุด ซึ่งระยะทางนั้นใช้เวลานานนับปีกว่าจะพัฒนาการมาเป็นพรรคการเมืองใหม่

นายเขมชาติ สุวรรณวัฒนา เจ้าของร้านอาหารสวนชื่นสุข อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อดีตข้าราชการด้านการเกษตร ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ร่วมบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ให้แก่การเมืองไทย เพราะเขาคือคนเบื้องหลังที่สนับสนุนกิจกรรมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งในระดับจุลภาค ที่ช่วยเหลือกิจกรรมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา โดยเป็นกองกำลังเสบียงให้พี่น้องได้มีข้าวปลาอาหารอิ่มท้อง

นอกจากนี้ ยังใช้สวนอาหารชื่นสุขเป็นที่เลี้ยงรับรองแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเดินทางมาปฏิบัติภารกิจใน จ.สงขลา ทั้งนายสำราญ รอดเพชร นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ นายวีระ สมความคิด นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก นางสาวเสน่ห์ หงส์ทอง และสุกัญญา มิเกล เป็นต้น ตลอดจนการหนุนกิจกรรมการเคลื่อนไหวในระดับมหภาค ที่ทำเนียบรัฐบาลกับประชาชนเรือนแสนขับไล่ 2 นายกนอมินี

จุดเริ่มต้นของการกลายเป็นร้านอาหารพันธมิตรฯ เขายอมรับว่ามาจากการติดตามรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ตั้งแต่ยังออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี จนกระทั่งเป็นรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ซึ่งถ่ายทอดสดจากหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผ่าน ASTV และสวนลุมพินี และประกาศตัวเป็นนักสู้ข้างถนนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในที่สุด

“คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผมมองเห็นว่าเป็นภาพมายาตั้งแต่แรกๆ เวลาที่พูดกับเพื่อนก็จะไม่มีใครเชื่อ ก็ทำให้ทะเลาะกันไปหลายคน แต่เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาดีแต่เปลือกนอกจริงๆ เพราะเป็นนักฉวยโอกาสซึ่งกลายเป็นการทำลายตัวเองเรื่อยมาให้หลงสู่ความโลภ และไม่รู้จักผิดถูกชั่วดี ทำทุกวิถีทางอย่างไม่อายฟ้าดินและแผ่นดินเกิด” นายเขมชาติ กล่าวต่อและว่า

ในส่วนของครอบครัวก็ให้ความเทิดทูนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เมื่อมีการโจมตีจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ทำให้คนในครอบครัวเริ่มแรกพี่สาว-น้องสาวมักจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง กินอยู่นับร้อยวัน แต่เมื่อตัวเองยังไม่สะดวกร่วมด้วยก็จะฝากเงินไปบริจาคช่วยพันธมิตรฯ และเอเอสทีวี ครั้งละ 2,000 -3,000 บาท จนกระทั่งยึดทำเนียบรัฐบาลได้ก็ไปร่วมชุมนุมด้วยตัวเอง

ทว่าไม่สามารถนอนที่นั่นได้ เพราะพลังเสื้อเหลืองเรือนแสนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดต่างจับจองพื้นที่เต็มหมดแล้ว จึงต้องเช่าโรงแรมนอนพักผ่อน ก่อนจะออกไปชุมนุมตอนกลางวัน ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้ทางการเมือง ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองแล้ว ยังได้เปิดหูเปิดตาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ร่วมอุดมการณ์จากทั่วสารทิศ

แต่กระนั้น ก็ยังมีชาวบ้านที่เสพข่าวสารเพียงด้านเดียวหลังไม่รู้เท่าทัน และถูกมอมเมาในภาพมายาคติจนปิดกั้นตัวเอง นายเขมชาติ กล่าวว่าจากประสบการณ์ที่เคยทำงานอยู่ในภาคอีสานพบว่าวิถีชีวิตไม่ค่อยสนใจการเมือง และตระหนักถึงการรักษาสิทธิ ทำหน้าที่ของตัวเอง ต่างกับคนใต้ที่ใช้เวลาพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง จึงได้ข้อมูลหลายด้าน และเรียนรู้การเมืองไปในตัว
สวนอาหารชื่นสุข ร้านอาหารคนเสื้อเหลือง ที่ร่วมต่อสู้ต้านคอร์รัปชัน และพร้อมหนุนการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย
นั่นก็เป็นจุดอ่อนของการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นหัวหน้าพรรค เพื่อขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนสู่การต่อสู้ในระบอบสภาอย่างเต็มตัว ที่ต้องใช้ยุทธวิธีนำข่าวสารให้คนในพื้นที่นี้ได้เห็นความจริง และเลิกเห็นแก่เศษเงินที่นักการเมืองระบอบเก่าหยิบยื่นให้เพื่อแลกกับคะแนนเสียง ซึ่งเป็นวิธีการทำร้ายประเทศให้มีแต่การคอร์รัปชันอย่างไม่สิ้นสุด

