ASTVผู้จัดการรายวัน – การสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตนเองถือเป็นสิ่งที่สำคัญในยุคนี้ เพราะหากจะลงไปแข่งขันกันในกลุ่มของ Red Ocean คงจะแข่งขันยาก ดังนั้น Blue Ocean น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามความนิยมของผู้บริโภคชาวไทย แต่คงจะมีเพียงไม่กี่ร้านที่รสชาติและวัตถุดิบเป็นแบบดั้งเดิมที่ชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย ยกนิ้วในเรื่องรสชาติที่เหมือนการรับประทานอาหารที่ประเทศบ้านเกิดเลยทีเดียว
จากแนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดร้าน Tokyo Table โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทสไปโรด จากประเทศญี่ปุ่น กับภัตตาคารอาหารไทย-จีนอย่าง ลี คาเฟ่ ที่มีคอนเซ็ปต์ร้านคล้ายคลึงกัน คือ การเน้นไปที่สุขภาพ ความสดใหม่ ก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า
ชนิษฎา เชี่ยวนาวิน ผู้ดูแลกิจการร้าน Tokyo Table เล่าว่า แนวคิดการเปิดร้านดังกล่าว เป็นแนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่านายวากุ้ย ซัง ที่ทึ่งกับสมุนไพรไทย หลังป่วยเป็นโรคเบาหวานนานนับปีจนตาเกือบบอด ซึ่งก็เข้ารับ การรักษาที่ประเทศญี่ปุ่น แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยระยะหนึ่ง ทำให้ได้ลิ้มลองอาหารไทยที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศสมุนไพรไทย อย่าง ต้มยำกุ้ง ยำต่างๆ ก็รู้สึกว่าอาการเบาหวานเริ่มดีขึ้น จึงศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรไทยอย่างจริงจัง พร้อมทั้งตั้งใจเปิดร้านอาหารไทยที่ประเทศญี่ปุ่น โดยหวังแต่เพียงว่าต้องการให้ชาวญี่ปุ่นมีสุขภาพที่ดีกับสมุนไพรไทยบ้าง
ทำให้ในปัจจุบันนายวากุ้ย ซัง เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศญี่ปุ่นกว่า 20 แห่งทั่วกรุงโตเกียว ต่อมาจึงคิดขยายสาขามาที่ประเทศไทยบ้าง โดยเน้นการนำเอารากฐานการปรุงอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารพื้นเมืองของญี่ปุ่น เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของเมนูอาหารให้มีความโดดเด่น และแตกต่างไปจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป พร้อมทั้งมีบริการอาหารไทยด้วย
“เมื่อร้าน Tokyo Table ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2551 ทีผ่านมานั้น ถือได้ว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรสชาติเป็นแบบดั้งเดิม เทียบเท่ากับการนั่งรับประทานอาหารที่ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบให้กับ Tokyo Table ว่าเดินมาถูกทางทั้งในเรื่องของรสชาติ และวัตถุดิบ ที่สั่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะเนื้อปลาดิบนานาชนิด ที่ทางฝ่ายจัดซื้อ ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการคัดเลือกเองโดยตรงจากแหล่งคุณภาพ พร้อมทั้งจัดส่งเอง ทำให้ปลาดิบที่ได้ความสดใหม่ ทั้งๆ ที่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ”
