เอเอฟพี – ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯกล่าวเมื่อวันพุธ (28) ว่าเขาเริ่มเห็น “จุดเริ่มต้นแห่งการจบสิ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว” ในขณะที่เครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจและเสียงจากธนาคารกลางสหรัฐฯก็ส่งสัญญาณว่า สถานการณ์เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังดิ่งลงรุนแรงต่อเนื่อง
”สภาพการดิ่งลงนั้นหยุดลงแล้ว ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และระบบการเงินก็ไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายอีกต่อไปแล้ว” โอบามากล่าวในระหว่างการเยือนมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา
“ดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว เราน่าจะกำลังเห็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
รายงานการสำรวจสภาพการณ์เศรษฐกิจของเขตต่างๆ ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) หรือที่เรียกกันว่า “เบจบุ๊ก” ก็แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณแห่งความหวังมากขึ้น หลังจากภาวะถดถอยดำเนินมาได้ปีครึ่ง
เบจบุ๊ก ซึ่งจะถูกใช้เป็นข้อมูลในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอ็มโอเอ็มซี) ที่นัดต่อไปกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า ยังกล่าวด้วยว่า ความเร็วในการหดตัวของเศรษฐกิจเริ่มชะลอลง แม้ว่าตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจหลายตัวยังคงอ่อนแออยู่ และตลาดแรงงานก็ยังคงย่ำแย่ การจ้างงานใหม่ยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆนี้
รายงานการสำรวจในเบจบุ๊กพบข้อมูลที่แสดงว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนตัวในช่วงฤดูร้อนนี้” แต่ในเกือบทุกเขตก็ “บ่งชี้ให้เห็นถึงการบรรเทาของภาวะดิ่งลงทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่รายงานครั้งที่แล้วเป็นต้น พูดอีกนัยหนึ่งก็คือกิจการทางเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะเป็นการกระเตื้องขึ้นในระดับต่ำก็ตาม”
รายงานจากบางเขตของเฟดใช้คำอย่างเช่น “ช้า” “อ่อนตัว” หรือ “อ่อนแอ” เพื่ออธิบายกิจการทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เขตอื่น ๆบอกว่าภาวการณ์ดิ่งลงเริ่มไม่รุนแรง หรือ บางทีก็ระบุว่า “มีสัญญาณแห่งความมีเสถียรภาพ”
ระหว่างกล่าวปราศรัยที่นอร์ทแคโรไลนา โอบามาชี้ว่าอัตราการสูญเสียตำแหน่งงานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากอัตราตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการแสดงนัยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เขาผลักดันให้นำออกมาใช้นั้นได้ผล
โอบามายอมรับว่าอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และบอกว่าอัตราการตกงานที่ลดน้อยลงก็ไม่น่าจะช่วยทำให้คนที่ยังตกงานและหางานใหม่รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
โอบามายังชี้ถึงราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามปี ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งความหวังว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นศูนย์กลางของวิกฤตน่าจะดีขึ้น
นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังได้กล่าวปกป้องการที่รัฐเข้าไปอุ้ม 2 ใน 3 “บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์” หรือผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ามาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปัดเป่าเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากภาวะตกต่ำอย่างรุนแรงครั้งใหม่
“หากว่าเรายังคงทำไปตามปกติ โดยไม่ยอมรับว่าเรากำลังยืนอยู่บนปากเหวแห่งภาวะเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง ในอนาคตเราก็อาจจะต้องเลือกทำอย่างอื่นๆ ซึ่งอาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยมากกว่า” เขากล่าว
โอบามาย้ำว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์นั้นมีประสิทธิภาพช่วยขยายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยใช้วิธีการลดภาษีและการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ
“เงินมิได้ถูกใช้ไปแบบละลายแม่น้ำ” เขากล่าว “เรากำลังเห็นผลของการลงทุนทั้งในราลี (เมืองหลวงของนอร์ทแคโรไลนา) และทั่วทั้งนอร์ทแคโรไลนา”
“ผมรู้ว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวอชิงตัน และรวมทั้งแถวนี้ด้วย ว่ารัฐบาลเริ่มโครงการเหล่านี้ช้าเกินไป พวกเขาบอกว่าเราควรจะเริ่มโครงการสร้างไฮเวย์เสียตั้งแต่วันแรก แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก โดยเฉพาะผมต้องการที่จะศึกษาอย่างละเอียดถึงข้อดีข้อเสีย และทำให้เงินทุกดอลลาร์ถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างงานและทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้จริง ๆ”
เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2007 และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจก็ติดลบ 5.5% ต่อจากการหดตัว 6.3% ในช่วงไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์พากันทำนายว่าในครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตเป็นบวก
”สภาพการดิ่งลงนั้นหยุดลงแล้ว ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และระบบการเงินก็ไม่เสี่ยงต่อการล่มสลายอีกต่อไปแล้ว” โอบามากล่าวในระหว่างการเยือนมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา
“ดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว เราน่าจะกำลังเห็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
รายงานการสำรวจสภาพการณ์เศรษฐกิจของเขตต่างๆ ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) หรือที่เรียกกันว่า “เบจบุ๊ก” ก็แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณแห่งความหวังมากขึ้น หลังจากภาวะถดถอยดำเนินมาได้ปีครึ่ง
เบจบุ๊ก ซึ่งจะถูกใช้เป็นข้อมูลในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอ็มโอเอ็มซี) ที่นัดต่อไปกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า ยังกล่าวด้วยว่า ความเร็วในการหดตัวของเศรษฐกิจเริ่มชะลอลง แม้ว่าตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจหลายตัวยังคงอ่อนแออยู่ และตลาดแรงงานก็ยังคงย่ำแย่ การจ้างงานใหม่ยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆนี้
รายงานการสำรวจในเบจบุ๊กพบข้อมูลที่แสดงว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนตัวในช่วงฤดูร้อนนี้” แต่ในเกือบทุกเขตก็ “บ่งชี้ให้เห็นถึงการบรรเทาของภาวะดิ่งลงทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่รายงานครั้งที่แล้วเป็นต้น พูดอีกนัยหนึ่งก็คือกิจการทางเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะเป็นการกระเตื้องขึ้นในระดับต่ำก็ตาม”
รายงานจากบางเขตของเฟดใช้คำอย่างเช่น “ช้า” “อ่อนตัว” หรือ “อ่อนแอ” เพื่ออธิบายกิจการทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เขตอื่น ๆบอกว่าภาวการณ์ดิ่งลงเริ่มไม่รุนแรง หรือ บางทีก็ระบุว่า “มีสัญญาณแห่งความมีเสถียรภาพ”
ระหว่างกล่าวปราศรัยที่นอร์ทแคโรไลนา โอบามาชี้ว่าอัตราการสูญเสียตำแหน่งงานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากอัตราตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการแสดงนัยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เขาผลักดันให้นำออกมาใช้นั้นได้ผล
โอบามายอมรับว่าอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และบอกว่าอัตราการตกงานที่ลดน้อยลงก็ไม่น่าจะช่วยทำให้คนที่ยังตกงานและหางานใหม่รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
โอบามายังชี้ถึงราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามปี ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งความหวังว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นศูนย์กลางของวิกฤตน่าจะดีขึ้น
นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังได้กล่าวปกป้องการที่รัฐเข้าไปอุ้ม 2 ใน 3 “บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์” หรือผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ามาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปัดเป่าเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากภาวะตกต่ำอย่างรุนแรงครั้งใหม่
“หากว่าเรายังคงทำไปตามปกติ โดยไม่ยอมรับว่าเรากำลังยืนอยู่บนปากเหวแห่งภาวะเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง ในอนาคตเราก็อาจจะต้องเลือกทำอย่างอื่นๆ ซึ่งอาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยมากกว่า” เขากล่าว
โอบามาย้ำว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์นั้นมีประสิทธิภาพช่วยขยายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยใช้วิธีการลดภาษีและการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ
“เงินมิได้ถูกใช้ไปแบบละลายแม่น้ำ” เขากล่าว “เรากำลังเห็นผลของการลงทุนทั้งในราลี (เมืองหลวงของนอร์ทแคโรไลนา) และทั่วทั้งนอร์ทแคโรไลนา”
“ผมรู้ว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวอชิงตัน และรวมทั้งแถวนี้ด้วย ว่ารัฐบาลเริ่มโครงการเหล่านี้ช้าเกินไป พวกเขาบอกว่าเราควรจะเริ่มโครงการสร้างไฮเวย์เสียตั้งแต่วันแรก แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก โดยเฉพาะผมต้องการที่จะศึกษาอย่างละเอียดถึงข้อดีข้อเสีย และทำให้เงินทุกดอลลาร์ถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างงานและทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้จริง ๆ”
เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2007 และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจก็ติดลบ 5.5% ต่อจากการหดตัว 6.3% ในช่วงไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์พากันทำนายว่าในครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตเป็นบวก