“ผมเห็นด้วยที่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยเสียที โดยมีพรรคที่เป็นของประชาชนแท้จริง ไม่ใช่พรรคเพื่อนักการเมืองที่ไม่ยอมฟังเสียงท้วงติงจากประชาชนเลย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องรุกในภาคอีสานให้มีความเข้มแข็งกว่านี้ อย่างไรเสีย แม้แต่ภาคใต้เองก็ต้องจับกลุ่มคนในภาคใต้ให้มีความเข้มแข็งในทุกอำเภอ กระจายสู่ทุกชุมชนให้ได้” นายเขมชาติกล่าวต่อและว่า

พื้นที่ด้ามขวานไทยจะมีคนศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมากอย่างยาวนาน ต้องยอมรับว่ามาจากบารมีของนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่มีการกล่าวขานว่ามือสะอาด แต่ด้วยระบอบการเมืองดั้งเดิมที่ต้องมีพรรคอื่นผสม ทำให้มีความกังวลเรื่องเสียงในการเป็นรัฐบาล จึงกลายเป็นเวทีการต่อรองผลประโยชน์ในที่สุด ทำให้ไม่สามารถผ่าทางตันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้ แม้แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม

“ผมมองว่ารัฐบาลทำงานยาก น่าเห็นใจอยู่เหมือนกันสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, กรณ์ จาติกวณิช, กษิต ภิรมย์ ลองดูพวกเขาอีกสักพักว่าจะทัดทานเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองรุ่นเก่าที่อยู่ในระบบเก่า ซึ่งหวังจะหาผลประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ผมเชื่อว่าอภิสิทธิ์เองก็ไม่ได้โง่ เป็นคนดี แต่ต้องใช้เวลาและความอดทนสูงต่อการแก้ไขสถานการณ์ทั้งการเมืองภายในและเศรษฐกิจ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทนต่อแรงกดดัน หรืออุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่” นายเขมชาติกล่าวต่อและว่า

แต่ถ้าเป็นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วยังทำงานได้ไม่ผ่านการประเมินของประชาชนที่คอยเอาใจช่วย ถ้าเป็นเด็กเป็นเล็กจะถูกผู้ใหญ่จับเขกกระบาลเพื่อเป็นการลงโทษ และมีคนที่เคยติดตามส่งแรงเชียร์พรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอดถึงกับอดรนทนไม่ได้ เตรียมส่งขวดนมไปให้เลยทีเดียว ผิดกับนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ใจกล้าบ้าบิ่นแต่ก็เสียดายที่เดินในทางที่ผิด

นายเขมชาติ กล่าวต่อว่า ด้วยประชาชนตั้งความหวังต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งการบรรเทาความตึงเครียดทางการเมืองและแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่อยากจะให้ผู้นำของประเทศประคับประคองให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่เมื่อมีโอกาสเป็นรัฐบาลอีกครั้งแล้วไม่สามารถทำงานรับใช้คนส่วนใหญ่ได้อย่างที่ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะห่วงเสถียรภาพของการเป็นรัฐบาล ผิดตอนที่เป็นฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระและแข็งขัน จุดนี้อาจทำให้คนใต้เปลี่ยนใจให้แก่ตัวเลือกใหม่ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียวที่จะให้คนยอมรับพรรคการเมืองใหม่ แม้จะมีเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการตั้งพรรคการเมือง แต่นโยบายและผลของการปฏิบัติงานจะจูงใจให้คนเชื่อมั่นหรือไม่นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงการกุมเสียงของพี่น้องพันธมิตรฯ และโน้มน้าวให้คนกลุ่มอื่นตัดสินใจสนับสนุนด้วยเช่นกัน

“การตั้งพรรคต้องวางรูปแบบเพื่อให้การดำเนินงานอยู่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของทุนที่จะสนับสนุนการทำงาน และที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือเรื่องของนโยบายการทำงานว่าเป็นอย่างไร ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแค่ไหน และจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ประชาชนที่ยังไม่รับรู้ได้เห็นว่า การตั้งพรรคเมื่อได้คะแนนเสียงแล้วจะเข้ามาแก้ไขวิกฤตประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนอย่างไรบ้าง” นายเขมชาติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น