สำหรับเมนูยอดนิยมของทางร้าน ได้แก่ ข้าวหน้าปลาไหลเวอร์ชั่นของ Tokyo Table มีให้เลือก 2 สัญชาติ คือไต้หวันและญี่ปุ่น, เมนูปลาแซลมอนห่อใบหน่อไม้นึ่ง ส่วนเซตซูชิได้มีการนำเข้าปลาทูน่า แมงกระพรุนญี่ปุ่น ปลาซาบะ กุ้งหวานจากฮอกไกโด ปู ปลาไหล ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น ปลาทาโร่ และซูชิหน้าปลาดิบที่เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานรสชาติของไทยกับอาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว โดยราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท
นอกจากญี่ปุ่นที่เน้นคุณภาพวัตถุดิบแล้ว ยังอาหารฟิวชั่น (Fusion) ไทย-ญี่ปุ่น ด้วยเช่น แซลมอนอิคุระสลัด ไก่ย่างเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น สุกี้นึ่ง ข้าวผัดต้มยำกุ้งจานร้อน ที่ใส่ลงในจานกระทะหินที่มีความหอมของกระทะด้วย และปอเปี๊ยะสดสไตล์โตเกียวเทเบิ้ล ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ชาวญี่ปุ่นที่มารับประทานอาหารกันเป็นครอบครัว และเจรจาธุรกิจ ทำให้ทางโตเกียวเทเบิ้ล ได้จัดเซตพิเศษ คือชุดบิสซเนสซาซิมิ ราคา 1,800 บาทขึ้นไป (สำหรับมื้อเย็น) เป็นปลาดิบตามฤดูกาลมี 9 อย่างหลักๆ คือ ปลาดิบสดๆ จากญี่ปุ่น และปลาพิเศษที่คัดสรรสั่งตรงจากชาวประมงญี่ปุ่น ยกเว้นปลาแซลมอนที่นำเข้ามาประเทศนอร์เวย์ เป็นต้น ในขณะที่เมนูเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้า โดยทางร้านได้นำเข้าสาเกญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ชาเขียวญี่ปุ่น และน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพไว้บริการลูกค้าอีกด้วย
สำหรับบรรยากาศของร้าน จะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวในขณะรับประทานอาหาร และอบอุ่นเหมือนการรับประทานอาหารที่บ้าน ซึ่งทางร้านได้ปรับปรุงบ้านไม่เก่าตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมทั้งเพิ่มห้องกลางสวนให้ลูกค้าได้ชื่นชนบรรยากาศสบายๆ รับประทานอาหารกับบรยากาศสีเขียวย่านเอกมัย
สนใจติดต่อร้านโตเกียว เทเบิ้ล เลขที่ 8/1 เอกมัย 6 ถนนสุขุมวิท 63 เปิดให้บริการเวลา 11.30-14.00 น.และ 17.30-22.30 น. ทุกวัน หรือโทร 0-2391-4103
จากแนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดร้าน Tokyo Table โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทสไปโรด จากประเทศญี่ปุ่น กับภัตตาคารอาหารไทย-จีนอย่าง ลี คาเฟ่ ที่มีคอนเซ็ปต์ร้านคล้ายคลึงกัน คือ การเน้นไปที่สุขภาพ ความสดใหม่ ก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า
ชนิษฎา เชี่ยวนาวิน ผู้ดูแลกิจการร้าน Tokyo Table เล่าว่า แนวคิดการเปิดร้านดังกล่าว เป็นแนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่านายวากุ้ย ซัง ที่ทึ่งกับสมุนไพรไทย หลังป่วยเป็นโรคเบาหวานนานนับปีจนตาเกือบบอด ซึ่งก็เข้ารับ การรักษาที่ประเทศญี่ปุ่น แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยระยะหนึ่ง ทำให้ได้ลิ้มลองอาหารไทยที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศสมุนไพรไทย อย่าง ต้มยำกุ้ง ยำต่างๆ ก็รู้สึกว่าอาการเบาหวานเริ่มดีขึ้น จึงศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรไทยอย่างจริงจัง พร้อมทั้งตั้งใจเปิดร้านอาหารไทยที่ประเทศญี่ปุ่น โดยหวังแต่เพียงว่าต้องการให้ชาวญี่ปุ่นมีสุขภาพที่ดีกับสมุนไพรไทยบ้าง
ทำให้ในปัจจุบันนายวากุ้ย ซัง เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศญี่ปุ่นกว่า 20 แห่งทั่วกรุงโตเกียว ต่อมาจึงคิดขยายสาขามาที่ประเทศไทยบ้าง โดยเน้นการนำเอารากฐานการปรุงอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารพื้นเมืองของญี่ปุ่น เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของเมนูอาหารให้มีความโดดเด่น และแตกต่างไปจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป พร้อมทั้งมีบริการอาหารไทยด้วย
“เมื่อร้าน Tokyo Table ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2551 ทีผ่านมานั้น ถือได้ว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรสชาติเป็นแบบดั้งเดิม เทียบเท่ากับการนั่งรับประทานอาหารที่ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบให้กับ Tokyo Table ว่าเดินมาถูกทางทั้งในเรื่องของรสชาติ และวัตถุดิบ ที่สั่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะเนื้อปลาดิบนานาชนิด ที่ทางฝ่ายจัดซื้อ ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการคัดเลือกเองโดยตรงจากแหล่งคุณภาพ พร้อมทั้งจัดส่งเอง ทำให้ปลาดิบที่ได้ความสดใหม่ ทั้งๆ ที่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ”
สำหรับเมนูยอดนิยมของทางร้าน ได้แก่ ข้าวหน้าปลาไหลเวอร์ชั่นของ Tokyo Table มีให้เลือก 2 สัญชาติ คือไต้หวันและญี่ปุ่น, เมนูปลาแซลมอนห่อใบหน่อไม้นึ่ง ส่วนเซตซูชิได้มีการนำเข้าปลาทูน่า แมงกระพรุนญี่ปุ่น ปลาซาบะ กุ้งหวานจากฮอกไกโด ปู ปลาไหล ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น ปลาทาโร่ และซูชิหน้าปลาดิบที่เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานรสชาติของไทยกับอาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว โดยราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท
นอกจากญี่ปุ่นที่เน้นคุณภาพวัตถุดิบแล้ว ยังอาหารฟิวชั่น (Fusion) ไทย-ญี่ปุ่น ด้วยเช่น แซลมอนอิคุระสลัด ไก่ย่างเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น สุกี้นึ่ง ข้าวผัดต้มยำกุ้งจานร้อน ที่ใส่ลงในจานกระทะหินที่มีความหอมของกระทะด้วย และปอเปี๊ยะสดสไตล์โตเกียวเทเบิ้ล ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ชาวญี่ปุ่นที่มารับประทานอาหารกันเป็นครอบครัว และเจรจาธุรกิจ ทำให้ทางโตเกียวเทเบิ้ล ได้จัดเซตพิเศษ คือชุดบิสซเนสซาซิมิ ราคา 1,800 บาทขึ้นไป (สำหรับมื้อเย็น) เป็นปลาดิบตามฤดูกาลมี 9 อย่างหลักๆ คือ ปลาดิบสดๆ จากญี่ปุ่น และปลาพิเศษที่คัดสรรสั่งตรงจากชาวประมงญี่ปุ่น ยกเว้นปลาแซลมอนที่นำเข้ามาประเทศนอร์เวย์ เป็นต้น ในขณะที่เมนูเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้า โดยทางร้านได้นำเข้าสาเกญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ชาเขียวญี่ปุ่น และน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพไว้บริการลูกค้าอีกด้วย
สำหรับบรรยากาศของร้าน จะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวในขณะรับประทานอาหาร และอบอุ่นเหมือนการรับประทานอาหารที่บ้าน ซึ่งทางร้านได้ปรับปรุงบ้านไม่เก่าตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมทั้งเพิ่มห้องกลางสวนให้ลูกค้าได้ชื่นชนบรรยากาศสบายๆ รับประทานอาหารกับบรยากาศสีเขียวย่านเอกมัย
สนใจติดต่อร้านโตเกียว เทเบิ้ล เลขที่ 8/1 เอกมัย 6 ถนนสุขุมวิท 63 เปิดให้บริการเวลา 11.30-14.00 น.และ 17.30-22.30 น. ทุกวัน หรือโทร 0-2391-4103